พระธรรม (ศาสนาพุทธ)

พระธรรม[1] หมายถึงธรรมะซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำออกเผยแผ่ หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับความจริงตามธรรมชาติของทุกข์และวิธีการดับทุกข์ ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นแต่เริ่มสืบทอดกันด้วยวิธีท่องจำแบบปากต่อปาก เรียกว่า "มุขปาฐะ" สมัยต่อมาจึงได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร คัมภีร์ที่บันทึกพระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น เรียกว่า พระไตรปิฎก และยังมีคัมภีร์อื่น ๆ ที่แต่งภายหลังเพื่อขยายความอีก ได้แก่ อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา ตามลำดับ

ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบนั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมพระพุทธองค์ แต่ทรงเป็นผู้ค้นพบแล้วนำมาประกาศ อาจพอกล่าวได้ว่าการเรียนรู้พระธรรม ก็คือการเรียนรู้ธรรมดาโลก และเรียนรู้สิ่งที่เป็นปกติที่มีบ่อเกิดที่มาว่ามาอย่างไร เป็นไปได้อย่างไร

พระธรรมในศาสนาพุทธ จึงหมายถึง คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นความจริงอันประเสริฐที่พระองค์ทรงค้นพบด้วยปัญญาญาณ และทรงนำมาสั่งสอนเพื่อให้สรรพสัตว์ได้เข้าใจถึงธรรมชาติของโลกและชีวิต นำไปสู่การดับทุกข์และบรรลุความสุขที่แท้จริง

โดยทั่วไปแล้ว พระธรรมในศาสนาพุทธสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนหลัก หรือที่เรียกว่า ปริยัติธรรม ปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรม

  • ปริยัติธรรม คือ ส่วนที่เป็น คำสั่งสอน ที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนา เปรียบเสมือนแผนที่หรือคู่มือในการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมคำสอน
  • ปฏิบัติธรรม คือ ส่วนที่เกี่ยวกับการ ลงมือปฏิบัติ ตามหลักธรรมคำสอน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตใจและพฤติกรรม เช่น การรักษาศีล การเจริญสมาธิ และการเจริญปัญญา หรือที่เรียกว่า ไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา)
  • ปฏิเวธธรรม คือ ส่วนที่เป็น ผลจากการปฏิบัติ คือการบรรลุธรรมขั้นต่างๆ ตั้งแต่การละกิเลสไปทีละน้อย จนถึงการบรรลุ มรรค ผล นิพพาน ซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา

พระธรรมจึงเป็นแก่นของศาสนาพุทธ เป็น แสงสว่าง นำทางให้ผู้ปฏิบัติได้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิต และสามารถดำเนินชีวิตไปในหนทางแห่งความสงบสุขและการหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ในที่สุด

ความหมาย

แก้

พระธรรม (บาลี: धम्मDhamma;สันสกฤต: धर्म Dharma) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า "ธา" ที่หมายถึง ยก, พยุง, สนับสนุน, เกื้อหนุน

ธรรมคุณ

แก้

ใน วัตถูปมสูตร และ มหานามสูตร พระพุทธเจ้าตรัสถึงคุณลักษณะ 6 อย่างของพระธรรม ได้แก่

  1. สฺวากฺขาโต (Svakkhato) พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว
  2. สนฺทิฏฺฐิโก (Sanditthiko) ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง
  3. อกาลิโก (Akāliko) ไม่ประกอบด้วยกาล
  4. เอหิปสฺสิโก (Ehipassiko) ควรเรียกให้มาดู
  5. โอปนยิโก (Opānayiko) ควรน้อมเข้ามา
  6. ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหิ (Paccattam veditabbo viññūhi) วิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน

การปฏิบัติพระธรรมจะนำมาซึ่ง ความสงบ และ ความสุข แก่ตนผู้ปฏิบัติ ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของตนเองในการปฏิบัติพระธรรม

การศึกษาพระธรรมในปัจจุบัน

แก้

ปัจจุบัน การศึกษาพุทธธรรมหรือพระพุทธศาสนาในประเทศพุทธเถรวาทและมหายาน นิยมจัดการเรียนการสอนแบบมหาวิทยาลัย โดยอาจจัดควบคู่ไปกับการเรียนการสอนตามแบบที่สืบทอดกันมาแต่โบราณในประเทศนั้น ๆ เช่น ในประเทศไทย นอกจากจะมีมหาวิทยาลัยสงฆ์แล้ว ยังคงมีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม และบาลีอยู่ เป็นต้น

การศึกษาพุทธศาสนาในระดับนานาชาติในปัจจุบัน เป็นที่สนใจของตะวันตกอย่างกว้างขวาง หลังจากมีการจัดตั้งสมาคมบาลีปกรณ์ และองค์กรพุทธต่าง ๆ ขึ้นมามากมายหลายแห่ง ทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ เยอรมนี ฯลฯ เพื่อค้นคว้าหลักพุทธธรรมที่ปรากฏในคัมภีร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาทิเบต และ ภาษาจีน ทำให้การศึกษาพุทธธรรมขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยทั้งยุโรปและอเมริกาหลายแห่งอาจเปิดสอนพุทธธรรมทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก

อ้างอิง

แก้
  1. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 3, ราชบัณฑิตยสถาน, 2552, หน้า 454

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้