ตะขาบ (พายัพ: จักขาบ; อีสาน: ขี้เข็บ) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่อยู่ในชั้น Chilopoda จัดอยู่ในไฟลัมอาร์โธรพอด เป็นสัตว์ขาข้อที่พบได้ในเขตร้อนชื้น อาศัยอยู่บนบก มีหลายขนาด ส่วนใหญ่ความยาวของลำตัวตั้งแต่ 3-8 เซนติเมตร (ขนาดใหญ่ที่สุดคือชนิด Scolopendra heros มีความยาว 8-10 นิ้ว) ลำตัวแบนราบ มีปล้อง 15-100 ปล้อง แต่ละปล้องมีขา 1 คู่ ส่วนหัวแยกจากลำตัวชัดเจน มีหนวด 1 คู่ และเขี้ยวพิษ 1 คู่ ซึ่งดัดแปลงมาจากปล้องแรกของลำตัว เขี้ยวพิษเชื่อมต่อกับต่อมพิษ เมื่อกัดเหยื่อจะปล่อยพิษออกมา ทำให้เหยื่อเจ็บปวดและเป็นอัมพาต เมื่อถูกตะขาบกัดจะพบรอยเขี้ยวสองรอย ลักษณะเป็นจุดเลือดออกตรงบริเวณที่ถูกกัด

ตะขาบวางไข่ในที่ชื้นหรือต้นพืช ต้นหญ้า ใช้เวลาในการเจริญเติบโตนานโดยลอกคราบ 10 ครั้ง ตัวเต็มวัยมีอายุ 3-5 ปี ในเวลากลางวันจะซ่อนอยู่ในที่เย็น ๆ เช่น ใต้ก้อนหิน ออกหาเหยื่อในเวลากลางคืน กินแมลงเป็นอาหาร

ในประเทศไทย พบทั้งหมด 48 ชนิด (ค.ศ. 2017[1])

พิษของตะขาบ

แก้

พิษของตะขาบประกอบด้วยสารก่อปฏิกิริยาอักเสบต่อร่างกาย ได้แก่ 5 hydroxytryptamine หรือ cytolysin ทำให้เกิดอาการบวม ปวด แดง ร้อน หากบวมมาก เช่น ที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้าอาจกดเส้นเลือด ทำให้นิ้วขาดเลือดมาเลี้ยงจนกระทั่งนิ้วดำ เนื้อตาย ต้องตัดทิ้งได้ โดยทั่วไปพิษตะขาบไม่รุนแรงถึงกับทำให้เสียชีวิต ในบางรายอาจมีอาการแพ้ หรือกระวนกระวาย อาเจียน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มึนงง ปวดศีรษะ อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนตรงบริเวณที่ถูกกัด อาจเป็นแผลไหม้อยู่ 2-3 วัน มีรายงานการเสียชีวิตในเด็กหญิงฟิลิปปินส์อายุ 7 ปี 1 ราย ที่ถูกตะขาบพันธุ์ Scolopendra subspinipes ขนาดยาว 23 เซนติเมตรกัดที่บริเวณศีรษะ

การรักษา

แก้

อาการพิษของตะขาบทำได้โดยการทำแผลให้สะอาด ให้ยาแก้ปวดอาจให้ยาปฏิชีวนะและวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก[2]

อ้างอิง

แก้
  1. "เรื่องเล่าเช้านี้ - นักวิทย์จุฬาฯค้นพบ 'ตะขาบน้ำตก' ขึ้นบัญชีเป็น 1 ใน 10 สปีชีส์". เรื่องเล่าเช้านี้. 2017-05-25. สืบค้นเมื่อ 2017-06-03.[ลิงก์เสีย]
  2. ห้องสมุด E-LIB : Health Library for Thai : โอ๊ะ...ระวังสัตว์มีพิษ

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้