พระครูวิมลเมธาจาริย์ (อินทร์)
พระครูวิมลเมธาจาริย์ (อินทร์) บ้างเขียนว่า พระครูวิมลเมธาจารย์ (อิน) นิยมเรียกว่า “หลวงพ่ออินทร์ วัดพร้าว” เป็นพระเถราจารย์จังหวัดสุพรรณบุรี อดีตเจ้าคณะใหญ่เมืองสุพรรณบุรี วัดพร้าว ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
พระครูวิมลเมธาจาริย์ (อินทร์ , อิน ) | |
---|---|
ชื่ออื่น | หลวงพ่ออินทร์ วัดพร้าว |
ส่วนบุคคล | |
เกิด | พ.ศ. 2391 (42 ปี) |
มรณภาพ | 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2433 |
นิกาย | มหานิกาย |
ตำแหน่งชั้นสูง | |
ที่อยู่ | วัดพร้าว ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี |
อุปสมบท | พ.ศ. 2413 |
พรรษา | 20 พรรษา |
ตำแหน่ง | อดีตเจ้าคณะใหญ่เมืองสุพรรณบุรี |
ประวัติ
แก้ชาติภูมิ
แก้ชื่อ อินทร์ บ้างเขียนว่า อิน สมัยนั้นยังไม่มีนามสกุลใช้ ชาตะ พ.ศ.2391 ณ บ้านโรงหีบ แขวงเมืองสุพรรณบุรี[1] (ปัจจุบันอยู่ในเขตหมู่ที่ 4 ตำบลบางงาม อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี)
วัยเยาว์
แก้ประวัติไม่ชัดเจน มีเพียงข้อสันนิษฐานว่า เมื่อเยาว์วัยท่านคงจะเดินทางไปศึกษาความรู้ที่สำนักวัดใดวัดหนึ่งในกรุงเทพมหานคร จนมีความรู้เชี่ยวชาญแตกฉานในด้านพระไตรปิฎก พระธรรมวินัย ภาษาบาลี อักขรวิธีภาษาไทย ภาษาขอม อาจเป็นศิษย์หลวงพ่อแก้ว วัดพร้าว และเป็นเพื่อนกับหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว[1]
อุปสมบท
แก้บรรพชาและอุปสมบท เมื่อ พ.ศ. 2413 ณ พัทธสีมาวัดใดยังไม่พบข้อมูล สันนิษฐานว่าอาจเป็นพัทธสีมาวัดเกาะ หรือวัดบ้านคอยเหนือ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโพธาราม) ซึ่งเป็นวัดที่มีพัทธสีมาในถิ่นกำเนิดสมัยนั้น[2]
อุปสมบทแล้วจำพรรษาอยู่วัดใดบ้างยังไม่พบข้อมูล กระทั่งมาอยู่ที่มณีนาฬิการาม (วัดพร้าวในปัจจุบัน) แขวงเมืองสุพรรณบุรี ได้ช่วยแบ่งเบาภาระการสอน การอบรมแนะนำสั่งสอนพระธรรมวินัย อักขรวิธี บาลีไวยากรณ์ แก่พระภิกษุสามเณรผู้ใฝ่หาความรู้[1]
ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่เมืองสุพรรณ
แก้ตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่เมืองสุพรรณบุรีปัจจุบันเทียบเท่าตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี แต่เดิมพระครูวิมลเมธาจาริย์ (ท้วม) วัดตะไกร ดำรงตำแหน่งอยู่ ต่อมาพระครูวิมลเมธาจาริย์ (ท้วม) อาพาธเป็นไข้สันนิบาต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ลาสิกขาเมื่อ พ.ศ. 2429 (นับแบบศักราชปัจจุบันคือ พ.ศ. 2430) ส่งผลให้ตำแหน่งนี้ว่าง พระไชยราชรักษา (ปลัดผู้รักษาเมืองสุพรรณบุรี) หลวงศรีราชรักษา (ยกกระบัตรเมืองสุพรรณบุรี) และกรมการเมืองสุพรรณบุรี จึงมีใบบอกมายังลูกขุน ณ ศาลา นำความขึ้นกราบบังคมทูลว่าได้นิมนต์เจ้าอธิการและพระสงฆ์ทุกวัดมาประชุมพร้อมกันที่วัดประตูสาร เจ้าอธิการและพระสงฆ์เห็นว่า พระอาจารย์อินทร์ วัดมณีนาฬิการาม ประกอบด้วยศีลคุณ ปฏิบัติถูกต้องตามพระพุทธศาสโนวาท วินัยยานุญาต บัญญัติปริยัติกาคุณ ควรเป็นที่พระครูวิมลเมธาจาริย์ จะได้บังคับสั่งสอนพระสงฆ์สามเณรในแขวงเมืองสุพรรณบุรี บำรุงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองถาวรวัฒนาการต่อไป[3]
พระราชทานสมณศักดิ์
แก้วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2431 เวลา 11.00 น. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกมาทรงประเคนพระสงฆ์ราชาคณะ พระฐานาเปรียญที่จะรับฐานันดรศักดิ์ และพระฐานานุกรมทั้ง 3 คณะ รวม 31 รูป รับพระราชทานฉันภัตตาหารที่ท้องพระโรง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ครั้นเวลาบ่ายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจุดเทียนนมัสการ แล้วทรงตั้งตำแหน่งพระสงฆ์ คือ พระราชทานผ้าไตรแพรและสัญญาบัตรให้เจ้าอธิการอินทร์ วัดพร้าว เป็นพระครูวิมลเมธาจาริย์ เจ้าคณะใหญ่เมืองสุพรรณบุรี พระราชทานตาลปัตรพุดตานทองแผ่ลวด เครื่องยศต่างๆ อย่างพระครูเจ้าคณะ ไม่มีนิตยภัต
เมื่อทรงตั้งตำแหน่งพระสงฆ์นั้น พระราชาคณะ พระฐานานุกรม ที่ไม่ต้องเลื่อนสมณศักดิ์ สวดชัยมงคลคาถาพร้อมกัน ส่วนพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ใหม่ออกไปครองผ้าแล้วกลับเข้ามาถวายอนุโมทนา อดิเรก และพระพร เสร็จแล้วลากลับไป[4]
สัทธิวิหาริก - อันเตวาสิก
แก้พระครูธรรมสารรักษา (พริ้ง วชิรสุวณฺโณ) อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี อดีตเจ้าคณะแขวงศรีประจันต์ และอดีตเจ้าอาวาสวัดวรจันทร์
"ครั้นปีชวด ตรงกับพุทธศักราช 2431 พระครูธรรมสารรักษามีอายุย่างเข้า 21 ปี โยมได้จัดการอุปสมบทเป็นพระมหานิกายที่วัดพร้าว จังหวัดสุพรรณ์ มีฉายาว่า "เพชรสุวณฺณ" โดยหลวงพ่อแก้วเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปลื้มเล็กกับท่านพระครูอินทร์ เจ้าคณะจังหวัดเป็นคู่สวด เมื่อบวชแล้วท่านพระครูธรรมสารรักษาอยู่เล่าเรียนกับท่านพระครูอินทร์ที่วัดพร้าว 1 พรรษา แล้วจึงย้ายลงไปเล่าเรียนอยู่ที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ โดยท่านพระครูอินทร์เป็นผู้นำไปฝาก"[5]
ตำแหน่ง
แก้งานปกครอง
แก้งานคณะสงฆ์
แก้- พ.ศ. 2431 (นับแบบศักราชปัจจุบันคือ พ.ศ. 2432) ดำเนินเรื่องขอพระราชทานวิสุงคามสีมาวัดหนองกระทุ่ม แขวงเมืองสุพรรณบุรี[6]
- พ.ศ. 2431 (นับแบบศักราชปัจจุบันคือ พ.ศ. 2432) ระงับอธิกรณ์[6]
- พ.ศ. 2432 เจริญพระพุทธมนต์ และรับถวายเครื่องไทยธรรมของหลวงพระราชทาน เนื่องในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญที่เมืองสุพรรณบุรี[7]
สมณศักดิ์
แก้อาพาธ - มรณภาพ
แก้พระครูวิมลเมธาจาริย์อาพาธเป็นวัณโรคภายใน หาหมอเชลยศักดิ์มารักษาก็ไม่หาย กระทั่งวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2433 ถึงแก่มรณภาพ สิริอายุ 42 ปี อุปสมบทได้ 20 พรรษา[8]
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 1.2 พระมหาสมชาย ญาณวีโร, ปกิจ กลิ่นสุคนธ์ และสนิท ทองคำใส. (2545). วัดพร้าว อดีต...สู่ปัจจุบัน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ศิลป์สยามบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์.
- ↑ พีระศักดิ์ สุนทรวิภาต. (2563). ที่ระลึก 125 ปีชาตกาล 40 ปีมรณภาพ พระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ). พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: กุศลบุญการพิมพ์.
- ↑ พระไชยราชรักษา, หลวงศรีราชรักษา. (2430). ใบบอกเมืองสุพรรณบุรี [ไมโครฟิล์ม]. กรุงเทพ: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งพระสงฆ์ , เล่ม 5, ตอน 17, 24 สิงหาคม 2431, หน้า 138
- ↑ 5.0 5.1 พระยาลักษมัณสุพจน์ (บุญ ศาลยาชีวิน). (2486). ประวัติท่านพระครูธรรมสารรักษา (พริ้ง) และประวัติวัดวรจันทร์. ม.ป.ท. : ม.ป.พ.
- ↑ 6.0 6.1 พระยาสุนทรสงครามรามพิไชย, พระไชยราชรักษา. (2431). ใบบอกเมืองสุพรรณบุรี [ไมโครฟิล์ม]. กรุงเทพ: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ.
- ↑ พระยาสุนทรสงครามรามพิไชย. (2432). ใบบอกเมืองสุพรรณบุรี [ไมโครฟิล์ม]. กรุงเทพ: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ.
- ↑ พระยาสุนทรสงครามรามพิไชย, พระไชยราชรักษา. (2433). ใบบอกเมืองสุพรรณบุรี [ไมโครฟิล์ม]. กรุงเทพ: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้ก่อนหน้า | พระครูวิมลเมธาจาริย์ (อินทร์) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระครูวิมลเมธาจาริย์ (ท้วม) | เจ้าคณะใหญ่เมืองสุพรรณบุรี (พ.ศ. 2431 – พ.ศ. 2433) |
พระครูวิบูลเมธาจารย์ (ภู)|} |