การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522 จัดเป็น การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 12[1] ของประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง ส่งผลให้รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลยกเว้นการบังคับเกี่ยวกับการจัดตั้งหรือการสังกัดพรรคการเมืองของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยใช้คำว่า "กลุ่มการเมือง" เป็นการเรียกอย่างไม่เป็นทางการ การเลือกตั้งมีขึ้นในเดือนธันวาคม ปีเดียวกันแล้ว พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522

← พ.ศ. 2519 22 เมษายน พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2526 →

ทั้งหมด 301 ที่นั่งในรัฐสภาไทย
ต้องการ 151 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก
ผู้ใช้สิทธิ43.9% ลดลง
  First party Second party
 
ผู้นำ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ประมาณ อดิเรกสาร
พรรค กิจสังคม ชาติไทย
เขตของผู้นำ 4 พฤศจิกายน 2517

ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 11

19 พฤศจิกายน 2517

ส.ส.สระบุรี

เลือกตั้งล่าสุด 45 56
ที่นั่งที่ชนะ 88 42
ที่นั่งเปลี่ยน เพิ่มขึ้น 43 ลดลง 14
คะแนนเสียง 4,179,174 2,213,299
% 21.1% 11.3%

  Third party Fourth party
 
ผู้นำ ถนัด คอมันตร์ สมัคร สุนทรเวช
พรรค ประชาธิปัตย์ ประชากรไทย
เขตของผู้นำ 23 ธันวาคม 2521

ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 6

9 มีนาคม 2522

ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 1

เลือกตั้งล่าสุด 114 พรรคใหม่
ที่นั่งที่ชนะ 35 32
ที่นั่งเปลี่ยน ลดลง 79 เพิ่มขึ้น 32
คะแนนเสียง 2,865,248 528,210
% 14.6% 2.7%

นายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง

เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
คณะปฏิวัติ

ว่าที่นายกรัฐมนตรี

เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
อิสระ

การเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก ที่มีขึ้นหลังเหตุการณ์นองเลือดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวง ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการรัฐประหารและกบฏเกิดขึ้นตามมาอีก รวมทั้งหมด 3 ครั้ง

ผลของการเลือกตั้ง ปรากฏว่า พรรคประชากรไทยที่เพิ่งมีการก่อตั้งขึ้นมา โดย นายสมัคร สุนทรเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของพรรค โดยสามารถได้รับเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ถึง 29 ที่นั่ง จากทั้งหมด 32 ที่นั่ง โดยเหลือให้แก่ พันเอก ถนัด คอมันตร์ จากพรรคประชาธิปัตย์, หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช และนายเกษม ศิริสัมพันธ์ จากพรรคกิจสังคม เพียง 3 ที่นั่งเท่านั้น ในขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศ พรรคกิจสังคม ได้รับเลือกมาเป็นอันดับหนึ่ง คือ 88 ที่นั่ง ขณะที่ผู้สมัครอิสระที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด ได้ทั้งสิ้น 63 ที่นั่ง จากเสียงทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎร 301 เสียง จึงไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงเกินครึ่ง ทุกพรรคจึงมีมติสนับสนุนให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ซึ่งต่อมาในวันที่ 12 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งนับเป็นสมัยที่ 2

การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยชนะการเลือกตั้งมาก่อนหน้านั้นถึง 2 ครั้ง คือ ในปี พ.ศ. 2518 และพ.ศ. 2519 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่เคยได้รับการเลือกตั้งมาทั้งหมด ก็เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น ขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศจากที่เคยได้มากถึง 114 คน ในปี พ.ศ. 2519 เหลือเพียง 35 คนเท่านั้น ในครั้งนี้ [2]

ดังนั้น หลังการเลือกตั้ง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคซึ่งไม่ได้ลงรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็ได้ลาออกพร้อมทั้งคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด เพื่อรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้ง ซึ่งต่อมา ผู้ที่รับได้เลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค คือ พ.อ.ถนัด คอมันตร์ สมาชิกพรรคผู้ได้รับเลือกตั้งมาเพียงคนเดียวเท่านั้นของกรุงเทพมหานคร และ ม.ร.ว.เสนีย์ ก็ได้ถือโอกาสนี้วางมือจากการเมืองทั้งหมด[3] [4]

อนึ่ง การเลือกตั้งครั้งนี้มีความแตกต่างไปจากการเลือกตั้งครั้งอื่น ๆ คือ ในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2522 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ประกอบการเลือกตั้งครั้งนี้ ในมาตรา 18 ได้กำหนดให้มีการจำกัดสิทธิของผู้ที่ใช้สิทธิเลือกตั้งพอสมควร เช่น ต้องจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และการไปใช้สิทธินั้นต้องลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ก่อนด้วย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนที่เกิดจากบิดาที่เป็นชาวจีนอพยพ[5] ทั้ง ๆ ที่ตามกฎหมายแล้ว บุคคลเช่นนี้ถือว่ามีสัญชาติไทยโดยสมบูรณ์ ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในเวลาต่อมามาตรานี้ก็ได้รับการแก้ไข[6][7]


อ้างอิง

แก้
  1. การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2539. ศูนย์บริการข้อมูลและกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. 1996. pp. 5–7.
  2. "ประวัติพรรคประชาธิปัตย์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-15. สืบค้นเมื่อ 2012-06-27.
  3. ม้ามืดสมัคร ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ผู้ลงคะแนนเขตกรุงเทพฯ เลือกประชากรไทยแทนประชาธิปัตย์ หน้า 168, กาลานุกรมสยามประเทศ 2485-2554 โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ISBN 978-974-228-070-3
  4. Nohlen, D, Grotz, F & Hartmann, C (2001) Elections in Asia: A data handbook, Volume II, p285 ISBN 0-19-924959-8
  5. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๒๒, Act มาตรา 18 ประกาศใช้เมื่อ 1979-02-03
  6. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓, Act มาตรา 5 ประกาศใช้เมื่อ 1980-02-04
  7. มารุต บุนนาค, ท่านอาจารย์เสนีย์ ปราโมช ที่ผมเคารพและศรัทธา ภาคผนวก หน้า 18. ชีวลิขิต โดย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ISBN 974-9353-50-1