มาทิลดาแห่งอังกฤษ ดัชเชสแห่งซัคเซิน

มาทิลดาแห่งอังกฤษ (อังกฤษ: Matilda of England, เยอรมัน: Mathilde von England) หรือ มอด เป็นพระราชธิดาองค์โตของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษกับพระนางอาลีเยนอร์แห่งอากีแตน ทรงเป็นดัชเชสแห่งซัคเซินและบาวาเรีย ผ่านทางการอภิเษกสมรสกับดยุคไฮน์ริชสิงห์ ทรงเป็นดัชเชสแห่งซัคเซินและบาวาเรีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1168 จนถึงการถูกปลดออกจากตำแหน่งของพระราชสวามีในปี ค.ศ. 1180 พระนางถูกตั้งพระนามตามจักรพรรดินีมาทิลดา พระอัยกี

มาทิลดาแห่งอังกฤษ
รายละเอียดจากหลุมฝังศพของมาทิลดาที่อาสนวิหารบรุนสวิก ค.ศ. 1230
ดัชเชสแห่งซัคเซิน
ดำรงพระยศค.ศ. 1168– ค.ศ. 1180
ก่อนหน้าคลีเม็นเทียแห่งซารินเก็น
ถัดไปจูดิธแห่งโปแลนด์
ดัชเชสแห่งบาวาเรีย
ดำรงพระยศค.ศ. 1168– ค.ศ. 1180
ก่อนหน้าคลีเม็นเทียแห่งซารินเก็น
ถัดไปแอกเนสแห่งลูน
ประสูติ6 มกราคม ค.ศ. 1156
ปราสาทวินด์เซอร์ บาร์กเชอร์ อังกฤษ
สวรรคต28 มิถุนายน ค.ศ. 1189 (พระชันมายุ 33 ชันษา)
เบราน์ชไวค์ นีเดอร์ซัคเซิน
ฝังพระศพอาสนวิหารบรุนสวิก นีเดอร์ซัคเซิน
พระราชสวามีไฮน์ริชที่ 12 ดยุกแห่งบาวาเรีย
พระราชบุตร
รายละเอียด
มาทิลดา เคานต์เตสแห่งแปร์ชและกูซี
ไฮน์ริชที่ 5 เคานต์พาลาไทน์แห่งไรน์
โลทาร์แห่งบาวาเรีย
ออทโทที่ 4 จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ดยุกแห่งสวาเบีย
วิลเลียมแห่งวินเชสเตอร์ ลอร์ดแห่งลือเนอบวร์ค
ราชวงศ์แพลนแทเจเนต / อ็องฌู[1]
พระราชบิดาพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ
พระราชมารดาอาลีเยนอร์แห่งอากีแตน

พระชนม์ชีพช่วงต้น แก้

มาทิลดาเป็นพระธิดาองค์โตของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษกับอาลีเยนอร์แห่งอากีแตน[2][3][4] พระองค์ประสูติในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1156 ที่ปราสาทวินด์เซอร์[2] หลังพระเชษฐา เฮนรียุวกษัตริย์ เพียง 15 เดือน ในฤดูร้อนนั้นพระเชษฐาของพระองค์ วิลเลียม สิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียง 3 พรรษา พระองค์ถูกพาตัวไปยังลอนดอนเพื่อรับศีลล้างบาปจากอาร์ชบิชอปธีโอบอลด์แห่งแคนเทอร์บรีที่โบสถ์ของพระตรีเอกานุภาพที่อัลด์เกต ทรงได้รับการตั้งชื่อตามจักรพรรดินีมาทิลดา พระมารดาของพระเจ้าเฮนรีที่ 2

มาทิลดากับพระเชษฐา เฮนรี มีพระชนมายุใกล้กันมากและใช้ช่วงเวลาในวัยเยาว์ร่วมกันในครัวเรือนของพระมารดา ทั้งคู่ถูกพาตัวไป ๆ มา ๆ ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและมีความใกล้ชิดกับราชสำนักของเอเลนอร์ พระบิดาของทั้งคู่วุ่นวายกับการเมืองต่างแดนในเวลานั้นและในวัยเด็กทั้งคู่อาจเคยพบปะกับพระองค์เพียงไม่กี่ครั้ง

ในฐานะพระราชธิดองค์โตของกษัตริย์ เจ้าหญิงมาทิลดาคือสินค้าล้ำค่าทางการเมือง การเจรจาตกลงเรื่องการอภิเษกสมรสของมาทิลดากับไฮน์ริชสิงห์ ดยุคแห่งบาวาเรีย เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1165 มาทิลดามีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา อาร์ชบิชอปแห่งโคโลญ ที่ปรึกษาคนใกล้ชิดของจักรพรรดิฟรีดริช บาร์บาร็อสซา เป็นผู้นำของคณะผู้แทนที่มาหาพระเจ้าเฮนรีที่รูอ็อง จักรพรรดิจัดแจงให้พระธิดาคนหนึ่งของเฮนรีแต่งงานกับพระราชโอรสของพระองค์ และอีกคนหนึ่งคือมาทิลดา แต่งงานกับพันธมิตรคนใกล้ชิดที่สุดของจักรพรรดิ ไฮน์ริช ดยุกแห่งซัคเซิน

สัมพันธไมตรีดังกล่าวจะทำให้ทั้งสองพระองค์ต่างให้สนับสนุนซึ่งกันและกันในการรับมือกับพระสันตะปาปา จักรพรรดิขัดแย้งกับพระสันตะปาปาเรื่องนครทางเหนือของอิตาลี ส่วนพระเจ้าเฮนรีต้องการให้พระสันตะปาปาช่วยจัดการกับทอมัส แบ็กกิตที่ถูกขับไล่ออกจากประเทศในปี ค.ศ. 1164

 
ภาพวาดคริสต์ศตวรรษที่ 15 ของมาทิลดากับไฮน์ริช (ซ้ายมือ)

จักรพรรดิบาร์บาร็อสซายังหาคนมาเป็นผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาเพื่อต่อกรกับพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ผู้เป็นศัตรูตลอดกาล แต่เฮนรีไม่สนับสนุนพระองค์ในเรื่องนี้ ส่งผลให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นเพียงคู่เดียว คือ การแต่งงานระหว่างมาทิลดากับไฮน์ริช

การเจรจาต่อรองดำเนินต่อไป มาทิลดาอยู่กับพระมารดาในอ็องฌูและแมนในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวของปี ค.ศ. 1165 ในฤดูใบไม้ผลของปี ค.ศ. 1166 พระเจ้าเฮนรีตามมาสมทบ และเมื่อถึงจุดหนึ่งมาทิลดาก็กลับไปอังกฤษพร้อมกับพระมารดาเพื่อเตรียมตัวแต่งงาน ในฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1167 เป็นช่วงเวลาที่มาทิลดาออกเดินทางไปเยอรมนี พระองค์พระชนมายุ 11 พรรษา เยอรมนีเป็นสถานที่ที่มาทิลดาไม่เคยรู้จักมาก่อน พระอัยกีของพระองค์เคยออกเดินทางมาแต่งงานในเยอรมนีห้าสิบปีก่อนการเดินทางของมาทิลดา

มีกลุ่มเอิร์ลและกลุ่มบารอนคอยติดตาม พระองค์ทิ้งพระมารดาไว้ข้างหลัง มาทิลดาออกเดินทางไปแต่งงานกับไฮน์ริช ดยุคแห่งซัคเซิน

การอภิเษกสมรส แก้

 
พิธีแต่งงานของมาทิลดากับไฮน์ริชสิงห์

ไฮน์ริชสิงห์มีอายุมากกว่ามาทิลดาเป็น 20 ปี รุ่นราวคราวเดียวกับพระบิดาของมาทิลดา เขายังเคยแต่งงานมาแล้วแต่การแต่งงานครั้งแรกถูกประกาศให้เป็นโมฆะด้วยเหตุผลว่าเป็นการร่วมประเวณีกันระหว่างญาติใกล้ชิด เขาถูกบรรยายไว้ว่าเป็นชายผู้โหดร้ายที่ไม่เคารพกฎ ลงโทษคนง่าย ๆ และน่าสะพรึงกลัว

ทั้งคู่แต่งงานกันในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1168 ตอนมาทิลดาพระชนมายุ 12 พรรษา

เห็นได้ชัดว่าการแต่งงานเป็นการแต่งงานที่ประสบความสำเร็จและให้กำเนิดบุตรธิดา 10 คน แม้หลายคนจะเสียชีวิตในวัยเด็ก บุตรสาวคนโตของทั้งคู่ ริชเช็นท์ซา (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นมาทิลดา) เกิดราวปี ค.ศ. 1172 ถูกจับแต่งงานครั้งแรกกับฌอฟรัวที่ 3 เคานต์แห่งแปร์ช และครั้งที่สองกับอ็องแกร็องที่ 3 ลอร์ดแห่งกูซี

ส่วนบุตรชาย ไฮน์ริชที่เกิดในปี ค.ศ. 1173 จะสืบทอดต่อดัชชีซัคเซินและบาวาเรียหลังการเสียชีวิตของบิดาในปี ค.ศ. 1195 บุตรชายคนที่สอง อ็อทโท เอิร์ลแห่งยอร์กและเคานต์แห่งปงธิว ที่เกิดราวปี ค.ศ. 1175 จะกลายเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในนามจักรพรรดิอ็อทโทที่ 4 ในปี ค.ศ. 1209 อ็อทโทถูกพระมาตุลา พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 มองว่าเป็นทายาทในบัลลังก์อังกฤษช่วงสั้น ๆ ก่อนที่พระเจ้าจอห์นจะอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ บุตรชายคนที่สาม วิลเลียม ดยุคแห่งลือเนอบวร์คและบรุนสวิก เกิดในอังกฤษในปี ค.ศ. 1184 และจะเป็นบรรพบุรุษในสายเพศชายสายตรงของราชวงศ์ฮันโนเฟอร์ของกษัตริย์แห่งบริเตนใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 18

ไม่ว่าบรรยากาศระหว่างทั้งคู่จะเป็นเช่นไร พระองค์ก็เป็นคนที่มีแข็งแกร่ง เหมือนเช่นพระมารดา เพราะทั้งที่ยังเด็กมากแต่เขาก็ปล่อยให้พระองค์บริหารจัดการทรัพย์สินที่ดินขนาดใหญ่ในช่วงที่ออกเดินทางไปแสวงบุญ พระองค์ต้องทำเช่นนั้นอีกครั้งเมื่อเขาออกเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในปี ค.ศ. 1172 ในตอนที่พระองค์มีพระชนมายุ 16 พรรษา

มาทิลดากับทอมัส แบ็กกิต แก้

สิ่งที่น่าสนใจในเรื่องราวชีวิตของมาทิลดาคือการรับบทเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิทอมัส แบ็กกิต ตามที่มีการบันทึกไว้ มาทิลดาส่งเสริมลัทธินี้ในเยอรมนี

ลัทธิแบ็กกิตไม่ใช่ลัทธิสำคัญในคริสตจักรตะวันตก หลังเขาเสียชีวิตได้ไม่นาน พิธีฝังศพถูกประกอบขึ้นอย่างเร่งรีบและว่ากันว่ามรปาฏิหาริย์นับร้อย ๆ เกิดขึ้นทั้งในและรอบ ๆ แคนเทอร์บรี การเสียชีวิตของแบ็กกิตคือของแสลงใจของพระเจ้าเฮนรีและลัทธิย่อมเป็นขวากหนามที่คอยทิ่มแทงอยู่ข้างตัว ลัทธิที่เติบโตขึ้นเป็นเหมือนข้อพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นคนผิดในการฆาตกรรมที่เกิดขึ้น พิธีอภัยบาปของกษัตริย์ที่หลุมฝังศพของแบ็กกิตในปี ค.ศ. 1174 คือการลบมลทินของพระองค์ มาทิลดาที่รักพระบิดาจึงอาจจะสนับสนุนลัทธิเพื่อแสดงให้โลกเห็น่วาพระบิดาของพระองค์ได้รับการอภัยบาปจากมรณสักขีแล้ว

การกระทำของมาทิลดาทำให้พระองค์ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ทรงเกียรติ และทรงอำนาจ ในปลายคริสตทศวรรษ 1170 ดยุคไฮน์ริชกับจักรพรรดิฟรีดริชขัดแย้งกันทางการเมือง การทะเลาะเบาะแว้งสร้างบาดแผลใหญ่ให้กับไฮน์ริชและมาทิลดา ทั้งคู่ถูกริบที่ดินและถูกขับไล่ออกจากประเทศเป็นเวลา 7 ปี ในปี ค.ศ. 1182 ทั้งสองมุ่งหน้าไปที่ราชสำนักของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ในนอร์ม็องดี มีบันทึกไว้ว่าพระองค์ต้องรับทั้งคู่ด้วยความปิติยินดี

มาทิลดาตั้งครรภ์อีกครั้งและอยู่กับพระบิดาต่อไปในขณะที่สามีของพระองค์ออกเดินทางแสวงบุญไปกอมโปสเตลา ครอบครัวได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในวันคริสต์มาสของปี ค.ศ. 1182 ช่วงเวลาที่มาทิลดาได้ฉลองเทศกาลกับพี่น้องที่ราชสำนักของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ในก็อง

 
อาสนวิหารวินเชสเตอร์

แต่ครอบครัวของพระองค์แตกออกจากกันเมื่อพระเชษฐา เฮนรียุวกษัตริย์ ต่อสู้กับพระบิดา พระเจ้าเฮนรีที่ 2 ผลลัพธ์ที่ได้คือการสิ้นพระชนม์ของพระเชษฐาผู้เป็นที่รัก เฮนรี ในวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1183 ผลกระทบที่เกิดขึ้นคงสร้างความโทมนัสให้แก่มาทิลดา ในปี ค.ศ. 1184 มาทิลดาตั้งครรภ์อีกครั้งและให้กำเนิดบุตรชาย วิลเลียม ที่วินเชสเตอร์

ในปี ค.ศ. 1174 อาลีเยนอร์แห่งอากีแตนกลับมาอังกฤษและถูกคุมขังไม่ที่วินเชสเตอร์ก็ที่โอลด์ซารุม ว่ากันว่ามาทิลดาพยายามอย่างหนักเพื่อให้มารดาได้รับความสะดวกสบายในการคุมขัง ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้มาทิลดามาให้กำเนิดบุตรชาย วิลเลียม ที่วินเชสเตอร์ในปี ค.ศ. 1184 เอเลนอร์ได้รับอนุญาตให้พบมาทิลดาได้ และเมื่อเอเลนอร์ได้รับอนุญาตให้กลับไปฝรั่งเศสได้ในเวลาต่อมา ก็เป็นมาทิลดาที่ติดตามพระองค์ไปด้วย

กลับสู่เยอรมนี แก้

 
หลุมฝังศพของมาทิลดากับไฮน์ริชสิงห์

ขณะเดียวกันพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ก็พยายามหาวิธีให้ทั้งคู่ได้กลับไปซัคเซินอีกครั้งด้วยการกดดันจักรพรรดิฟรีดริชในทางการทูต ในปี ค.ศ. 1185 ทั้งคู่ได้รับอนุญาตให้กลับไปได้ ทั้งคู่ไม่มั่นใจกับสถานะของตนในซัคเซินจึงตัดสินใจทิ้งบุตรธิดาสามคนให้เติบโตในราชสำนักของพระเจ้าเฮนรี เหตุการณ์ครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมาก บุตรชายคนหนึ่งของทั้งสอง อ็อทโท กลายเป็นพระโอรสบุญธรรมของพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 และต่อมาจะกลายเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ส่วนลูกหลานของทารกน้อยวิลเลียมที่เกิดที่วินเชสเตอร์สุดท้ายจะกลายเป็นผู้ปกครองราชวงศ์ฮันโนเฟอร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 18

ไฮน์ริชสิงห์ถูกขับไล่ออกจากประเทศอีกครั้งในปี ค.ศ. 1188 และต่อมาในปี ค.ศ. 1189 มาทิลดาสิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียง 33 ปี ไฮน์ริชเสียชีวิตในอีก 6 ปีต่อมาและทั้งคู่ถูกฝังอยู่เคียงข้างกันในอาสนวิหารบรุนสวิก

พระราชโอรส-ธิดา แก้

มาทิลดากับไฮน์ริชมีบุตรด้วยกัน คือ

  1. มาทิลดาหรือริชเช็นท์ซา (ค.ศ. 1172–1204) แต่งงานครั้งแรกกับฌอฟรัว เคานต์แห่งแปร์ช มีทายาท ครั้งที่สองกับอ็องแกร็องที่ 2 ลอร์ดแห่งกูซี ไม่มีทายาท
  2. ไฮน์ริชที่ 5 เคานต์พาลาไทน์แห่งไรน์ (ค.ศ. 1173–1227) แต่งงานครั้งแรกกับอักเน็สแห่งโฮเอินชเตาเฟิน มีทายาท ครั้งที่สองกับอักเน็สแห่งลันทซ์แบร์ค ไม่มีทายาท
  3. โลทาร์แห่งบาวาเรีย (ค.ศ. 1174–1190)
  4. อ็อทโทที่ 4 จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และดยุคแห่งสเวเบีย (ค.ศ. 1175–1218) แต่งงานครั้งแรกกับเบียทริซแห่งสเวเบีย ไม่มีทายาท ครั้งที่สองกับมาเรียแห่งบราแบนต์ ไม่มีทายาท
  5. วิลเลียมแห่งวินเชสเตอร์ ลอร์ดแห่งลือเนอบวร์ค (ค.ศ. 1184–1213) แต่งงานกับเฮเลนาแห่งเดนมาร์ก มีทายาทหนึ่งคน อ็อทโท ดยุคที่ 1 แห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค บรรพบุรุษของราชวงศ์ฮันโนเฟอร์

อ้างอิง แก้

  1. นักประวัติศาสตร์ต่างถกเถียงเรื่องนิยามของราชวงศ์แพลนแทเจเนตและอ็องณู บางแห่งถือว่าพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 เป็นต้นวงศ์ราชวงศ์แพลนแทแจเน็ต ในขณะที่บางแห่งถือว่าพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 พระเจ้าริชาร์ด และพระเจ้าจอหน์เป็นกษัตริย์ราชวงศ์อ็องณู และพระเจ้าเฮนรี่ที่ 3 เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์แพลนแทแจเน็ต
  2. 2.0 2.1 Weir 2011, p. 62.
  3. Panton 2011, p. 342.
  4. Norgate 1894, p. 58.

แหล่งที่มา แก้

  • Diggelmann, Lindsay (2005). "Exile and the Poetic Standpoint of the Troubadour Bertran de Born". Parergon. Australian and New Zealand Association of Medieval and Early Modern Studies (Inc.). 22: 1–16. doi:10.1353/pgn.2005.0018. S2CID 145553555.
  • Jordan, Karl (1986). Henry the Lion: A Biography. Falla, P. S. (trans.). Oxford: Clarendon Press. ISBN 978-0198219699.
  • Leese, Thelma Anna (1996). Blood Royal: Issue of the Kings and Queens of Medieval England, 1066-1399 : the Normans and Plantagenets. Heritage Books. ISBN 978-0788405259.
  • Norgate, Kate (1894). Sidney Lee (บ.ก.). "Matilda (1156-1189)". Dictionary of National Biography. London: Smith, Elder & Co. pp. 58–59.
  • Weir, Alison (2011). Britain's Royal Families: The Complete Genealogy. Random House. pp. 62–63. ISBN 978-0810874978.
  • Wheeler, Bonnie; Parsons, John Carmi (2008). Eleanor of Aquitaine : Lord and Lady (The New Middle Ages). Palgrave Macmillan. ISBN 978-0230602366.
  • Panton, James (2011). Historical Dictionary of the British Monarchy. Scarecrow Press. p. 342. ISBN 978-0810874978.