ความสัมพันธ์อาร์มีเนีย–รัสเซีย
ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศอาร์มีเนียและสหพันธรัฐรัสเซียในปัจจุบันได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1992 แม้ว่ารัสเซียจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในอาร์มีเนียตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศมีรากฐานมาจากสงครามรัสเซีย-เปอร์เซีย ใน ค.ศ. 1826 ถึง 1828 ระหว่างจักรวรรดิรัสเซียและกาจาร์อิหร่าน ซึ่งหลังจากนั้นก็ยอมยกอาร์เมเนียตะวันออกให้รัสเซีย ยิ่งไปกว่านั้น รัสเซียยังได้รับการมองว่าเป็นผู้ปกป้องอาณาประชาราษฎร์คริสต์ศาสนิกชนในจักรวรรดิออตโตมัน รวมถึงชาวอาร์มีเนียด้วย[1]
อาร์มีเนีย |
รัสเซีย |
หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต อาร์มีเนียได้แบ่งปันแนวทางของรัสเซียที่มุ่งเสริมสร้างเครือรัฐเอกราช (CIS) อาร์มีเนียและรัสเซียต่างก็เป็นสมาชิกของพันธมิตรทางทหาร ซึ่งคือองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน (CSTO) พร้อมกับอีกสี่ประเทศจากอดีตสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่อาร์มีเนียพบว่าจำเป็นต่อความมั่นคง ท่ามกลางสัญญาและข้อตกลง ซึ่งกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล – สนธิสัญญามิตรภาพ, ความร่วมมือ และความช่วยเหลือซึ่งกันและกันของวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1997 เป็นเอกสารจำนวนหนึ่ง ซึ่งควบคุมฐานทัพของหน่วยทหารรัสเซียและผู้ประสานงานในสาธารณรัฐอาร์มีเนีย ทั้งนี้ ประเทศอาร์มีเนียเข้าเป็นสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชียเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2015
ภูมิหลัง
แก้ส่วนสำคัญของดินแดนที่ปัจจุบันเป็นของประเทศอาร์มีเนียได้รวมเข้ากับจักรวรรดิรัสเซียตามสนธิสัญญาตอร์กาแมนเช ค.ศ. 1828 ที่ลงนามระหว่างรัสเซียและเปอร์เซีย หลังจากสงครามรัสเซีย-เปอร์เซีย (ค.ศ. 1826–1828)
หลังจากการปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1917 อาร์มีเนียได้รับเอกราชในช่วงสั้น ๆ ในฐานะสาธารณรัฐอาร์มีเนียที่หนึ่ง ครั้นภายใน ค.ศ. 1920 รัฐดังกล่าวได้รวมอยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตทรานส์คอเคซัส ซึ่งเป็นสมาชิกประกอบขึ้นของสหภาพโซเวียตที่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1922 ส่วนใน ค.ศ. 1936 รัฐทรานส์คอเคซัสถูกยุบ โดยปล่อยให้รัฐที่เป็นส่วนประกอบ รวมทั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตอาร์มีเนีย กลายเป็นสาธารณรัฐสหภาพเต็มรูปแบบ
การพัฒนาตั้งแต่ ค.ศ. 2013
แก้ความสัมพันธ์ภายใต้นีกอล พาชินยัน (ตั้งแต่ ค.ศ. 2018)
แก้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลระหว่างประเทศต่างตึงเครียดหลังการเลือกตั้ง นีกอล พาชินยัน เป็นนายกรัฐมนตรีอาร์มีเนียในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 พาชินยันถูกเปรียบเทียบโดยนักการเมืองและสื่อของรัสเซียกับแปตรอ ปอรอแชนกอ ของยูเครนซึ่งได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีไม่นานหลังจากการปฏิวัติยูเครน ค.ศ. 2014 ที่สนับสนุนตะวันตก[2] ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีกหลังจากการจับกุมอดีตประธานาธิบดี โรเบิร์ต โคตชายาน และเลขาธิการใหญ่องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน ยูริ คาชาตูรอฟ[3][4][5] เช่นเดียวกับข้อพิพาททางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทรัสเซียที่ดำเนินงานในอาร์มีเนีย[6]
รัสเซียถูกอธิบายว่าไม่เต็มใจที่จะเข้าแทรกแซงอย่างเปิดเผยในสงครามนากอร์โน-คาราบัค ค.ศ. 2020 เพื่อสนับสนุนอาร์มีเนียเนื่องจากความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องระหว่างปูตินและพาชินยัน[7][8] ในท้ายที่สุดรัสเซียได้จัดการเจรจาสันติภาพระหว่างอาเซอร์ไบจานและอาร์มีเนียซึ่งมีผลในข้อตกลงหยุดยิงในวันที่ 10 ตุลาคม[9] ซึ่งต่อมาถูกทั้งสองฝ่ายเพิกเฉย[10] สงครามหยุดชะงักเมื่อผู้นำของคู่ต่อสู้และประธานาธิบดีของรัสเซียลงนามในข้อตกลงสงบศึกในมอสโกเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ LUIGI VILLARI. Fire and Sword in the Caucasus. p. 65.
the khanates of Erivan and Nakhitchevan were conquered in 1828— 29 after a last war with Persia ;
- ↑ Russian press portrays Armenia's Pashinyan as "carbon copy" of Poroshenko
- ↑ CSTO Chief Charged In Connection With 2008 Armenian Election Violence
- ↑ Russia Seethes After Velvet Revolutionary Strikes at Old Foes
- ↑ Armenia’s Pashinyan: We hope Russia has done nothing against us
- ↑ As Armenia was engulfed in internal squabbles, a Russian bomb was lobbed into the political forum which mushroomed to cover the entire horizon.
- ↑ "Russia is the only country able to stop the Armenia-Azerbaijan conflict. Will it step up and do so?". CNN. 5 October 2020.
- ↑ "Reluctant Russia offers to send peacekeeping 'monitors' to Nagorno-Karabakh". The Independent. 14 October 2020.
- ↑ "Armenia and Azerbaijan agree on a ceasefire, Russian foreign ministry says". CNN. 10 October 2020.
- ↑ "Nagorno-Karabakh: Armenia and Azerbaijan accuse each other of breaking fresh truce". The Guardian. 18 October 2020.