ปัญญาจารย์ 1 (อังกฤษ: Ecclesiastes 1) เป็นบทแรกของหนังสือปัญญาจารย์ในคัมภีร์ฮีบรูหรือพันธสัญญาเดิมในคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์[1][2] หนังสือปัญญาจารย์ประกอบด้วยคำพูดเชิงปรัชญาของตัวละครที่เรียกว่าปัญญาจารย์ (โคเฮเลท; "ผู้สอน"; "ผู้พูดต่อหน้าที่ชุมนุมชน") อาจประพันธ์ขึ้นในช่วงศตวรรษ 5 ถึง 2 ก่อนคริสตกาล[3] เพชิตตา, ทาร์กุม และทัลมุด ตลอดจนผู้อ่านชาวยิวและคริสต์ศาสนิกชนส่วนใหญ่ถือว่าผู้เขียนหนังสือปัญญาจารย์คือกษัตริย์ซาโลมอน[4] บทที่ 1 ของหนังสือปัญญาจารย์ประกอบด้วยชื่อหนังสือ, อรรถาธิบายของข้อสังเกตพื้นฐานบางประการ และปัญญาของชีวิต โดยเฉพาะความอนิจจังของการแสวงหาปัญญา[5]

ปัญญาจารย์ 1
ภาพซาโลมอนทรงถือดอกไม้และความเยาว์วัย จุลจิตรกรรมจากหน้าเปิดของหนังสือปัญญาจารย์ (ในภาษาละติน) ในคัมภีร์ไบเบิลแห่งอาราม Santa Maria de Alcobaça, ราวคริสต์ทศวรรษ 1220 (หอสมุดแห่งชาติโปรตุเกส ALC.455, fl.207).
หนังสือหนังสือปัญญาจารย์
ภาคในคัมภีร์ฮีบรูเคทูวีม
ภาคในคัมภีร์ไบเบิลคริสต์พันธสัญญาเดิม
ลำดับในภาคของคัมภีร์ไบเบิลคริสต์21

ต้นฉบับ

แก้

บทนี้เดิมเขียนด้วยภาษาฮีบรู บทแบ่งออกเป็น 18 วรรค

พยานต้นฉบับ

แก้

บางสำเนาต้นฉบับในยุคต้นที่มีข้อความของบทนี้เป็นภาษาฮีบรูมีลักษณะเป็นต้นฉบับเมโซเรติก (Masoretic Text) ได้แก่ ฉบับเลนินกราด (Leningrad Codex; ค.ศ. 1008)[6][a] ชิ้นส่วนที่มีข้อความบางส่วนของบทนี้ในภาษาฮีบรูถูกพบในม้วนหนังสือเดดซี ได้แก่ 4QQohb (4Q110; 30 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 30; วรรคที่หลงเหลือ 8–15)[8][9][10]

 
หน้าที่ประกอบด้วยปัญญาจารย์ 1:1–5:17 จากฉบับกิกาส (Codex Gigas) คัมภีร์ไบเบิลแปลเป็นภาษาละตินในคริสต์ศตวรรษที่ 13

ยังมีฉบับแปลเป็นภาษากรีกคอยนีที่รู้จักในชื่อเซปทัวจินต์ (ทำขึ้นในช่วงไม่กี่ศตวรรษสุดท้ายก่อนคริสตกาล) บางสำเนาต้นฉบับที่หลงเหลือในเซปทัวจินต์ ได้แก่ ฉบับวาติกัน (Codex Vaticanus; B;  B; ศตวรรษที่ 4) ฉบับซีนาย (Codex Sinaiticus; S; BHK:  S; ศตวรรษที่ 4) และฉบับอะเล็กซานเดรีย (Codex Alexandrinus; A;  A; ศตวรรษที่ 5)[11] ต้นฉบับภาษากรีกอาจมาจากผลงานของ Aquila of Sinope และผู้ติดตาม[3]

วรรค 1

แก้
ถ้อยคำของปัญญาจารย์ ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด กษัตริย์ในเยรูซาเล็ม[12]
  • "ปัญญาจารย์": "ผู้เรียกประชุม" หรือ "ผู้รวบรวม"; ฮีบรู: קהלת Qoheleth[13][14] มีความหมายอย่างง่ายว่า "ผู้สอน" (คำ participle ในภาษาฮีบรู)[15] รากศัพท์มาจากคำว่า qahal ที่มีความหมายว่า "การเรียกประชุม"[16]
  • "เชื้อสายของดาวิด กษัตริย์ในเยรูซาเล็ม": อาจหมายถึงกษัตริย์พระองค์ใด ๆ ในเชื้อสายของดาวิด ("Davidic King")[16][3] ในปัญญาจารย์ 1:12 ระบุว่าปัญญาจารย์ปกครอง "อิสราเอล" ในกรุงเยซูซาเล็ม หาก "อิสราเอล" หมายรวมถึงราชอาณาจักรอิสราเอลเหนือแล้ว เชื้อสายของดาวิดที่ได้ปกครองก็มีเพียงซาโลมอนและพระโอรสคือ "เรโหโบอัมผู้ห่างไกลจากปัญญา"[3][b] จากคำอธิบายเพิ่มเติมในบทที่ 1 และ 2 เป็นที่แน่ชัดว่า "ปัญญาจารย์"นั้นหมายถึงซาโลมอน แม้ว่าจะเลี่ยงการกล่าวพระนาม "ซาโลมอน" ก็ตาม ไม่ได้อ้างถึงอย่างชัดเจนอย่างในเพลงซาโลมอน 1:1 หรือสุภาษิต 1:1 [16]

บทนำ (วรรค 2-11)

แก้

วรรค 2

แก้
ปัญญาจารย์กล่าวว่า อนิจจัง อนิจจัง
อนิจจัง อนิจจัง สารพัดอนิจจัง[17]

คัมภีร์ไบเบิลอังกฤษเล็กซ์แฮมเรียกวรรคนี้ว่าเป็น "คติพจน์" (motto) ของปัญญาจารย์[18] คติพจน์นี้ปรากฏอีกครั้งในช่วงท้ายของคำสอนของปัญญาจารย์ในปัญญาจารย์ 12:8[3] "อนิจจัง" ซึ่งเป็นคำสำคัญของหนังสือปัญญาจารย์[3] แปลมาจากคำภาษาฮีบรูว่า הבל, hebel[19] ซึ่งมีความหมายว่า "ความไม่มีสาระ" หรือ "ความไร้แก่นสาร" ในทางรูปธรรมใช้หมายถึง "ควัน", "ไอน้ำ", หรือ "ลมหายใจ" และในเชิงเปรียบเทียบใช้หมายถึง 'สิ่งที่หายวับไปหรือว่องไว' (มีความแตกต่างกันขึ้นกับบริบท)[20] อาจแปลได้ว่า 'ความไร้เหตุผล, ความคับข้องใจ, ความไร้ประโยชน์, ความไร้สาระ'[21] คำนี้ปรากฏ 5 ครั้งในวรรคนี้วรรคเดียวและปรากฏอีก 29 ครั้งในหนังสือปัญญาจารย์[20]

"อนิจจัง อนิจจัง" มาจากความในภาษาฮีบรู: הבל הבלים (habel habalim)[19]

วรรค 3

แก้
มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการตรากตรำทุกอย่างของเขา
ซึ่งเขาตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์นั้น[22]

คำถามเชิงโวหารนี้เป็นไปตามคำกล่าวเกี่ยวกับ "อนิจจัง" และเป็นไปตามการพรรรณนาถึงโลกที่ 'ไม่ยอมรับความพยายามของมนุษย์'[3]

วรรค 9

แก้

วรรค 9 มีคำกล่าวที่เป็นที่รู้จักอย่างดีว่า "ไม่มีสิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์"

วรรค 11

แก้
ไม่มีการจดจำถึงคนสมัยก่อน
และไม่มีการจดจำถึงคนสมัยหลังที่จะเกิดมา
โดยคนรุ่นต่อมา[25]

ความอนิจจังของการแสวงหาปัญญา (วรรค 12–18)

แก้

ดูเพิ่ม

แก้

หมายเหตุ

แก้
  1. หนังสือปัญญาจารย์ทั้งเล่มหายไปจากฉบับอะเลปโป (Aleppo Codex) ตั้งแต่การจลาจลต่อต้านชาวยิวในอะเลปโปในปี ค.ศ. 1947[7]
  2. 1 พงศ์กษตริย์ 12 บันทึกว่าเรโหโบอัมทรงขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสที่เคยรับใช้พระบิดา แล้วปฏิเสธคำแนะนำเหล่านั้นเพราะทรงโปรดคำแนะนำของเหล่าชายหนุุ่มที่เติบโตมาด้วยกันกับพระองค์มากกว่า

อ้างอิง

แก้
  1. Halley 1965, p. 275.
  2. Holman Illustrated Bible Handbook. Holman Bible Publishers, Nashville, Tennessee. 2012.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 Weeks 2007, p. 423.
  4.   Jastrow, Morris; Margoliouth, David Samuel (1901–1906). "Ecclesiastes, Book of". ใน Singer, Isidore; และคณะ (บ.ก.). The Jewish Encyclopedia. New York: Funk & Wagnalls.
  5. Eaton 1994, pp. 610–611.
  6. Würthwein 1995, pp. 35–37.
  7. P. W. Skehan (2003), "BIBLE (TEXTS)", New Catholic Encyclopedia, vol. 2 (2nd ed.), Gale, pp. 355–362
  8. Ulrich, Eugene, บ.ก. (2010). The Biblical Qumran Scrolls: Transcriptions and Textual Variants. Brill. pp. 746. ISBN 9789004181830. สืบค้นเมื่อ May 15, 2017.
  9. Dead sea scrolls - Ecclesiastes. Quote: 4QQohb 1:1-14
  10. Fitzmyer, Joseph A. (2008). A Guide to the Dead Sea Scrolls and Related Literature. Grand Rapids, MI: William B. Eerdmans Publishing Company. p. 43. ISBN 9780802862419. สืบค้นเมื่อ February 15, 2019. Quote: 4QQohb 1:10-15.
  11. Würthwein 1995, pp. 73–74.
  12. ปัญญาจารย์ 1:1 THSV11
  13. Hebrew Text Analysis: Ecclesiastes 1:1. Biblehub
  14. หมายเหตุ [a] ของปัญญาจารย์ 1:1 ใน ESV
  15. Eaton 1994, p. 610.
  16. 16.0 16.1 16.2 Eaton 1994, p. 609.
  17. ปัญญาจารย์ 1:2 THSV11
  18. ปัญญาจารย์ 1:2 Lexham English Bible
  19. 19.0 19.1 Hebrew Text Analysis: Ecclesiastes 1:2. Biblehub
  20. 20.0 20.1 หมายเหตุ [a] ของปัญญาจารย์ 1:2 ใน ESV
  21. หมายเหตุ a ของปัญญาจารย์ 1:2 ใน NKJV
  22. ปัญญาจารย์ 1:3 THSV11
  23. 23.0 23.1 Hebrew Text Analysis: Ecclesiastes 1:3. Biblehub
  24. 24.0 24.1 Eaton 1994, p. 611.
  25. ปัญญาจารย์ 1:11 THSV11

บรรณานุกรม

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้