พระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร

พระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร มีพระนามเดิมว่า เจ้าอุ่นคำ[1] เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งราชอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง และเป็นพระองค์สุดท้ายภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรสยาม

พระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร
พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรหลวงพระบาง
ครองราชย์15 ธันวาคม พ.ศ. 241525 มีนาคม พ.ศ. 2431
รัชสมัย15 ปี
รัชกาลก่อนหน้าพระเจ้าจันทรเทพประภาคุณ
รัชกาลถัดไปพระเจ้าสักรินทรฤทธิ์
ประสูติพ.ศ. 2354
สวรรคต15 ธันวาคม พ.ศ. 2438
พระมเหสีพระนางกามุนี
พระนามเต็ม
พระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร ขจรสัจธรรมวิสุทธ วรวุฒิกูลวงษ์ มลาวพงษาธิบดีศรีสัตนาคนหุต อุตมเขตรวิเศษศักดิ์ อรรคมหาปธานาธิการ ภูบาลบพิตร จางวางเมืองนครหลวงพระบาง
พระนามเดิม
เจ้าอุ่นคำ
ราชวงศ์ราชวงศ์ล้านช้างหลวงพระบาง
พระราชบิดาเจ้ามันธาตุราช
พระราชมารดาพระนางคำมูน

พระราชประวัติ แก้

ทรงพระราชสมภพ ณ นครหลวงพระบาง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2354 เป็นพระราชโอรสในเจ้ามันธาตุราชกษัตริย์ล้านช้างหลวงพระบางพระองค์ที่ 8 และพระนางคำมูน ทรงครองราชย์ครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2415 ถึงปี พ.ศ. 2430 โดยได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง มีพระนามว่า "เจ้ามหินทรเทพนิภาธร วรวิสุทธธรรมสัตยา มหาปเทศาธิบดี ศรีสัตนาคนหุต วุฒิเกษตราธิฐาน ประชานุบาลมลาวพงษ์ ดำรงนครหลวงพระบางราชธานี เจ้านครหลวงพระบาง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ยกเป็นที่จางวาง มีพระนามว่า "พระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร ขจรสัจธรรมวิสุทธ วรวุฒิกูลวงษ์ มลาวพงษาธิบดีศรีสัตนาคนหุต อุตมเขตรวิเศษศักดิ์ อรรคมหาปธานาธิการ ภูบาลบพิตร จางวางเมืองนครหลวงพระบาง[2] และครองราชย์ครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 2432 ถึง พ.ศ. 2438[3][4] การครองราชย์ของพระองค์สิ้นสุดลงด้วยการที่ลาวตกเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส

พระองค์มีพระโอรส 2 องค์ คือ เจ้าคำสุก เจ้าศรีสุพรรณ และมีพระธิดา 4 องค์ คือ เจ้านางหนูคิ้ม เจ้านางหนูคำ เจ้านางคำหลา เจ้านางอ่อนแก้ว

การเสด็จลงมายังกรุงเทพมหานคร แก้

ในปี พ.ศ. 2429 (2430 นับอย่างปัจจุบัน) เจ้านครหลวงพระบางเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวเกิดกบฏฮ่อ โดยมีรายละเอียดในการเข้าเฝ้าฯ ดังต่อไปนี้

"วันที่ 6 เดือน 12 ขึ้น 5 ค่ำ เวลาย่ำค่ำเศษ พระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศ ทรงสร้อยจักรีบรมราชวงศ์ เสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตานทองคำภายใต้พระมหาเสวตรฉัตร ในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้าพนักงานประโคมแตรฝรั่ง มโหรทึก ทหารเป่าแตรสรรเสริญพระบารมี ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว กรมวังกรมมหาดไทย นำเจ้านายเมืองนครหลวงพระบางเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระยาศรีทูลเบิกนำ พระบริรักษโยธี ปลัดขวาเมืองพิไชย ผู้นำ 1 เจ้ามหินทรเทพนิภาธร 1 เจ้าศรีสุพรรณ ว่าที่ราชบุตร 1 เจ้าปาน 1 เจ้าศรีสนไชย 1 เจ้าบวรพันธุ 1 บุตรเจ้ามหินทรทั้งสามคน เจ้าสวมคำ บุตรเจ้าอุปราชคำบัว 1 เจ้ายม บุตรเจ้าราชบุตรแก่น 1 รวมเจ้านายเมืองหลวงพระบางเข้าเฝ้า 7 คน จำนวนคนที่ลงมา เจ้านครหลวงพระบาง 1 เจ้าศรีสุพรรณ ว่าที่ราชบุตร 1 เจ้านายบุตรหลาน ชาย 13 หญิง 12 รวม 27 ไพร่ชายหญิง 50 รวม 77"

แล้วพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสปฏิสันฐานมีเนื่องความดังต่อไปนี้

1 "เจ้านครหลวงพระบางลงมาอยู่กรงเทพฯ ไม่เจ็บไข้อันใดฤา"

"ขอเดชะพระบารมีปกเกล้าฯ เจ้านครหลวงพระบางแลบุตรหลานมีความสุขสบาย"

2 "เรามีความสงสารในการที่เสียเมืองครั้งนี้ ต้องเสียทรัพย์สมบัติ แลพรัดพรากจากถิ่นถานบ้านเรือน การที่เสียเมืองหลวงพระบางครั้งนี้ ก็เป็นการเสียเกียรติยศกรุงเทพฯ ด้วยเหมือนกัน แต่เจ้านครหลวงพระบาง ได้อุสาห์รักษาเมืองหลวงพระบางอยู่จนถึงเวลาอับจนนั้น ก็เป็นความชอบอยู่แล้ว อย่ามีความกลัวว่าจะมีความผิดเลย"

"ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แด่เจ้านครหลวงพระบางทั้งนี้ พระเดชพระคุณเป็นล้นเกล้าฯ การที่ต้องเสียเมืองครั้งนี้ ขอพระบารมีเป็นที่พึ่งสืบไป"

3 "การเมืองหลวงพระบางคงจะขึ้นไปจัดให้เรียบร้อย ตัวเจ้านครหลวงพระบางก็จะให้ขึ้นไปด้วยกับกองทัพใหญ่ แต่การรักษาบ้านเมืองแต่ก่อนมา เป็นการหละหลวมไม่เป็นหลักฐาน ต้องให้เจ้านครหลวงพระบางคิดปฤกษาหาฤากับแม่ทัพ แลข้าหลวง จัดการรักษาบ้านเมืองจะได้ไม่เป็นการลำบากเสียบ้านเมืองต่อไป"

"การที่ทรงพระกรุณาดังนี้ เจ้านครหลวงพระบาง จะคิดปฤกษาหาฤากับแม่ทัพ แลข้าหลวงรักษาราชการ ฉลองพระเดชพระคุณเต็มสติกำลัง"

แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎสยาม มหาสุราภรณ์ ม.ส.ม. ทรงสรวมพระราชทาน แล้วพระราชทานเครื่องยศอื่นๆ[5]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้

เครื่องยศ แก้

  • เมื่อครั้งพระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร เสด็จมายังกรงเทพมหานคร เพื่อเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องยศใหม่ แทนของเดิม ได้แก่ "พระมาลากำมะหยี่สีลูหว้าขลิบทองคำ 1 ดาบฝักสักกะหลาดแดงบั้งทอง 1 หอกคอทอง 1 คู่ พานทองกลมเครื่องในพร้อม 1 คนโททอง 1 กระโถนทอง 1 ประคำทอง 1 สาย ประคำโมรา 1 สาย เสื้อเข้มขาบริ้วดี 1 เสื้อเข้มขาบดอกใหญ่ 1 เสื้อญี่ปุ่นแพรจีนเจา 1 ผ้าส่านวิลาศ 1 แพรขาวหงอนไก่ 1 แพรโล่ดอก 1 ปูมเขมร 1 ผ้าเกี้ยว 1 ผ้าลายอย่างละ 1" นอกจากนี้ยังได้พระราชทานเงินจำนวน 30 ชั่ง สำหรับซื้อเครื่องอุปโภคใช้สอยไปก่อนเสด็จขึ้นนครหลวงพระบาง

ราชสกุลวงศ์ แก้

ข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้มาจากเว็บไซต์ royalark.net[7] ยกเว้นเฉพาะข้อมูลของราชสกุลสายเจ้าศรีสญชัย อ้างอิงตามข้อมูลจากการค้นคว้าที่ปรากฏในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลเอก ไสว ไสวแสนยากร ม.ป.ช., ม.ว.ม., ท.จ.ว. 22 มีนาคม 2524[8]

รายพระนามพระภรรยาเจ้าและรายนามพระสนม แก้

  1. พระอัครมเหสีสิมพลี
  2. พระอัครมเหสีกมล
  3. เสด็จเจ้าหญิงบุดดี
  4. เสด็จเจ้าหญิงบัวสี
  5. เสด็จเจ้าหญิงอบมา
  6. เจ้าหม่อมกา
  7. หม่อมปอง
  8. หม่อมแพงแก้ว

รายพระนามพระราชโอรส แก้

  1. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายคำสุก (เจ้าคำสุก) ประสูติแต่พระนางสิมพลี ต่อมาเสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าสักรินทรฤทธิ์ธำรง
  2. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายตรีศรีสุพรรณ (เจ้าศรีสุพรรณ) เจ้าราชวงศ์แห่งนครหลวงพระบาง ประสูติแต่เสด็จเจ้าหญิงบุดดี เป็นต้นสกุล "กันยา" (สืบเชื้อสายจากเสด็จเจ้าชายกันยา เจ้ากรมเลก พระโอรสองค์ใหญ่ในองค์เสด็จเจ้าชายตรีศรีสุพรรณ)
  3. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายศรีสุมัง ประสูติแต่เสด็จเจ้าหญิงบุดดี
  4. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายบัวระพัน (เจ้าบวรพันธุ) ประสูติแต่เสด็จเจ้าหญิงบัวสี
  5. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายแก่นคำ ประสูติแต่เสด็จเจ้าหญิงอบมา
  6. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายคำบัว ประสูติแต่เสด็จเจ้าหญิงอบมา
  7. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายคำตัน ประสูติแต่เสด็จเจ้าหญิงอบมา
  8. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายคำเหง้า เจ้ากรมพระคลัง ประสูติแต่เจ้าหม่อมกา
  9. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายคำพัน เจ้ากรมแสง ประสูติแต่หม่อมปอง
  10. องค์เสด็จเจ้าฟ้าชายศรีสญชัย (เจ้าศรีสญชัย หรือศรีสนไชย) ประสูติแต่หม่อมแพงแก้ว มียศเป็นนายร้อยตรีแห่งกองทัพบกราชอาณาจักรสยาม ได้อพยพครอบครัวลงมาอยู่ที่กรุงเทพหลังเหตุการณ์ ร.ศ. 112 สิ้นพระชนม์ที่หลวงพระบางระหว่างสะสางธุระต่างๆ เพื่อย้ายตามครอบครัวลงมาที่กรุงเทพ เป็นต้นสกุล
    1. อุ่นคำ (สืบเชื้อสายจากเจ้าศรีสญชัยโดยตรง)
    2. มหินทรเทพ (สืบเชื้อสายจากรองอำมาตย์โท ขุนศรีสวัสดิ์ประภา นามเดิม เจ้าศรีสวัสดิ์ อุ่นคำ โอรสองค์ที่ 2 ของเจ้าศรีสญชัยกับหม่อมสมบุญ)
    3. ไสวแสนยากร (สืบเชื้อสายจาก พล.อ.ไสว ไสวแสนยากร นามเดิม เจ้าศรีไสว อุ่นคำ โอรสองค์ที่ 4 ของเจ้าศรีสญชัยกับหม่อมสมบุญ)

รายพระนามพระราชธิดา แก้

  1. องค์เสด็จเจ้าฟ้าหญิงหนูคิ้ม ประสูติแต่พระสนม (ไม่ทราบชื่อ)
  2. องค์เสด็จเจ้าฟ้าหญิงหนูคำ ประสูติแต่พระสนม (ไม่ทราบชื่อ)
  3. องค์เสด็จเจ้าฟ้าหญิงคำหล้า ประสูติแต่เสด็จเจ้าหญิงบุดดี
  4. องค์เสด็จเจ้าฟ้าหญิงสุมณฑา ประสูติแต่เสด็จเจ้าหญิงบัวสี
  5. องค์เสด็จเจ้าฟ้าหญิงคำดวง ประสูติแต่เสด็จเจ้าหญิงอบมา

เชิงอรรถและอ้างอิง แก้

  1. ในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ทรงออกพระนามของพระองค์ในสนธิสัญญาที่ฝรั่งเศสมอบเอกราชให้พระราชอาณาจักรลาว เมื่อวันที่ 22 เดือนตุลาคม ค.ศ. 1953 ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตอุ่นคำ https://www.facebook.com/sivid.nor.1/videos/pcb.166391927265410/166388970599039/?type=3&theater
  2. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2433/043/390.PDF
  3. "LUANG PRABANG". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-05-05. สืบค้นเมื่อ 2013-05-10.
  4. Merriam-Webster's Biographical Dictionary. Merriam-Webster Incorporated, 1995.
  5. ข่าวเจ้านครหลวงพระบางเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท, ราชกิจจานุเบกษาเล่ม 4 หน้า 231 - 232.
  6. มหาสุราภรณ์
  7. http://royalark.net/Laos/prabang7.htm
  8. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:2349
ก่อนหน้า พระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร ถัดไป
พระเจ้าจันทรเทพประภาคุณ    
พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง
(15 ธันวาคม พ.ศ. 2415 – 25 มีนาคม พ.ศ. 2431)
  พระเจ้าสักรินทรฤทธิ์