มอนอินทร์ รินคำ

มอนอินทร์ รินคำ เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ 2 สมัย ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522 สังกัดพรรคกิจสังคม และได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2535 สังกัดพรรคพลังธรรม[1]

มอนอินทร์ รินคำ
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด5 เมษายน พ.ศ. 2479 (88 ปี)
อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
ศาสนาพุทธ
พรรคการเมืองพลังประชาชน (2550—2551)

ประวัติ แก้

มอนอินทร์ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2479 ที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรของนายหน้อย กับนางปิ่นแก้ว รินคำ สำเร็จการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ (รุ่น 21) ระดับปริญญาตรีและปริญญาโททางด้านการเกษตร จากมหาวิทยาลัยอะราเนด้า ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อปี พ.ศ. 2511 และ พ.ศ. 2513 ตามลำดับ[2]

งานการเมือง แก้

มอนอินทร์ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ 2 สมัย ในปี พ.ศ. 2522 สังกัดพรรคกิจสังคม และในเดือนกันยายน พ.ศ. 2535 สังกัดพรรคพลังธรรม ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2543 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยได้รับหมายเลข 23 แต่ได้คะแนน 18,363 คะแนน เป็นลำดับที่ 12 ไม่ได้รับเลือกตั้ง[3] จากนั้นในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. สังกัดพรรคชาติไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง โดยได้รับคะแนนเพียง 208 คะแนนเท่านั้น[4][5] ภายหลังจึงได้เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชาชน

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้

อ้างอิง แก้

  1. นักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า. 2551[ลิงก์เสีย]
  2. ประวัติผู้สมัคร ส.ส.[ลิงก์เสีย]
  3. "สรุปคะแนนเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 4 มีนาคม 2543". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-05. สืบค้นเมื่อ 2012-08-21.
  4. "รายงานผลคะแนน จังหวัดเชียงใหม่". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-07. สืบค้นเมื่อ 2012-08-21.
  5. http://www.kpi.ac.th/media_kpiacth/pdf/M8_34.pdf
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-11-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๑ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๑, ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-11-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๕๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๕