พระเจ้าอะเนาะเพะลูน

พระเจ้าอะเนาะเพะลูน (พม่า: အနောက်ဖက်လွန်, ออกเสียง: [ʔənaʊ̯ʔ pʰɛʔ lʊ̀ɰ̃] อะเน่าก์แพะหลุ่นมิง แปลว่า พระราชาแห่งทิศตะวันตก) หรือ พระเจ้ามหาธรรมราชา พงศาวดารมอญพม่าเรียกว่าพระเจ้าปราสาททองกลดแก้ว[1] เป็นพระมหากษัตริย์พม่าในราชวงศ์ตองอู เมื่อสิ้นพระเจ้าบุเรงนองและพระเจ้านันทบุเรงแล้ว ฐานอำนาจของราชวงศ์ตองอูสั่นคลอนเนื่องจากเกิดการกบฏจากพม่าด้วยกันเองในหลายหัวเมือง อีกทั้งการรุกรานจากต่างชาติ เช่น มอญและชาวโปรตุเกส พระองค์ทรงเป็นผู้รวบรวมอาณาจักรพม่าให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง แม้ไม่ยิ่งใหญ่เท่าสมัยของพระอัยกาก็ตาม

พระเจ้าอะเนาะเพะลูน
พระมหากษัตริย์พม่า
พระเจ้าอังวะ
ครองราชย์5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2148 – 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2160
ก่อนหน้าพระเจ้าญองยาน
ถัดไปมังรายกะยอชวาแห่งซะกุ๊
พระเจ้าหงสาวดี
ครองราชย์พ.ศ. 2160 – 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2171
ก่อนหน้าพระเจ้านันทบุเรง
ถัดไปพระเจ้ามีนเยเดะบะ
พระราชสมภพ21 มกราคม พ.ศ. 2121
สวรรคต9 กรกฎาคม พ.ศ. 2171
หงสาวดี
พระราชบุตรพระเจ้ามินแยไดกปา
พระนามเต็ม
ตะคีนละ
ราชวงศ์ตองอู
พระราชบิดาพระเจ้าญองยาน
พระราชมารดาพระนางสิริมหาธัมมราชาธิบดีเทวี
ศาสนาพุทธเถรวาท

การขึ้นครองราชย์

แก้

พระเจ้าอะเนาะเพะลูนเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระเจ้าญองยานพระราชโอรสพระองค์เล็กของพระเจ้าบุเรงนอง เมื่อพระราชบิดาประชวรและสวรรคตระหว่างเดินทางกลับจากการยึดแสนหวีมาจากกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2148 พระองค์จึงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ากรุงอังวะต่อจากพระบิดา

การสงคราม

แก้

ในขณะนั้นอาณาจักรตองอูที่เคยยิ่งใหญ่ได้แตกสลายไปหมดแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนในสมัยที่พระเจ้านันทบุเรงสิ้นพระชนม์ คือ

  • อังวะ ปกครองโดยพระองค์
  • แปร ปกครองโดยสะโตธรรมราชา ราชบุตรของพระเจ้านันทบุเรง ซึ่งแยกตัวเป็นอิสระจากหงสาวดีตั้งแต่สมัยพระเจ้านันทบุเรง
  • ตองอู ปกครองโดยพระเจ้าตองอู เป็นพระโอรสของพระปิตุลาของพระเจ้านันทบุเรง

พระเจ้าอโนเพตลุนเมื่อรวบรวมไทใหญ่ได้แล้ว ก็ตีเมืองแปรได้ในปี พ.ศ. 2153 แล้วให้พระเจ้าตาลูน พระอนุชาปกครองเมืองแปรแทน

ตีเมืองตองอู

แก้

พระเจ้าตองอูประชวรถึงแก่พิราลัย พระมหาอุปราชานัดจินหน่อง (พระสังกทัต) ขึ้นเป็นพระเจ้าตองอูแทนพระบิดา เกรงจะต้านทานอังวะไม่ได้จึงส่งทูตมายอมอ่อนน้อมต่อกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2152 รัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ แต่เมื่อพระเจ้าอะเนาะเพะลูนยกทัพมาตีเมืองตองอู สมเด็จพระเอกาทศรถไม่ได้ทรงยกทัพไปช่วยแต่รับสั่งให้พระยาทะละที่ปกครองหัวเมืองมอญทางใต้กับฟีลีปึ ดึ บรีตู อี นีโกตึ ชาวโปรตุเกส เจ้าเมืองสิเรียมซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยาสมัยนั้นเกณฑ์ไพร่พลมอญไปช่วย แต่ทัพมอญนั้นยกไปช้าทำให้พระเจ้าตองอูนัดจินหน่องยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้าอะเนาะเพะลูนใน พ.ศ. 2153

พระเจ้าอะเนาะเพะลูนรับสั่งให้พระเจ้าตองอูตั้งทัพสกัดทัพมอญ แต่ก็ต้านไม่อยู่จนพระยาทะละกับดึบรีตูไปถึงตองอูจึงเผาเมืองตองอูทิ้ง และให้กวาดต้อนทรัพย์สมบัติผู้คนรวมถึงพระจ้าตองอูลงไปยังสิเรียม พระเจ้าตองอูเข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์

ตีเมืองสิเรียม

แก้

ต่อมาพระยาทะละกับดึบรีตูแตกคอกันเพราะเดอปริโตทำลายและย่ำยีพระพุทธศาสนาด้วยการรื้อสถูปเจดีย์เพื่อหาสมบัติซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวพม่ามอญรับไม่ได้ ชาวเมืองสิเรียมก็พากันเกลียดชัง พระเจ้าอะเนาะเพะลูนได้โอกาสจึงเสด็จตีเมืองสิเรียมใน พ.ศ. 2155 ครั้งนี้อยุธยาไม่ช่วย เดอปริโตจึงเอาเมืองหงสาวดีไปยกให้รัฐบาลโปรตุเกสแล้วขอทัพเรือมาช่วยแต่มาไม่ทัน พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงตีเมืองสิเรียมแตกเมื่อ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ. 2156 ทรงจับดึบรีตูไปตรึงกางเขน และกวาดต้อนชาวโปรตุเกสกับพวกลูกครึ่งราว 400 ไปเป็นทาสที่อังวะ ทัพเรือโปรตุเกสมาถึงหลังสิเรียมถูกตีแตกเลยถูกทัพอังวะยึดไว้

ส่วนพระเจ้าตองอูนัดจินหน่อง พระเจ้าอะเนาะเพะลูนเห็นว่าเป็นเชื้อสายราชวงศ์ตองอูเหมือนกัน จึงสั่งให้กลับมานับถือศาสนาพุทธ และสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ พระเจ้าตองอูไม่ยอมจึงถูกประหารฐานกบฏ

สถาปนาราชธานีหงสาวดี

แก้

พ.ศ. 2156 พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงปราบปรามโปรตุเกสจนสิ้นศัตรูในเมืองพม่า ทรงยึดครองและย้ายเมืองหลวงจากอังวะกลับมาหงสาวดีอีกครั้งเหมือนในสมัยพระเจ้าบุเรงนอง แต่หงสาวดีนั้นร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้านันทบุเรงเสด็จหนีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปประทับที่ตองอู พระราชวังก็ถูกเผาจนเหลือแต่เพียงซากโดยพวกยะไข่ พระเจ้าอะเนาะเพะลูนก็ทรงสร้างได้แต่ก็ทรงสร้างได้แต่พลับพลาที่ประทับ ภายหลังก็ไม่สามารถบูรณะพระราชวังให้เหมือนสมัยก่อนได้

ได้หัวเมืองมอญในอำนาจ

แก้

หลังจากทรงย้ายราชธานีมาหงสาวดี พระเจ้าอะเนาะเพะลูนได้ทรงเกลี้ยกล่อมพระยาทะละ ผู้ปกครองหัวเมืองมอญของกรุงศรีอยุธยา จนพระยาทะละยอมอ่อนน้อม จึงทรงแต่งตั้งพระยาทะละเป็นพระยาธรรมราชาให้ครองหัวเมืองมอญฝ่ายใต้ ทรงให้พระยาธรรมราชาส่งบุตรชายคือพระยาพระรามไปรับราชการที่หงสาวดีแทนแล้วทรงส่งตะคะแมงพระอนุชาไปปกครองเมืองเรแทนพระยาพระราม จากนั้นพม่าก็ได้เมืองเมาะตะมะและหัวเมืองมอญเกือบทั้งหมดกลับไปดังเดิม

ศึกทวายตะนาวศรี

แก้

ทางกรุงศรีอยุธยาให้เจ้าเมืองทวายยกไปตีเมืองเรจับตะคะแมงได้ พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงขัดเคืองจึงยกทัพ 40,000 คนเสด็จไปตีทวายด้วยพระองค์เองในเดือนยี่ พ.ศ. 2156 ทรงตีเมืองทวายแตก จากนั้นทรงยกทัพมาตีตะนาวศรีของกรุงศรีอยุธยา แต่ก็มีกองทัพอยุธยากับโปรตุเกสต้านไว้ พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงรอดกลับไปที่เมาะตะมะ อยุธยาชนะศึกเมืองตะนาวศรีแล้วก็ยึดคืนเมืองทวายกลับมาได้

ศึกล้านนา

แก้

พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงเคลื่อนทัพออกจากเมาะตะมะเมื่อเดือน 11 พ.ศ. 2157 ไปตีล้านนาเพราะล้านนาอยู่ในความวุ่นวาย เมื่อทรงยกทัพไปถึงลำพูน พระเจ้าเชียงใหม่สะโดะกะยอทรงทิ้งเมืองเชียงใหม่กวาดต้อนผู้คนมาอยู่ลำปาง จนเสบียงร่อยหรอแต่ก็ทรงอยู่จนพระเจ้าเชียงใหม่สิ้นพระชนม์ขุนนางล้านนาจึงยอมแพ้ พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงตั้งพระยาน่านเป็นพระเจ้าเชียงใหม่แล้วทรงยกทัพกลับไปหงสาวดี

แต่กองทัพอยุธยายกไปถึงภายหลัง ล้านนาก็กลับไปเข้าข้างไทยและไล่ขุนนางพม่าไปหมด ต่อมาใน พ.ศ. 2161 อยุธยากับพม่าทำสัญญาเลิกทำสงครามต่อกันโดยอยุธยายกเมืองเมาะตะมะให้พม่า ส่วนพม่าก็ยกเชียงใหม่ให้อยุธยา

พระอนุชา

แก้

พระเจ้าอะเนาะเพะลูนมีพระอนุชา 2 พระองค์คือ

  • พระเจ้าตาลูน หรือพระเจ้าสุทโธธรรมราชา ครองเมืองแปร
  • มังรากะยอชวา ครองเมืองอังวะ

การเสด็จสวรรคต

แก้

พระเจ้าอะเนาะเพะลูนประทับอยู่ที่หงสาวดีจนถึง พ.ศ. 2169 โหรทูลว่าพระเคราะห์ร้าย ขอให้แปรพระราชฐานไปอยู่ที่อื่น พระองค์จึงข้ามแม่น้ำไปตั้งพลับพลาอยู่นอกเมืองหงสาวดีแล้วทรงประทับอยู่เป็นเวลา 2 ปี

ใน พ.ศ. 2171 พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงหมั้นกับ นางนิลคำ พระราชธิดาของเจ้าเสือก่าฟ้า เจ้าฟ้าไทลื้อเมืองเชียงตุง ซึ่งเป็นคนรักของ มังเรทิป มังเรทิปทราบความทรงกริ้ว ฉิ่ง ตาน โค พระสหาย จึงอาสาข้ามเรือไปฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ลอบปลงพระชนม์พระบิดา ของมังเรทิป ยิงธนูศรโดนพระศอ สวรรคตซบพระวรกายกับขอบหน้าต่างที่ปราสาทริมน้ำนั้น นานข้ามวันจนกว่าพวกข้าหลวงในพระองค์จะรู้ ทรงอยู่ในราชสมบัติได้ 23 ปี มังเรทิปขึ้นครองราชย์ได้ 1 ปี ตะโดธรรมราชา กับ มิงจีสวา พระอนุชาของพระเจ้าอะเนาะเพะลูน รวมกำลังโจมตีหงสาวดียึดอำนาจ มังเรทิปได้กองกำลังอาณาจักรยะไข่กับหัวเมืองพม่าบางส่วนสนับสนุน แต่ทัพมังเรทิปพ่ายแพ้ ในงานแปลของฮาร์วี่ บอกมังเรทิปถูกประหารโดยพระอนุชาของพระเจ้าอะเนาะเพะลูนเอง ซึ่งขึ้นครองราชย์ต่อคือพระเจ้าตาลูน แต่ในหลักฐานพม่าชั้นต้นเขียนว่า มังเรทิป ถูกโค่นล้มก็จริง แต่ทรงได้รับความคุ้มครองจากบรรดาเจ้าหญิงแห่งเชียงใหม่ พระธิดาของนรธามิงสอ และเจ้าชายมิงละนรธา เจ้าเมืองพินยา กระทั่งพระเจ้าตาลูนต้องย้ายจากหงสาวดีไปอังวะเพราะไม่สามารถราชาภิเษกที่หงสาวดีได้นานสี่ปี

พงศาวลี

แก้

อ้างอิง

แก้
เชิงอรรถ
  1. ประชุมพงศาวดารเล่ม 2, หน้า 49
บรรณานุกรม
ก่อนหน้า พระเจ้าอะเนาะเพะลูน ถัดไป
พระเจ้าญองยาน   พระมหากษัตริย์พม่า
(อาณาจักรพม่ายุคที่ 2)

(พ.ศ. 2148 - 2171)
  พระเจ้ามีนเยเดะบะ