มาทิลดาแห่งบูลอญ
มาทิลดาแห่งบูลอญ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ (ภาษาอังกฤษ: Matilda of Boulogne) (ราว ค.ศ. 1105 – 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1152) มาทิลดาแห่งบูลอยน์เป็นพระธิดาของ Eustace เคาน์แห่งบูลอยน์และแมรีแห่งสกอตแลนด์ (พระธิดาของพระเจ้ามัลคอล์มที่ 3 แห่งสกอตแลนด์ และนักบุญมากาเร็ตแห่งสกอตแลนด์) เป็นพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าสตีเฟนแห่งอังกฤษระหว่าง ค.ศ. 1125 จนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1152
มาทิลดาแห่งบูลอญ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ | |
---|---|
มาทิลดาแห่งบูลอญ | |
สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ | |
ราชาภิเษก | 22 มีนาคม ค.ศ. 1136 |
ประสูติ | ประมาณ ค.ศ. 1105 บูลอญ ฝรั่งเศส |
สิ้นพระชนม์ | 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1152 (ประมาณ 47 พรรษา) ปราสาทเฮดดิ้งแฮม เอสเซกซ์ อังกฤษ |
จักรพรรดินี | พระเจ้าสตีเฟนแห่งอังกฤษ |
มาทิลดาแห่งบูลอญ | |
พระบุตร | บาลด์วินแห่งบูลอญ บาลด์วินแห่งบูลอญ ยูซตาสที่ 4 เคานต์แห่งบูลอญ มาทิลดาแห่งบูลอญ มารีที่ 1 เคานเตสแห่งบูลอญ วิลเลียมแห่งบลัวส์ เคานต์แห่งมอร์แต็งและบูลอญและเอิร์ลแห่งเซอร์รีย์ |
ราชวงศ์ | แฟลนเดอส์ |
พระบิดา | ยูซตาสที่ 3 เคานต์แห่งบูลอญ |
พระมารดา | แมรีแห่งสกอตแลนด์ |
พระราชประวัติ
แก้มาทิลดาแห่งบูลอญเสด็จพระราชสมภพในปี ค.ศ. 1105 และเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ยูซตาสที่ 3 เคานต์แห่งบูลอญกับแมรีแห่งสกอตแลนด์
เคานเตสแห่งบูลอญ
แก้หลังการตายของพ่อในปี ค.ศ. 1125 มาทิลดากลายเป็นเคานเตสแห่งบูลอญตามสิทธิ์ของตนเอง ในปีเดียวกัน พระเจ้าเฮนรีที่ 1 จัดแจงให้พระภาคิไนย (หลานอา) สตีเฟนแห่งบลัวส์ แต่งงานกับมาทิลดา
การเป็นพระราชินี
แก้ห้าปีก่อนมาทิลดากับสตีเฟนแต่งงานกัน โศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายเป็นต้นเหตุของวิกฤตการสืบทอดบัลลังก์ เรือขาวที่บรรทุกพระโอรสคนเดียวของพระเจ้าเฮนรีที่ 1 วิลเลียมอาเธลิงจมขณะออกจากฝรั่งเศสเพื่อล่องไปอังกฤษ และวิลเลียมอาเธลิงจมน้ำสิ้นพระชนม์ จักรพรรดินีมาทิลดาเป็นลูกในสมรสคนเดียวของเฮนรีและในวันคริสต์มาสของปี ค.ศ. 1226 เฮนรีได้ให้บารอนของตนสาบานว่าจะยอมรับมาทิลดาและทายาทในสมรสในอนาคตของพระองค์เป็นผู้สืบทอด
หลังการจมของเรือขาว สตีเฟนกับมาทิลพักอยู่ใกล้กับพระเจ้าเฮนรีที่ 1 และส่วนใหญ่แล้วอาศัยอยู่ในอังกฤษเพื่อให้ตระหนักว่าสตีเฟนอยู่ใกล้บัลลังก์มาก พระธิดาของเฮนรี จักรพรรดินีมาทิลดา จากอังกฤษไปตั้งแต่เด็กเพื่อไปแต่งงานกับจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เฮนรีที่ 5 ที่สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1125 จักรพรรดินีมาทิลดาไปที่ราชสำนักในนอร์ม็องดี (กษัตริย์แห่งอังกฤษเป็นดยุคแห่งนอร์ม็องดีด้วย) สุดท้ายแล้วพระเจ้าเฮนรีที่ 1 จัดแจงให้พระธิดาแต่งงานกับจอฟเฟรย์แห่งอ็องฌูในปี ค.ศ. 1128 การแต่งงานไม่ใช่การแต่งงานที่มีความสุข สองสามีภรรยามักแยกกันอยู่และล้มเหลวในการผลิตลูกจนถึงปี ค.ศ. 1133
ในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1135 พระเจ้าเฮนรีที่ 1 แห่งอังกฤษสิ้นพระชนม์ สตีเฟนแห่งบลัวส์รีบข้ามจากบูลอญมาอังกฤษ เดินทางมากับครัวเรือนทางทหารของตน ด้วยความช่วยเหลือของน้องชาย เฮนรีแห่งบลัวส์ ที่เป็นบิชอปแห่งวินเชสเตอร์ สตีเฟนยึดอำนาจในอังกฤษและได้รับการสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 1135 มาทิลดาแห่งบูลอญไม่สามารถร่วมเดินทางไปกับสามีได้เพราะทรงตั้งครรภ์ พระองค์จึงได้รับการสวมมงกุฎในวันอีสเตอร์ 22 มีนาคม ค.ศ. 1136 จักรพรรดินีมาทิลดาไม่ลดละในการอ้างสิทธิ์ในอังกฤษและนอร์ม็องดี ซึ่งนำไปสู่สงครามกลางเมืองอันยาวนานที่รู้จักกันในชื่อดิ อานาร์คี (ภาวะอนาธิปไตย) ระหว่างปี ค.ศ. 1135 ถึง 1153
ในช่วงสงครามกลางเมือง มาทิลดาแห่งบูลอญพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของพระสวามี มาทิลดาเข้มแข็งและแก้ปัญหาได้ดีขณะที่สตีเฟนอ่อนแอและไม่เด็ดขาด เมื่ออังกฤษถูกบุกในปี ค.ศ. 1138 มาทิลดาระดมกองทหารจากบูลอญกับพันธมิตร ฟลานเดอร์ส์ และปิดล้อมปราสาทโดเวอร์ได้สเร็จ แล้วพระองค์ก็ขึ้นเหนือไปเดอแรม ที่ซึ่งพระองค์ทำสนธิสัญญากับพระเจ้าดาวิดที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ในปี ค.ศ. 1139 หลังสตีเฟนถูกจับตัวที่สมรภูมิลินคอล์นในปี ค.ศ. 1141 ทรงระดมผู้สนับสนุนของสตีเฟนและตั้งกองทัพขึ้นมาด้วยความช่วยเหลือของวิลเลียมแห่งอิปร์ส์ หัวหน้าแม่ทัพของสตีเฟน มาทิลดาเป็นคนยึดลอนดอนกลับมาให้สตีเฟนและบีบจักรพรรดินีมาทิลดาให้ถอนทัพจากการปิดล้อมวินเชสเตอร์ ซึ่งนำไปสู่การปล่อยตัวสตีเฟนในปี ค.ศ. 1141 แลกกับน้องชายนอกสมรสของจักรพรรดินี โรเบิร์ตแห่งกลอสเตอร์
ในกลางยุค 1140 การต่อสู้เบาลงและมีการคุมเชิงกันและการสืบทอดบัลลังก์เริ่มเป็นจุดสนใจ จักรพรรดินีมาทิลดากลับไปนอร์ม็องดีในปี ค.ศ. 1147 ในปีเดียวกัน สามีกับลูกชายคนโตของจักรพรรดินี เฮนรี ฟิตซ์เอ็มเพรส อนาคตพระเจ้าเฮนรีที่ 2 นำทหารรับจ้างบุกอังกฤษซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ จักรพรรดินียังคงอยู่ในนอร์ม็องดีที่ซึ่งพระองค์มุ่งความสนใจไปที่เสถียรภาพในนอร์ม็องดีกับการยกระดับสิทธิ์ในบัลลังก์อังกฤษของลูกชาย
มาทิลดาแห่งบูลอญสิ้นพระชนม์ด้วยไข้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1152 ที่ปราสาทเฮดินแกมในเอสเซ็กซ์ อังกฤษ ทรงถูกฝังที่ฟาเวอร์แชมแอบบีย์ในเคนต์ อังกฤษ ที่พระองค์กับพระสวามีก่อตั้งขึ้นมา บางทีหากพระองค์ไม่สิ้นพระชนม์และพระสวามีไม่เสียผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดไป ผลของสงครามกลางเมืองจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่ง
ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1153 พระโอรสคนโตที่ยังมีชีวิตอยู่ของสตีเฟนกับมาทิลดา ยูซตาส สิ้นพระชนม์ ในวันเดียวกับที่ลูกชายคนโตของเฮนรี ฟิตซ์เอ็มเพรส อนาคตพระเจ้าเฮนรีที่ 2 กับอาลีเยนอร์แห่งอากีแตนเกิด เด็กน้อย วิลเลียมที่ 9 เคานต์แห่งปัวติเยร์ส์ มีชีวิตอยู่เพียงสองปี แต่ก็คลานตามมาด้วยพี่น้องเจ็ดคน สองในเจ็ดกลายเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษ
ไม่นานหลังการสิ้นพระชนม์ของยูซตาสในปี ค.ศ. 1153 สตีเฟนกับเฮนรี ฟิตซ์เอ็มเพรสบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการที่รู้จักกันในชื่อสนธิสัญญาวอลลิงฟอร์ด (หรือวินเชสเตอร์ หรือเวสต์มินสเตอร์) สนธิสัญญาให้สตีเฟนครองบัลลังก์ต่อไปจนสิ้นพระชนม์ แต่บีบพระองค์ให้ยอมรับลูกชายของจักรพรรดินีมาทิลดา เฮนรี ฟิตซ์เอ็มเพรส เป็นทายาท สตีเฟนสิ้นพระชนม์หลังพระมเหสีสองปีกว่า ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบที่ปราสาทโดเวอร์เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1154 และสายของกษัตริย์แพลนทาเจเนต 14 คนที่ปกครองตั้งแต่ ค.ศ. 1485 เริ่มต้นขึ้น สตีเฟนถูกฝังอยู่กับพระมเหสี มาทิลดา และพระโอรส ยูซตาส ที่ฟาเวอร์ชามแอบบีย์ที่ถูกทำลายในช่วงการยุบอารามของพระเจ้าเฮนรีที่ 8
ทายาท
แก้สตีเฟนกับมาทิลมีพระโอรสสามคนกับพระธิดาสองคน คือ
- บาลด์วินแห่งบูลอญ (ปี ค.ศ. 1126 – ธันวาคม ค.ศ. 1135)
- ยูซตาสที่ 4 เคานต์แห่งบูลอญ (ปี ค.ศ. 1129 – 17 สิงหาคม ค.ศ. 1153) แต่งงานกับกงสต็องส์แห่งฝรั่งเศส ไม่มีทายาท
- มาทิลดาแห่งบูลอญ (ปี ค.ศ. 1133 – 1137) แต่งงานกับแวเลอร็อง เดอ บูมงต์ เอิร์ลที่ 1 แห่งวูร์ซสเตอร์ ไม่มีทายาท
- มารีที่ 1 เคานเตสแห่งบูลอญ (ปี ค.ศ. 1136 – 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1182) แต่งงานกับแมทธิวแห่งอัลซาส มีทายาท
- วิลเลียมแห่งบลัวส์ เคานต์แห่งมอร์แต็งและบูลอญและเอิร์ลแห่งเซอร์รีย์ (ปี ค.ศ. 1137 - 11 ตุลาคม ค.ศ.1159) แต่งงานกับอิซาเบล เดอ วอเรนน์ ไม่มีทายาท