ลัวะ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ตระกูลมอญ-เขมร ของกลุ่มตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก[3] ซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย บริเวณจังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย และยังพบชาวลัวะในประเทศลาวบริเวณชายแดนทางทิศตะวันตกของแขวงไชยบุรีซึ่งลัวะในบริเวณนี้นั้น แบ่งออกตามภาษาได้อีก 3 กลุ่ม คือ ลัวะไปร ลัวะมัล และลัวะอะจูล ซึ่งเป็นกลุ่มที่เล็กที่สุด[4]

ลัวะ
ຖິ່ນ
ชาวลัวะในประเทศไทย
ประชากรทั้งหมด
ไม่ทราบ
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ
ลาว, ไทย, สหรัฐ
ลาว23,193 (ค.ศ. 1995)[1]
ไทย48,000 (ค.ศ. 1995)[2]
ภาษา
มัล, ไปร อะจูล; พูดลาวหรือไทยเป็นภาษาที่สอง
ศาสนา
ศาสนาผี, เถรวาท, ศาสนาคริสต์
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง
มลาบรีและขมุ[2]

ประวัติ

แก้

ลัวะในจังหวัดน่านและในแขวงไชยบุรีของลาวจัดว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมกลุ่มหนึ่งซึ่งตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้มานานแล้ว พระสงฆ์ผู้แต่งตำนานล้านนาได้บันทึกถึงเรื่องราวของกลุ่มชาติพันธุ์ลัวะไว้มากกว่าชาติพันธุ์กลุ่มอื่น ความสัมพันธ์ระหว่างลัวะและไทยวนในล้านนามีมานานแล้ว อย่างน้อยตั้งแต่สมัยพญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่ (พ.ศ. 1839) ความสัมพันธ์นี้ได้สืบต่อมาจนถึงรัตนโกสินทร์หรือสมัยเจ้ากาวิละ

บ้างสันนิษฐานว่า ลัวะเป็นพวกเดียวกับเผ่าว้าที่มีภูมิลำเนาอยู่ในมณฑลยูนานและตามลุ่มแม่น้ำสาละวินในรัฐฉานของพม่า อีกข้อสันนิษฐาน คือ ละว้าที่อาศัยอยู่บริเวณทางตอนใต้ของจีนและตอนเหนือของประเทศไทย เป็นบรรพบุรุษของ 2 กลุ่ม คือ ลัวะอยู่ในล้านนา หรือตอนบนของประเทศไทยและละว้าอยู่ในภาคกลางของสยาม[5]

เมื่อมีการแบ่งพรมแดนไทยและลาว ทำให้ชาวลัวะที่ไปมาหาสู่กันแยกออกจากกันด้วยพรมแดน พบว่ามีชาวลัวะจากลาวอพยพเข้ามาในไทยบริเวณจังหวัดน่าน 2 ครั้ง คือ พ.ศ. 2419 เนื่องจากชนกลุ่มน้อยในลาวถูกกดขี่จากการปกครอง อีกครั้งราว พ.ศ. 2517–2518 เนื่องจากหนีภัยคอมมิวนิสต์ในลาว

ชื่อและการบันทึก

แก้

คัมภีร์ใบลานและเอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชั้นต้นของล้านนาเกือบทุกประเภทกล่าวถึงชาวลัวะ เช่น ตำนานเมืองเชียงใหม่ ตำนานศาสนา ตำนานพระธาตุ ศิลาจารึก ตำนานล้านนาเรียกชื่อแตกต่างกันไปหลายชื่อว่า "ลัวะ" และ "ว้า" ภาษาบาลีเรียกว่า "มิลักขุ" หรือ "มิลักขะ" บางตำนานเรียกว่า "ทมิฬ" หรือ "ทมิล" เรียกตนเองว่า "ละเวือะ" หรือ "ลวือ" จารึกล้านนากล่าวถึงลัวะน้อยมาก มีเพียง 2–3 หลัก เกี่ยวกับการถวายลัวะเป็นทาสของวัด หรือ "ข้าวัด"[6]

ชาวลัวะมีชื่อที่ทางราชการเรียกว่า ถิ่น หรือ ข่าถิ่น แต่ชาวลัวะเองรู้สึกไม่ชอบเพราะรู้สึกว่าเป็นคำดูถูก หากให้เรียกระหว่าง 2 คำ ชาวลัวะยอมรับคำว่า ลัวะ มากกว่า[7]

วัฒนธรรม

แก้

ชาวลัวะมีภาษาเป็นของตนเอง คือ ภาษาลัวะ แต่เดิมมีการนับถือผี โดยเฉพาะผีเสื้อบ้าน และผีบรรพบุรุษ ภายหลังเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับคนพื้นราบ จึงได้มีการนับถือพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับความเชื่อดั้งเดิม ซึ่งยังเหลือร่องรอยศาสนาพุทธยุคเก่าที่ผสมผสานกับความเชื่อด้านการนับถือผีในบางท้องถิ่นแถบภาคเหนือของไทย เช่น การฉันอาหารเย็นของพระสงฆ์ การนำคาถาพุทธคุณมาทำยันต์ไล่ผี เข้าใจว่าเป็นอิทธิพลของนิกายตันตระหรือมันตรายาน ซึ่งได้รับก่อนการรับนิกายเถรวาท[8] และซึมซับรับวัฒนธรรมจากกลุ่มชาติพันธุ์ไทเข้าไปใช้ในชีวิตประจำวัน

อ้างอิง

แก้
  1. Joachim Schliesinger (2003). Ethnic Groups of Laos, Volume 1: Introduction and Overview. White Lotus. p. 171.
  2. 2.0 2.1 Joachim Schliesinger (2003). Ethnic Groups of Laos, Volume 2: Profile of Austro-Asiatic-Speaking Peoples. White Lotus. p. 161.
  3. "ลั๊วะ". สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
  4. อรรถรัตน์ ฆะสันต์. "คติความเชื่อและภูมิปัญญาซึ่งสัมพันธ์กับการตั้งถิ่นฐาน ผังหมู่บ้านและบ้านเรือนของชุมชนชาติพันธุ์ลัวะ ในประเทศไทย" (PDF). มหาวิทยาลัยศิลปากร.
  5. ชลธิรา สัตยาวัฒนา. ลัวะเมืองน่าน. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2530
  6. "จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน". สำนักงานราชบัณฑิตยสภา.
  7. สุริยา รัตนกุล, ผลงานการวิจัยเอกสารและวิจัยภาคสนาม : ละว้า และ ลัวะ, วารสารภาษาและวัฒนธรรม, 4 (1 มกราคม–มิถุนายน 2527): 56–78.
  8. ฝอยทอง (สมบัติ) สมวถา (2545). เล่าขานตำนานเมืองแจ๋ม (PDF). เชียงใหม่: นพบุรีการพิมพ์. p. 14-15.