ผู้ใช้:Kattie Katey/พายุไต้ฝุ่นวิภา (พ.ศ. 2556)
พายุไต้ฝุ่นกำลังแรงอย่างมาก (JMA) | |||
---|---|---|---|
พายุไต้ฝุ่น (TMD) | |||
พายุไต้ฝุ่นระดับ 4 (SSHWS) | |||
พายุไต้ฝุ่นวิภาขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556
| |||
ก่อตัว | 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 | ||
สลายตัว | 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556
(กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนหลังจาก 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556) | ||
ความเร็วลม สูงสุด |
| ||
ความกดอากาศต่ำสุด | 930 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.46 นิ้วปรอท) | ||
ผู้เสียชีวิต | 41 ราย | ||
ความเสียหาย | 404.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี พ.ศ. 2556) | ||
พื้นที่ได้รับ ผลกระทบ |
หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา, กวม, ประเทศญี่ปุ่น, รัสเซียตะวันออกไกล, รัฐอะแลสกา | ||
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2556 |
พายุไต้ฝุ่นวิภา หรือที่ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า พายุไต้ฝุ่นตีโน (ตากาล็อก: Tino) เป็นพายุหมุนเขตร้อนลูกแรกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่พายุไต้ฝุ่นเมอโลร์ในปี พ.ศ. 2552 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553 อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หย่อมความกดอากาศต่ำได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างเชื่องช้าจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และพายุโซนร้อนในวันรุ่งขึ้น พายุโซนร้อนชบาได้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นในเช้าตรู่ของวันที่ 26 ตุลาคม และมีความรุนแรงสูงสุดเทียบเท่ากับมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 4 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน พายุไต้ฝุ่นชบามีกำลังแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (110 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศที่ 925 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.32 นิ้วของปรอท) หลังจากนั้นไม่นานพายุไต้ฝุ่นชบาก็เริ่มอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และได้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนเมื่อผ่านไปใกล้ประเทศญี่ปุ่น ส่วนที่เหลือของพายุยังคงอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ จนกระทั่งพายุสลายไปในวันรุ่งขึ้น[1]
เครื่องวัดกำลังงานแสงเชิงสเปกตรัมแบบการถ่ายภาพความละเอียดปานกลางของดาวเทียมของนาซาได้ถ่ายภาพกลุ่มเมฆที่หมุนเป็นเกลียวของพายุไต้ฝุ่นชบาได้พัดแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลฟิลิปปิน[2] และเมฆปกคลุมเหนือหมู่เกาะรีวกีวของประเทศญี่ปุ่นรวมถึงเกาะโอกินาวะ และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ[3]
พายุฝนฟ้าคะนองจากพายุไต้ฝุ่นชบาได้ถล่มเมืองทำให้บ้านเรือนประมาณ 500 หลัง ได้ประสบปัญหาไฟฟ้าดับ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 5 ราย ในจังหวัดโอกินาวะ[4] การแข่งขันรถในโตเกียวได้ถูกเลื่อนโดยสมาคมแข่งรถแห่งประเทศญี่ปุ่นจนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นชบา[5]
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา แก้
- วันที่ 21 ตุลาคม ดาวเทียมของนาซาได้เคลื่อนตัวผ่านบริเวณหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งทำให้มีฝนตกลงมาที่หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาในมหาสมุทรแปซิฟิก และหย่อมความกดอากาศต่ำได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในเวลาต่อมา พายุได้ก่อตัวขึ้นห่างอยู่ประมาณ 850 กิโลเมตร (530 ไมล์) ทางตอนใต้ของอิโวะจิมะ และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลม 1 นาทีที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (30 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) พายุดีเปรสชันเขตร้อนได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากอยู่ในบริเวณที่มีลมเฉือนในแนวดิ่งต่ำ และมีอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลอุ่น
- วันที่ 22 ตุลาคม พายุดีเปรสชันเขตร้อนอยู่เหนือน่านน้ำเปิดทางตะวันตกเฉียงเหนือ และไม่มีภัยคุกคามต่อแผ่นดิน ดาวเทียมของนาซาได้บันทึกข้อมูลอินฟราเรดความเย็นของเมฆพายุในขณะที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านเหนืออวกาศ พายุตั้งอยู่ประมาณ 1,400 กิโลเมตร (870 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วลม 1 นาทีที่ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (15 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร เครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศได้ใช้เทคโนโลยีอินฟราเรดเพื่อวัดอุณหภูมิของพายุ และดาวเทียมของนาซาได้ถ่ายภาพอุณหภูมิสูงสุดของเมฆพายุดีเปรสชันเขตร้อนเผยให้เห็นพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงบางแห่งที่อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ -53 องศาเซลเซียส ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางทิศใต้จุดศูนย์กลางของพายุ ข้อมูลดาวเทียมมีข้อบ่งชี้ว่าศูนย์หมุนเวียนระดับต่ำถูกลมภายนอกพัดเข้ามา และนั่นเป็นสัญญาณว่าพายุอาจจะอ่อนกำลังลงมากขึ้นในระยะสั้น การพาความร้อนที่รุนแรงที่สุด หรือเมฆที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่ทำให้เกิดพายุดีเปรสชันเขตร้อน และอยู่ทางทิศใต้ของศูนย์กลางการไหลเวียน
- วันที่ 23 ตุลาคม พายุดีเปรสชันเขตร้อนเข้าสู่พื้นที่รับผิดชอบของประเทศฟิลิปปินส์ และปากาซาได้กำหนดชื่อท้องถิ่นว่า กาตริง
- วันที่ 24 ตุลาคม ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 1] ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อน และกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 2] ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อนเช่นกัน และกำหนดให้ชื่อว่า ชบา
- วันที่ 25 ตุลาคม พายุโซนร้อนชบาตั้งอยู่ประมาณ 970 กิโลเมตร (600 ไมล์) ทางตอนใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (70 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงประมาณ 6 เมตร ดาวเทียมของนาซาได้เคลื่อนตัวผ่านพายุเพื่อถ่ายภาพอินฟราเรดความเย็นของเมฆพายุด้วยเครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศ และเผยให้เห็นว่าอุณหภูมิของเมฆมีอากาศเย็นอยู่ที่ประมาณ -52 องศาเซลเซียส นั้นแสดงว่ามีการหมุนเวียนของลมบริเวณทางทิศใต้ และทางทิศตะวันตก ยิ่งอุณหภูมิของเมฆเย็นลง พายุก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น และพายุฝนฟ้าคะนองก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน ภาพถ่ายดาวเทียมไอน้ำแสดงให้เห็นว่าแถบพายุฝนฟ้าคะนองที่มีการพาความร้อนลึกตามแนวขอบทางทิศตะวันตกของการไหลเวียนศูนย์กลางของพายุ กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ยกระดับพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นในเวลาต่อมา
- วันที่ 26 ตุลาคม พายุไต้ฝุ่นชบาเป็นพายุที่มีขนาดใหญ่ที่ทอดยาวตั้งแต่ประเทศฟิลิปปินส์ไปจนถึงจังหวัดโอกินาวะ มีการจัดระเบียบได้อย่างดี และมีกำลังแรงในขณะที่เคลื่อนตัวผ่านทะเลฟิลิปปิน พายุตั้งอยู่ประมาณ 800 กิโลเมตร (500 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (85 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 11:50 น. (04:50 น. เวลาสากลเชิงพิกัด)
- วันที่ 27 ตุลาคม พายุไต้ฝุ่นชบาตั้งอยู่ประมาณ 440 กิโลเมตร (270 ไมล์) ทางตอนใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (125 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 3 เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงเกือบประมาณ 7 เมตร พายุยังคงอยู่ในน่านน้ำเปิดของทะเลฟิลิปปิน และมีตาพายุที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร (10 ไมล์) แต่เมฆของพายุได้กระจายผ่านคาเดนาไปไกลถึงตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น และพายุยังคงมีกำลังแรงไว้เพราะอยู่ในบริเวณที่มีลมเฉือนในแนวตั้งต่ำ และมีการไหลออกที่ดี ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้กระแสลมกรดบริเวณขั้วโลกทำให้แรงลมเฉือนแนวตั้งมากขึ้น และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) คาดการณ์ว่าพายุไต้ฝุ่นชบาจะอ่อนกำลังลงระหว่างเคลื่อนตัวไปยังประเทศญี่ปุ่น
- วันที่ 28 ตุลาคม ตาพายุของพายุไต้ฝุ่นชบาทำให้นักพยากรณ์สามารถมองเห็นความรุนแรงของพายุได้ดี ดาวเทียมของนาซาได้บันทึกภาพอินฟราเรดของพายุ และแสดงให้เห็นตาพายุที่กว้าง 65 กิโลเมตร (40 ไมล์) ได้อย่างชัดเจน ซึ่งบ่งบอกถึงพายุลูกนี้มีกำลังแรงมาก ดาวเทียมของนาซาได้เคลื่อนตัวผ่านพายุไต้ฝุ่นชบา และเครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศที่ได้บันทึกภาพอินฟราเรดไว้แสดงให้เห็นตาพายุของพายุได้อย่างชัดเจน อุณหภูมิของเมฆพายุฝนฟ้าคะนองที่มีอากาศเย็นอยู่ที่ประมาณ -52 องศาเซลเซียส ขณะที่พายุทำให้เกิดฝนตกหนักทางทะเลฟิลิปปินเมื่อเวลา 11:35 น. (04:35 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) เครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศได้ให้ข้อมูลอินฟราเรดที่เกี่ยวกับอุณหภูมิของเมฆพายุไต้ฝุ่นชบาแก่นักพยากรณ์ของศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) อุณหภูมิเหล่านั้นมีความสำคัญ เนื่องจากสามารถบอกนักพยากรณ์ได้ว่าพายุฝนฟ้าคะนองมีอุณหภูมิสูงมากเท่าใด พายุก็จะมีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ภารกิจวัดปริมาณน้ำฝนในเขตร้อนได้เคลื่อนตัวผ่านพายุไต้ฝุ่นชบา และเรดาร์ปริมาณน้ำฝนพบว่าพายุมีการจัดระเบียบได้เป็นอย่างดี และครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีฝนตกปานกลางกับฝนตกหนักมาก แต่ข้อมูลไม่ได้แสดงตาพายุได้อย่างชัดเจน และจุดศูนย์กลางของพายุได้ปรากฏให้เห็นแถบเมฆพายุฝนฟ้าคะนองอยู่บริเวณศูนย์กลางการไหลเวียนของพายุไต้ฝุ่นชบาเมื่อเวลา 18:04 น. (11:04 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานว่าพายุไต้ฝุ่นชบาถึงระดับความรุนแรงสูงสุดกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 4 เมื่อเคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศญี่ปุ่นด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (145 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในเวลา 17:53 น. (10:53 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และเริ่มอ่อนกำลังลงเล็กน้อย พายุตั้งอยู่ประมาณ 240 กิโลเมตร (150 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (125 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 3 เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงประมาณ 10 เมตร
- วันที่ 29 ตุลาคม ภารกิจวัดปริมาณน้ำฝนในเขตร้อนได้เคลื่อนตัวผ่านพายุไต้ฝุ่นชบาจากเหนืออวกาศ และเห็นพายุฝนฟ้าคะนองที่รุนแรงในพายุ ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศญี่ปุ่น ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ลดระดับพายุไต้ฝุ่นระดับ 2 ให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 1 และกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ลดระดับพายุไต้ฝุ่นให้กลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงเช่นกัน
- วันที่ 30 ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ลดระดับพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนเมื่อเคลื่อนตัวผ่านเข้าไปใกล้ประเทศญี่ปุ่น และส่วนเศษซากของพายุยังคงอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ แต่มีกำลังแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อเข้าใกล้คาบสมุทรอะแลสกาจนกลายเป็นพายุที่มีขนาดใหญ่โดยมีความเร็วลมต่อเนื่อง 10 นาทีที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (60 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศต่ำสุดกลางของ 940 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.76 นิ้วของปรอท) และจนกระทั่งสลายไปอย่างสมบูรณ์ในวันรุ่งขึ้น
- วันที่ 1 พฤศจิกายน พายุหมุนนอกเขตร้อนได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณใกล้กับคอร์โดวา รัฐอะแลสกา แต่ยังไม่ทันที่จะถึงแม่น้ำ ความชื้นในบรรยากาศก็เข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือฝั่งสหรัฐ และสร้างสถิติสำหรับวันที่ฝนตกในซีแอตเทิล
การเตรียมการ แก้
ประเทศญี่ปุ่น แก้
ด้วยความคาดหมายว่าจะมีฝนตกหนักที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่งที่พังทรุดโทรม และบริษัท โตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์ ได้วางกระสอบทรายรอบ ๆ คูระบายน้ำเพื่อกักเก็บน้ำที่มีกัมมันตภาพรังสี[8] สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้กล่าวว่าพายุลูกนี้ถือเป็น “พายุลูกหนึ่งในรอบทศวรรษ” โรงเรียนทั่วโตเกียวได้หยุดการเรียนการสอนในวันที่ 16 ตุลาคม และการคมนาคมขนส่งก็ได้หยุดชะงักลง ผู้คนประมาณกว่า 60,000 คน ต้องยกเลิกเที่ยวบิน และสถานีรถไฟในบางพื้นที่ของเมืองได้ทำการปิดบริการชั่วคราว บริษัทน้ำมัน 3 แห่ง ได้ถูกระงับการจัดส่งทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น เช่น บริษัท คอสโมออยล์ บริษัท ฟูจิออยล์ บริษัท อิเดมิตสึ โคซัง และบริษัท อีนีออส โฮลดิ้งส์ ในขณะที่บริษัท นิสสันมอเตอร์ จำกัด ได้ทำการยกเลิกการจัดส่งในวันนั้น[9]
เกาะอิซุโอชิมะ แก้
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับโคลนถล่มสำหรับเกาะภูเขาไฟ 2 แห่ง เช่น เกาะอิซุโอชิมะ และเกาะมิยาเกะ ซึ่งต่อมาได้ส่งต่อไปยังรัฐบาลโตเกียว และได้ส่งโทรสารไปยังรัฐบาลท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบในขณะที่รัฐบาลมิยาเกะได้รับคำเตือน และแนะนำให้ประชาชนอพยพ เจ้าหน้าที่ในสำนักงานเมืองโอชิมะก็ได้ออกไปทั้งวันโดยเหลือเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ไม่เห็นคำแนะนำดังกล่าวจนกระทั่งประมาณเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาก็ตัดสินใจว่ามันอันตรายเกินไปที่จะขอให้ผู้อยู่อาศัยออกจากบ้าน และไม่ออกคำสั่งอพยพ[10]
ผลกระทบ แก้
ประเทศญี่ปุ่น แก้
+พายุไต้ฝุ่นวิภาอ่อนกำลังลงขณะเคลื่อนตัวตาม แนวชายฝั่งตะวันออกของ ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม แม้ว่าพายุจะสร้างความเสียหายอย่างจำกัดบนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ทำให้เกิดแผ่นดินถล่มขนาดใหญ่บนเกาะอิซุ โอชิมะคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 31 ราย และสูญหายอีก 13 ราย[11] นอกจาก นี้ +ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกสังหารทางตะวันตกของโตเกียวและต่อมาพบ ศพของเด็กนักเรียนหนึ่งในสองคนที่หายตัวไปใกล้ คานากา ว่า ชายคนหนึ่งในชิบะและเด็กอีกคนหนึ่งยังคงได้รับรายงานว่าสูญหาย นอกเหนือจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อบนเกาะโอชิมะ[12] +มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 17 รายหลังจากพายุไต้ฝุ่นกำลังแรงพัดถล่มชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น+
+เกาะทางใต้ของโตเกียว อิซุ โอชิมะ ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากพายุไต้ฝุ่นวิภา โดยประสบกับดินถล่มและน้ำท่วม มีคนจำนวนมากเสียชีวิตเมื่อบ้านเรือนพังทลายหรือถูกโคลนถล่มฝังกลบ ยังมีผู้สูญหายอย่างน้อย 50 คน ได้มีการดำเนินการเพื่อปกป้องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะที่พังทลายแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานกล่าวว่าดูเหมือนว่าจะรอดพ้นจากพายุที่เลวร้ายที่สุดแล้ว ในโตเกียว เที่ยวบินถูกยกเลิก รถไฟหัวกระสุนถูกระงับ และโรงเรียนปิด+
+“นี่เป็นไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรงที่สุดในรอบ 10 ปีที่จะพัดผ่านภูมิภาคคันโต (พื้นที่โตเกียว)” ฮิโรยูกิ อูชิดะ หัวหน้านักพยากรณ์อากาศของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น กล่าวกับนักข่าวเมื่อวันอังคาร ขณะนี้พายุไต้ฝุ่นวิภาได้ลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนแล้วขณะเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ+
+พายุทำให้เกิดลมแรงและมีฝนตกเป็นประวัติการณ์ในเช้าวันพุธ ปริมาณน้ำฝนลดลงเกือบ 5 นิ้ว (12 ซม.) ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงบนเกาะอิซุโอชิมะ ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางใต้ประมาณ 120 กม. (75 ไมล์) พายุดังกล่าวส่งดินจำนวนมากลงมาตามไหล่เขาและทำให้แม่น้ำต่างๆ ท่วมตลิ่ง ภาพข่าวทางโทรทัศน์เผยให้เห็นซากบ้านไม้ที่ถูกฝังอยู่ในโคลนและมีเศษซากปกคลุมอยู่+
+“ฉันได้ยินเสียงแตก แล้วต้นไม้บนเนินเขาก็ล้มทับไปหมด” ผู้หญิงคนหนึ่งบนเกาะบอกกับสถานีโทรทัศน์ NHK แห่งชาติ “แล้วโคลนก็ไหลไปถึงบ้าน” สื่อญี่ปุ่นระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 16 ราย แต่ยังมีผู้เสียชีวิต 51 รายบนอิซุ โอชิมะ รายงานท้องถิ่นระบุว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังดิ้นรนเพื่อเข้าถึงพื้นที่หลายแห่ง “ศาลากลางและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังทำงานกู้ภัยในสถานที่ที่สามารถเข้าถึงได้” เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบอกกับสำนักข่าว AFP เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเฮลิคอปเตอร์เพิ่มเติมได้ถูกส่งไปยังเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 8,000 คน เพื่อช่วยเหลือในการกู้ภัย ในกรุงโตเกียว มีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตหลังจากตกลงไปในแม่น้ำ และกำลังดำเนินการค้นหาเด็กชายสองคนที่ถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายบนชายหาด รายงานระบุ เที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศประมาณ 400 เที่ยวบินก็ถูกยกเลิกในเมืองหลวงเช่นกัน สำนักข่าวเกียวโด ระบุ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีประชาชนเกือบ 20,000 คนถูกสั่งให้ออกไปและโรงเรียนหลายพันแห่งต้องปิดเนื่องจากพายุไต้ฝุ่นลูกนี้ ประมาณเที่ยงวัน (03:00 GMT) ไต้ฝุ่นลูกนี้เคลื่อนผ่านใกล้กับฟุกุชิมะ ซึ่งมีน้ำปนเปื้อนที่ใช้เพื่อทำให้แกนเครื่องปฏิกรณ์เย็นลง และถูกเก็บไว้ในถังชั่วคราว บริษัทโตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์ ผู้ดำเนินการโรงงานกล่าวว่า ต้องสูบน้ำฝนออกจากรอบๆ ถังเก็บน้ำ แต่เสริมว่าการอ่านค่ารังสีของบริษัทอยู่ในขีดจำกัดที่ปลอดภัย โฆษกกล่าวว่าพายุดังกล่าวทำให้โรงงานไม่มีปัญหาใหม่+[13]
+บ้านเรือนอย่างน้อย 350 หลังถูกทำลายทั่วญี่ปุ่น ส่วนใหญ่บนอิซุโอชิมะ+[14]
+ที่โรงงานฟุกุชิมะ ไดอิจิ ถังเก็บน้ำ 12 ถังล้นเนื่องจากฝนตกหนักจากพายุไต้ฝุ่น ระดับ รังสีบีตาพุ่งสูงขึ้นเป็น 400,000 เบเคอเรลหลังเกิดพายุ ซึ่งมากกว่าครั้งก่อนวิภาถึง 6,500 เท่า กระแสน้ำล้นเกิดจากการเตรียมการที่ไม่เพียงพอของ TEPCO และไม่ใส่ใจคำเตือนเกี่ยวกับพายุ นอกจากนี้ยังตรวจพบรังสีบีตาในพื้นที่ที่อยู่นอกเขื่อนซึ่งออกแบบมาเพื่อกักเก็บน้ำที่ปนเปื้อน+
+บริษัท โตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์ ( เทปโก ) ได้ประกาศอีกครั้งเมื่อวันจันทร์เกี่ยวกับถังเก็บและน้ำกัมมันตภาพรังสีที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ผู้ดำเนินการนิวเคลียร์ระบุว่ามีน้ำล้นออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลังจากฝนตกหนักในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา+
+จากข้อมูลของ TEPCO ระบุว่า ฝนตกหนักทำให้น้ำล้นใน 12 ภาคส่วนของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีถังเก็บน้ำ ที่มีการปน เปื้อนรังสี นอกจากนี้ยังพบว่ามีน้ำที่มีรังสีบีตาอยู่เลยเหนือเขื่อนด้วย ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานสาธารณูปโภคกำลังค้นหาปริมาณน้ำที่รั่วออกจากถังรวมถึงระดับรังสีด้วย+
+น้ำที่มีการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีซึ่ง TEPCO อ้างว่ารั่วไหล “เนื่องจากฝนตกหนักในภูมิภาคโทโฮกุ” มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความกังวลและความสงสัยของผู้คนเกี่ยวกับความสามารถของผู้ปฏิบัติงานนิวเคลียร์ในการทำความสะอาดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เลิกใช้งานแล้ว ประชาชนอาจหมดกำลังใจในการซื้อผลผลิตจากจังหวัด+
+ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นวิภาซึ่งถือเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่เข้ามาญี่ปุ่นในรอบทศวรรษ แต่ผลกระทบสามารถลดลงได้หากปฏิบัติตามข้อควรระวังที่เหมาะสม น่าเสียดายที่ TEPCO เพิกเฉยต่อคำเตือนพยากรณ์อากาศ เมื่อวันศุกร์ เจ้าหน้าที่เทปโกตรวจพบรังสีบีตาได้ 400,000 เบคเคอเรลต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าการตรวจวัดเมื่อวันพุธถึง 6,500 เท่า+[15]
+เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม มีการประกาศว่าระดับรังสีในน้ำใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 140,000 เบคเคอเรล ซึ่งสูงกว่าระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 59,000 เบคเคอเรลอย่างมาก การเพิ่มขึ้นของรังสีมีสาเหตุมาจากฝนตกหนักจากไต้ฝุ่นวิภา+
เกาะอิซุโอชิมะ แก้
+ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่วิภาเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ-ตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดฝนตกหนักในเมืองโอชิมะ โดยบันทึกปริมาณฝนรายชั่วโมงรวม 100 มม. (3.9 นิ้ว) และรวม 24 ชั่วโมง 824 มม. (32.4 นิ้ว) ผลจากฝนตกทำให้เกิดดินถล่มหลายครั้ง เศษซากที่ไหลและความลาดชันถูกบันทึกไว้ในชั้นเถ้าภูเขาไฟบางๆ ของพื้นผิวไหล่เขา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 ราย+ +ความเสียหายบนเกาะสูงถึง4หมื่นล้านเยน (404.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)+
+ในระหว่างเหตุการณ์หลังระบบรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดตั้งสำนักงานตอบสนองภัยพิบัติในเมืองโอชิมะอย่างรวดเร็ว เพื่อสนับสนุนการอพยพผู้อยู่อาศัย และช่วยป้องกันภัยพิบัติรองใดๆ+ +รัฐบาลยังได้ส่งกองกำลังควบคุมเหตุฉุกเฉินทางเทคนิค (TEC‐FORCE) และกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นไปยังเกาะนี้เพื่อดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือ ประเมินขอบเขตของความเสียหาย และช่วยป้องกันภัยพิบัติรอง+ +รัฐบาลกรุงโตเกียวถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์จากการใช้เครื่องแฟกซ์เพื่อส่งคำเตือนแม้จะมีการปรับปรุงเทคโนโลยีอย่างมากมายก็ตาม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนครหลวงยืนหยัดในการใช้เครื่องแฟกซ์เพื่อเผยแพร่คำเตือน เนื่องจากสามารถส่งคำเตือนได้ในคราวเดียว+ +ในช่วง วันที่ 17 ตุลาคม นายกเทศมนตรีของเกาะอิซุโอชิมะได้ออกคำขอโทษต่อสาธารณชนที่ไม่ได้ออกคำสั่งอพยพ และยอมรับว่าคำสั่งดังกล่าวอาจช่วยชีวิตได้+
ดูเพิ่ม แก้
หมายเหตุ แก้
- ↑ ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ – กองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งจะออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และภูมิภาคอื่น ๆ[6]
- ↑ กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก[7]
อ้างอิง แก้
- ↑ https://earthobservatory.nasa.gov/images/event/46612/typhoon-chaba
- ↑ https://earthobservatory.nasa.gov/images/46611/typhoon-chaba
- ↑ https://earthobservatory.nasa.gov/images/46676/typhoon-chaba
- ↑ https://web.archive.org/web/20101030233556/http://mdn.mainichi.jp/mdnnews/news/20101029p2g00m0dm118000c.html
- ↑ https://www.bloomberg.com/news/articles/2010-10-30/chaba-weakens-over-japan-downgraded-to-tropical-storm-as-it-nears-tokyo
- ↑ "Joint Typhoon Warning Center Mission Statement". Joint Typhoon Warning Center. United States Navy. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ "Annual Report on Activities of the RSMC Tokyo – Typhoon Center 2000" (PDF). Japan Meteorological Agency. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ http://japandailypress.com/fukushima-water-reaches-new-radiation-high-2438477/
- ↑ http://japandailypress.com/typhoon-wipha-once-in-a-decade-storm-heading-towards-tokyo-1537849/
- ↑ http://japandailypress.com/japans-continued-reliance-on-fax-technology-to-blame-for-lack-of-mudslide-warning-2338358/
- ↑ https://webcitation.org/6KbuycFy6?url=http://headlines.yahoo.co.jp/hl?a=20131024-00000104-mai-soci
- ↑ https://www.google.com/hostednews/afp/article/ALeqM5hy9wzbtlwocItDPKVaN8zZHlG5gw?docId=2e1283b0-4c0c-4ce5-8b89-72af0d16ccfa&hl=en
- ↑ https://www.bbc.com/news/world-asia-24531140
- ↑ http://japandailypress.com/typhoon-wipha-island-mayor-admits-evacuation-could-have-saved-more-lives-1738046/
- ↑ https://web.archive.org/web/20131028022025/http://japandailypress.com/fukushima-storage-tank-barriers-overflow-from-heavy-rains-2138163/
แหล่งข้อมูลอื่น แก้
- พายุหมุนเขตร้อนระบบดิจิทัล (Digital Typhoon) ข้อมูลของพายุไต้ฝุ่นวิภา (1326)
- กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นวิภา (1326)
- กรมอุตุนิยมวิทยาไทย (TMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นวิภา (1326)
- ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นวิภา (25W)