พระเจ้าจักกายแมง
พระเจ้าจักกายแมง (พม่า: ဘကြီးတော် บะจี้ดอ หรือ စစ်ကိုင်းမင်း ซะไก้ง์มี่น) เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์โก้นบอง มีนโยบายขยายอำนาจเข้าไปในแคว้นอัสสัมและมณีปุระ ทำให้มีปัญหากับอังกฤษ และนำไปสู่การเกิดสงครามอังกฤษ–พม่าครั้งที่หนึ่ง
พระเจ้าจักกายแมง | |||||
---|---|---|---|---|---|
เจ้าฟ้าแห่งซะไกง์ | |||||
พระบรมสาทิสลักษณ์ขณะทรงประชุมเสนาบดีเพื่อแย่งชิงเบงกอลจากจักรวรรดิบริติช พ.ศ. 2366 | |||||
พระมหากษัตริย์พม่า | |||||
ครองราชย์ | 5 มิถุนายน พ.ศ. 2362 – 15 เมษายน พ.ศ. 2380 | ||||
ราชาภิเษก | 7 มิถุนายน พ.ศ. 2362 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้าปดุง | ||||
ต่อไป | พระเจ้าแสรกแมง | ||||
พระราชสมภพ | 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1784 อมรปุระ มองเซน (မောင်စိန်) | ||||
สวรรคต | 15 ตุลาคม ค.ศ. 1846 อมรปุระ | (62 ปี)||||
ฝังพระศพ | อมรปุระ | ||||
คู่อภิเษก | ซีน-พยูแม พระนางแมนุ | ||||
พระราชบุตร | 5 พระราชโอรสและ 5 พระราชธิดารวมไปถึง: | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | โก้นบอง | ||||
พระราชบิดา | ตะโดเมงสอ | ||||
พระราชมารดา | มีนเจ เจ้าหญิงแห่งตอง-ดวี่น | ||||
ศาสนา | พุทธเถรวาท |
การขึ้นครองราชย์
แก้พระเจ้าจักกายแมงประสูติเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2327 เป็นพระราชนัดดาของพระเจ้าปดุง โดยเป็นพระราชโอรสของตะโดเมงสอพระโอรสองค์โตของพระเจ้าปดุงที่ได้เป็นรัชทายาท เมื่อพระราชบิดาของพระองค์สวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2351 พระเจ้าปดุงจึงแต่งตั้งพระเจ้าจักกายแมงซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าชายแห่งซะไกง์หรือ ซะไก้ง์มี่น ขึ้นเป็นรัชทายาทแทน
เมื่อพระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2362 พระเจ้าจักกายแมงจึงขึ้นครองราชสมบัติแทนเมื่อ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2362 ในขณะที่มีพระชนม์ 35 พรรษา พระองค์มีอัธยาศัยอ่อนโยนและมีความอ่อนแอด้วย ทำให้พระมเหสีคือพระนางแมนุ และพี่ชายของนางคือมี่นต้าจี้ สามารถกุมอำนาจอยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์ หลังจากครองราชย์สมบัติได้ไม่นาน เจ้าชายตองอูและเจ้าชายแปรซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์รองของพระเจ้าปดุงก่อกบฏ พระเจ้าจักกายแมงทรงเป็นฝ่ายชนะ จับผู้ก่อกบฏและบริวารประหารชีวิต หลังจากนั้น ใน พ.ศ. 2366 พระองค์ทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองอมรปุระกลับมาที่เมืองอังวะ
สงครามกับอังกฤษ
แก้พระองค์มีนโยบายแผ่อำนาจเข้าไปในแคว้นอัสสัมและมณีปุระ โดยยกทัพเข้าไปในมณีปุระเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2362 เพราะไม่มาเข้าเฝ้าพระองค์ในงานพระบรมราชาภิเษก เจ้าผู้ครองแคว้นมณีปุระจึงหนีเข้าไปในแคว้นกระแซและขับไล่เจ้าผู้ครองแคว้นออกไป เจ้าผู้ครองแคว้นกระแซจึงหนีเข้าไปในแคว้นชยันตียา และขอความช่วยเหลือจากอังกฤษ อังกฤษจึงผนวกแคว้นกระแซและชยันตียาใน พ.ศ. 2363
พระเจ้าจักกายแมงทรงให้มหาพันธุละนำกองทัพไปโจมตีอัสสัมใน พ.ศ. 2364 เพราะพระเจ้าจันทรกานต์ สิงห์ หันไปขอความช่วยเหลือจากอังกฤษ พม่าจึงยกเข้าไปยึดอัสสัมได้สำเร็จใน พ.ศ. 2365 ต่อมา พม่าเชื่อว่านักล่าช้างที่รับจ้างบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษได้ออกจากจิตตะกองเข้ามาในแคว้นยะไข่ของพม่า กองทัพพม่าจึงข้ามแม่น้ำนาฟไปตามล่านักล่าช้าง และเข้าไปยึดเกาะศาหปรีที่ปากแม่น้ำในเดือนกันยายน พ.ศ. 2366 แต่อังกฤษก็ยึดคืนมาได้ พม่าจึงยกทัพเข้าไปตีจิตตะกองและแคว้นกระแซ แต่แพ้อังกฤษจึงต้องถอยมาที่มณีปุระ ในที่สุดอังกฤษจึงประกาศสงครามกับพม่าเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2366
กองทัพของพม่าบุกเข้ายึดจิตตะกองได้ แต่อังกฤษก็เข้ายึดพม่าทางภาคใต้รวมทั้งย่างกุ้งได้ มหาพันธุละถอนทัพจากจิตตะกองมารบกับอังกฤษที่ย่างกุ้ง และถูกปืนเสียชีวิตเมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2368 กองทัพพม่าจึงแตกพ่ายไป อังกฤษเข้ายึดเมืองแปร สิเรียม เมาะตะมะ เย่ ทวาย และมะริด รวมทั้งยะไข่ เจ้าชายสารวดี พระอนุชาของพระเจ้าจักกายแมง กราบทูลขอให้พระเจ้าจักกายแมงเจรจาสงบศึกกับอังกฤษ แต่พระนางแมนุและมี่นต้าจี้ไม่เห็นด้วย การรบจึงดำเนินต่อไปจนเสียทหารไปอีกราว 20,000 คน พระเจ้าจักกายแมงจึงยอมแพ้ และต้องยกอัสสัม ยะไข่ มณีปุระ และตะนาวศรี ให้อังกฤษ ตอนแรกพม่าไม่ยินยอม อังกฤษจึงยกทัพบุกต่อไปถึงเมืองรานตะโบ พม่าจึงต้องยอมทำสนธิสัญญารานตะโบยกดินแดนให้ตามที่อังกฤษต้องการ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นการปราชัยครั้งสำคัญของราชวงศ์โก้นบอง
ความวุ่นวายปลายรัชกาล
แก้พระเจ้าจักกายแมงสะเทือนพระทัย จนกระทั่ง พ.ศ. 2374 พระองค์เริ่มมีพระอาการทางประสาท จนพระอาการกำเริบ ไม่อาจว่าราชการได้ จน พ.ศ. 2380 จนมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเจ้านายและขุนนางพม่าเพื่อแย่งชิงอำนาจ พระนางแมนุกับมี่นต้าจี้ต้องการกำจัดเจ้าฟ้าแห่งสารวดี และจะยกพระราชโอรสของพระเจ้าจักกายแมง คือเจ้าชายญองยาน ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เจ้าฟ้าแห่งสารวดีจึงเสด็จหนีไปรวบรวมผู้คน กลับมายึดอำนาจ ปลดพระเจ้าจักกายแมงลงจากราชบัลลังก์เมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2380 และขึ้นครองราชสมบัติแทน ในพงศาวดารไทยเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าแสรกแมง
หลังจากขึ้นครองราชสมบัติแล้ว พระเจ้าแสรกแมงประหารชีวิตพระนางแมนุ มี่นต้าจี้ และเจ้าชายญองยาน ส่วนพระเจ้าจักกายแมงถูกกักบริเวณไว้ ต่อมามีขุนนางพม่าจะพยายามนำพระเจ้าจักกายแมงกลับมาครองราชย์ พระเจ้าพระเจ้าแสรกแมงจึงสั่งให้คุมขังพระเจ้าจักกายแมงไว้อย่างแข็งแรงกว่าเดิม จนพระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2389[1] ส่วนพระเจ้าแสรกแมงก็มีพระสติวิปลาสและถูกพระโอรสควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2385 และสวรรคตในปี พ.ศ. 2389 หลังพระเจ้าจักกายแมงไม่กี่เดือน
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
แก้มีนักแสดงผู้รับบท พระเจ้าจักกายแมง ได้แก่
- แรม วรธรรม จากละครเรื่อง เพลิงพระนาง (2539)
- ทองขาว ภัทรโชคชัย จากละครเรื่อง เพลิงพระนาง (2560)
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของพระเจ้าจักกายแมง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- วิไลเลขา ถาวรธนสาร. "พระเจ้าบาจีดอว์." ใน สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่ : เอเชีย เล่ม 1 อักษร A–B ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2539, หน้า 330–333.
- ↑ Htin Aung, Maung (1967). A History of Burma. New York and London: Cambridge University Press.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Journal of An Embassy from the Governor-General of India to the Court of Ava in the year 1827 by John Crawfurd, 1829
- Journal of An Embassy from the Governor-General of India to the Court of Ava by John Crawfurd, Vol II 1834
- Was "Yadza" Really Ro(d)gers? Gerry Abbott, SOAS, Autumn 2005
ก่อนหน้า | พระเจ้าจักกายแมง | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าปดุง | พระมหากษัตริย์พม่า (อาณาจักรพม่ายุคที่ 3) (พ.ศ. 2362–2380) |
พระเจ้าแสรกแมง |