กันดั้มแอสเทรย์

กันดั้มแอสเทรย์ (ญี่ปุ่น: ガンダムアストレイ) (อังกฤษ: Gundam Astray) เป็นรุ่นของโมบิลสูทซึ่งเป็นมีบทบาทสำคัญในการ์ตูนญี่ปุ่น มังงะ โมบิลสูทกันดั้มซี้ด แอสเทรย์ กันดั้มแอสเทรย์รุ่นแรกได้รับการออกแบบโดยจุนอิจิ อะคุทสึ

บทบาทในเรื่อง แก้

กันดั้มแอสเทรย์
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทโมบิลสูทเอนกประสงค์รุ่นต้นแบบ
ความสูง17.53 เมตร
น้ำหนัก49.8 ตัน
เกราะโฟมโลหะ
อุปกรณ์ปืนวัลแคน 75 มม. "อิเกลชเตลลุงก์"
บีมไรเฟิล
บีมเซเบอร์
โล่

กันดั้มแอสเทรย์เป็นโมบิลสูทที่สถาบันมอเกนเรตของอาณาจักรอ็อบได้พัฒนาอย่างลับๆที่เฮลิโอโปลิสโดยใช้ข้อมูลที่ขโมยมาจากการช่วยพัฒนา GAT-Xซีรีส์ให้กลุ่มพันธมิตรโลก ลักษณะสำคัญของกันดั้มแอสเทรย์ก็คือเกราะที่มีน้ำหนักเบาเพื่อให้มีความคล่องตัวสูงสุด กันดั้มแอสเทรย์ยังมีอาวุธที่จำลองมาจาก GAT-Xซีรีส์อย่างบีมไรเฟิลและบีมเซเบอร์ มอเกนเรตได้ใช้รูปแบบพื้นฐานของกันดั้มแอสเทรย์ในการพัฒนาโมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมากคือ M1แอสเทรย์และชาวอาณานิคมดาวอังคารยังใช้ข้อมูลของแอสเทรย์ซีรีส์พัฒนา GSF-YAM01 เดลต้าแอสเทรย์ ของตัวเอง นอกจากนี้ โมบิลสูท YMF-X000A เดรดน็อตกันดั้ม ยังมีชื่อเล่นว่า Xแอสเทรย์ และเมื่อ โลว์ กิล ได้ใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ของ ZGMF-X12A เทสตาเมนต์กันดั้ม มาดัดแปลงเป็นโมบิลสูทตัวใหม่ยังได้ตั้งชื่อว่า กันดั้มแอสเทรย์เอาต์เฟรม แต่ในทางเทคนิคแล้วทั้งคู่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกันดั้มแอสเทรย์แต่อย่างใด

กันดั้มแอสเทรย์โกลด์เฟรม แก้

มีอีกชื่อหนึ่งว่า โปรโตซีโร่วัน MBF-P01 กันดั้มแอสเทรย์โกลด์เฟรมมีลักษณะพิเศษที่แฮนด์ปลั๊กสำหรับจ่ายพลังงานให้อาวุธนั้นสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สำหรับโมบิลสูทของกลุ่มพันธมิตรโลกได้เช่นเดียวกับของอ็อบเอง เมื่อZAFTได้โจมตีเฮลิโอโปลิส อ็อบได้ทำลายโรงงานที่พัฒนาโปรเจกต์แอสเทรย์เพื่อปิดเป็นความลับ แต่โคออร์ดิเนเตอร์ รอนโด กิน่า ซาฮาคุ ได้ใช้โกลด์เฟรมหนีไปจากเฮลิโอโปลิสโดยใช้บาซูก้าของดูเอลกันดั้ม เนื่องจากแอสเทรย์นั้นไม่ได้ออกแบบไว้ให้ใช้อาวุธหนัก แขนขวาของโกลด์เฟรมจึงได้รับเสียหาย ซึ่งรอนโดได้สลัดแขนข้างนี้ทิ้งไปที่เฮลิโอโปลิส ในภายหลังรอนโดได้ใช้โกลด์เฟรมเข้าต่อสู้กับแอสเทรย์เรดเฟรมของโลว์ กิลจนกระทั่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก

MBF-P01-Re<AMATU> กันดั้มแอสเทรย์โกลด์เฟรม อามัตสึ
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทโมบิลสูทเอนกประสงค์รุ่นปรับปรุง
ความสูง17.99 เมตร
น้ำหนัก73.2 ตัน
เกราะโฟมโลหะ
เฟสชิฟท์อาเมอร์
อุปกรณ์ปืนวัลแคน 75 มม. "อิเกลชเตลลุงก์"
มากะโนะอิคุทาจิ
ฉมวก "มากะชิระโฮโกะ"
โล่ "ไทรเครอส"
บีมไรเฟิลกำลังสูง 50 มม.
ลูกดอก "แลนเซอร์ดาร์ท"
อามัตสึมิน่า
ดาบ "โทตซึกะโนะซึรุงิ"
กงเล็บ "ซึมุฮะโนะทาจิ"
บีมชิลด์ "โอคิตสึโนะคางามิ"
คุณสมบัติพิเศษระบบพรางตัวมิราจคอลลอยด์
นักบินสำคัญรอนโด กิน่า ซาฮาคุ
รอนโด มิน่า ซาฮาคุ

กันดั้มแอสเทรย์โกลด์เฟรมอามัตสึ แก้

อาณาจักรอ็อบได้ทำการปรับปรุงแอสเทรย์โกลด์เฟรมเป็น MBF-P01-Re<AMATU> กันดั้มแอสเทรย์โกลด์เฟรม อามัตสึ โดยส่วนแขนขวาที่นั้นได้ใช้แขนขวาของบลิทซ์กันดั้มที่เก็บมาได้ เทคโนโลยีพรางตัวมิราจคอลลอยด์ของบลิทซ์กันดั้มยังถูกนำมาใช้กับโกลด์เฟรมด้วย แขนข้างนี้ยังสามารถใช้เกราะPSได้เหมือนเดิม อาวุธไทรเครอสที่ติดแขนนั้นเอาบีมเซเบอร์ออกไป ส่วนหัวก็ถูกเปลี่ยนเป็นแบบที่มีเซ็นเซอร์เสริมแบบโมโนอายติดตั้งไว้ อาวุธซึ่งเป็นจุดเด่นของโกลด์เฟรมอามัตสึก็คือ มากะโนะอิคุทาจิ ซึ่งเป็นตะขอที่ใช้ล็อกดูดพลังงานมาจากโมบิลสูทเป้าหมาย แบ็คแพ็คด้านหลังมีฉมวก มากะชิระโฮโกะ ซึ่งสามารถยิงและดึงกลับมาได้ด้วยสายเคเบิล ฉมวกนี้ยังใช้เทคโนโลยี PS จึงมีพลังในการเจาะทะลวงสูง

ต่อมาในภายหลัง รอนโดก็ถูก ไก มุราคุโมะ สังหาร และโกลด์เฟรมก็ถูก รอนโด มิน่า ซาฮาคุ น้องสาวฝาแฝดนำไปปรับปรุงอีกทีเป็น MBF-P01-Re2<AMATU> กันดั้มแอสเทรย์โกลด์เฟรม อามัตสึมิน่า ซึ่งมีจุดแตกต่างจากของเดิมคือส้นสูงที่เท้าทั้งสองข้าง และติดตั้งอาวุธเพิ่มคือดาบโทตซึกะโนะซึรุงิ และ กงเล็บที่แขนซ้าย ซึมุฮะโนะทาจิ นอกจากนี้ มิน่ายังได้พัฒนา มากะโนะอิคุทาจิจนสมบูรณ์ซึ่งทำให้สามารถดูดพลังงานจากโมบิลสูทที่อยู่ใกล้ๆตัวได้โดยไม่ต้องใช้ตะขอ

ในเนื้อเรื่องของภาค เอ็กซ์แอสเทรย์ โกลด์เฟรมอามัตสึมิน่าได้รับความเสียหายเมื่อไคท์ มาดิแกนได้ใช้ต่อสู้กับ ZGMF-Z12A เทสตาเมนต์กันดั้ม จึงได้ปรับปรุงอีกครั้งด้วยโอคิตสึโนะคางามิ ซึ่งพัฒนาโดยหยุน เซฟาน โอคิตสึโนะคางามิเป็นอุปกรณ์เอนกประสงค์ติดแขนแทนซึมุฮะโนะทาจิและสามารถใช้สร้างบีมชิลด์หรือมีดบีมก็ได้ ซึ่งโหมดมีดบีมสามารถยิงออกไปแล้วดึงกลับมาด้วยสายเคเบิล ส่วนดาบโทตซึกะโนะซึรุงิถูกถอดออกเป็นแค่อาวุธเสริมเท่านั้น

กันดั้มแอสเทรย์เรดเฟรม แก้

MBF-P02 กันดั้มแอสเทรย์เรดเฟรม
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทโมบิลสูทเอนกประสงค์รุ่นต้นแบบ
ความสูง17.53 เมตร
น้ำหนัก49.8 ตัน
เกราะโฟมโลหะ
อุปกรณ์ปืนวัลแคน 75 มม. "อิเกลชเตลลุงก์"
บีมไรเฟิล
บีมเซเบอร์
ดาบคะตะนะ "เกอร์เบร่าสเตรท"
โล่
พาวเวอร์โหลดเดอร์
เกอร์เบร่าสเตรท 150 เมตร
เกราะมาร์สแจ็คแก็ต
ดาบคะตะนะ "ไทเกอร์เพียร์ส"
นักบินสำคัญโลว์ กิล
ดิเอโก โลเวล
อุน โน

มีอีกชื่อหนึ่งว่า โปรโตซีโร่ทูว์ MBF-P02 กันดั้มแอสเทรย์เรดเฟรมได้รับการติดตั้งระบบปฏิบัติการซึ่งทำให้แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถควบคุมได้ เรดเฟรมถูกค้นพบในซากของเฮลิโอโปลิสโดย โลว์ กิล สมาชิกของจังค์กิลด์ซึ่งได้เก็บเรดเฟรมไว้ใช้งานเอง ซึ่งหลังจากที่ถูกศัตรูพยายามชิงเรดเฟรมไปแล้ว โลว์จึงได้หาอาวุธใหม่ นั่นคือดาบคะตะนะ เกอร์เบร่าสเตรท ซึ่งเป็นดาบโลหะจึงไม่สิ้นเปลืองพลังงานในการใช้งาน เมื่อเทียบกับดาบของ ZGMF-1017 จินน์ ของ ZAFTแล้วเกอร์เบร่าเสตรทมีความคมกว่ามากและยังหุ้มแอนติบีมโค้ตติ้งไว้ด้วย เรดเฟรมเสียแขนขวาไปจากการต่อสู้กับโกลด์เฟรมของรอนโด กิน่า ซาฮาคุ แต่โลว์ก็ได้ซ่อมแขนของโกลด์เฟรมที่เก็บมาจากเฮลิโอโปลิสและเอามาใช้แทน

เมื่อโลว์ไปยังอ็อบ เรดเฟรมก็ได้รับการซ่อมแซมจนสมบูรณ์และได้แบ็คแพ็คของ M1แอสเทรย์มาดัดแปลงและติดตั้งให้เรดเฟรมซึ่งทำให้สามารถบินกลางอากาศได้ ในเนื้อเรื่องของอนิเมะสั้นสำหรับโฆษณากันพลาของแอสเทรย์ โลว์ยังเคยประมูลได้ส่วนหัวของโมบิลสูท TMF/A-802 บาคูว มาดัดแปลงเป็นถุงมือให้เรดเฟรมและสามารถใช้บีมเซเบอร์ของบาคูวเป็นดาบสองปลายได้ แต่หัวบาคูวนี้ถูกพวก ZAFTตามมาทำลายในภายหลัง ในเนื้อเรื่องของภาคแอสเทรย์อาร์ โลว์ยังได้สร้างยูนิตพาวเวอร์โหลดเดอร์ขนาด60เมตรซึ่งเหมือนกับเป็นโมบิลสูทขนาดยักษ์ที่เรดเฟรมควบคุมอยู่ และมีอาวุธเป็นเกอเบร่าสเตรทขนาดยักษ์ที่ยาวตลอดด้ามถึง 150เมตร เมื่อยูนิตพาวเวอร์โหลดเดอร์นี้ถูก ZGMF-X11A รีเจเนเรตกันดั้ม ทำลาย โลว์ก็ได้ปรับปรุงเรดเฟรมเป็น พาวเวิร์ดเรด ซึ่งมีส่วนหัวไหล่ที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้มีกำลังมากพอที่จะเหวี่ยงเกอร์เบร่าสเตรทยักษ์ได้เอง แต่ต่อมาโลว์ก็แปลงเรดเฟรมกลับไปเป็นแบบดั้งเดิมอีกครั้ง

ในเนื้อเรื่องของภาค เดสทินีแอสเทรย์ โลว์ก็ได้ดัดแปลงเรดเฟรมอีกครั้งในช่วงที่อยู่บนดาวอังคาร โดยติดตั้งเกราะมาร์สแจ็คเก็ต ซึ่งมีรูปร่างคล้ายโมบิลสูทของ ZAFT (ในความเป็นจริงแล้วจะคล้ายกับเกลกุ๊กในภาค Universal Century) เกราะนี้จะคลุมเรดเฟรมไว้ทั้งตัวเพื่อป้องกันชิ้นส่วนของเรดเฟรมจากสภาพแวดล้อมอันทุรกันดารของดาวอังคารและสามารถใช้เข้าสู่บรรยากาศโลกได้ เกราะมาร์สแจ็คเก็ตบางส่วนสามารถปลดออกได้เพื่อเพิ่มความคล่องแคล่ว ด้านหลังมีบีมแคนนอนคู่ซึ่งเป็นปลอกดาบของเกอเบร่าเสตรทด้วย เรดเฟรมมาร์สแจ็คเก็ตถูกชาวอาณานิคมดาวอังคาร ดิเอโก โลเวล ขโมยไป แต่ได้นำมาคืนให้โลว์หลังเข้าร่วมในเหตุการณ์ เบรกเดอะเวิลด์ โลว์จึงได้ถอดมาร์สแจ็คเก็ตออกแล้วติดตั้งไว้กับแอสเทรย์พลเรือนของจังค์กิลด์แล้วยกให้ดิเอโกไปใช้งานแทน

ในเนื้อเรื่องของภาค วีเอสแอสเทรย์ กลุ่มไลบราเรียนได้สร้างเรดเฟรมเครื่องที่สองและให้คาร์บอนฮิวแมนของอุน โนเป็นนักบิน เรดเฟรมเครื่องที่สองนี้ใช้ดาบคะตะนะที่เรียกว่า ไทเกอร์เพียร์ส เป็นอาวุธหลัก

กันดั้มแอสเทรย์บลูเฟรม แก้

มีอีกชื่อหนึ่งว่า โปรโตซีโร่ทรี MBF-P03 กันดั้มแอสเทรย์บลูเฟรมนี้ได้รับการบันทึกข้อมูลอุปกรณ์ต่างๆไว้โดยรอนโด กิน่า ซาฮาคุเมื่อครั้งที่เฮลิโอโปลิสถูกโจมตี กันดั้มแอสเทรย์บลูเฟรมถูกโลว์ กิล ค้นพบพร้อมกับเรดเฟรม แต่ก็มอบให้ ไก มุราคุโมะ ไป ไกเป็นหนึ่งในทหารรับจ้าง เซอร์เพนท์เทล ที่มาทำลายหลักฐานเกี่ยวกับโปรเจกต์แอสเทรย์ แต่หลังจากที่ถูกนายจ้างทรยศจึงเก็บบลูเฟรมไว้เป็นโมบิลสูทประจำตัว เนื่องจากมีข้อมูลของอุปกรณ์ทั้งหมดอยู่ไกจึงสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ให้บลูเฟรมใช้ได้ กันดั้มแอสเทรย์บลูเฟรมจึงสามารถใช้งานอาวุธหนักอย่างบาซูก้าและมิสไซล์ลันเชอร์ หรือ สเกลซิสเต็ม ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนใต้น้ำของ ZAFT

MBF-P03 กันดั้มแอสเทรย์บลูเฟรมเซคันด์
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทโมบิลสูทเอนกประสงค์รุ่นปรับปรุง
ความสูง17.78 เมตร
น้ำหนัก64.4 ตัน (บลูเฟรมเซคันด์ L)
เกราะโฟมโลหะ
เฟสชิฟท์อาเมอร์
อุปกรณ์ปืนวัลแคน 75 มม. "อิเกลชเตลลุงก์"
บีมเซเบอร์
มีด "อาเมอร์ชไนเดอร์"
ปืนพก
ปืนใหญ่โพซิตรอน "โลเอนกรีน"
บลูเฟรมเซคันด์ G
บีมไรเฟิลพิสัยไกล
บลูเฟรมเซคันด์ L
แท็คติคอลอาร์มส์ (ปืนกลแก็ตลิ่ง 90 มม.)
นักบินสำคัญไก มุราคุโมะ

กันดั้มแอสเทรย์บลูเฟรมเซคันด์ แก้

ในเนื้อเรื่องของนิยายภาพ แอสเทรย์บี นั้น กันดั้มแอสเทรย์บลูเฟรมได้รับความเสียหายอย่างหนักในการสู้กับ GAT-01D ลองแด็กเกอร์ ของอีเลฟเว่น โซเซียส ซึ่งไกก็ได้ปรับปรุงบลูเฟรมด้วยความช่วยเหลือของโลว์ และ เอริก้า ซิมมอนส์ แห่งมอเกนเรต ซึ่งบลูเฟรมร่างสองนี้ มีสองแบบคือ บลูเฟรมเซคันด์ L โดยสามารถติดตั้ง แท็คติคอลอาร์มส์ ซึ่งเป็นแบ็คแพ็คที่สามารถบินแยกจากบลูเฟรมได้ทั้งยังหุ้มแอนติบีมโค้ตติ้งเพื่อการป้องกันอาวุธบีม แท็คติคอลอาร์มส์นี้ติดตั้งปืนกลแก็ตลิ่ง 90 มม.เอาไว้และสามารถปรับมาเป็นดาบขนาดใหญ่ได้ด้วย เกราะของบลูเฟรมเซคันด์ Lมีสองชั้น ซึ่งชั้นที่สองนั้นเป็นเกราะ PSที่จะทำงานเมื่อเกราะชั้นแรกที่อยู่ภายนอกแตกออก

บลูเฟรมเซคันด์แบบหนึ่งก็คือ บลูเฟรมเซคันด์ G ซึ่งเน้นการใช้งานอาวุธต่างๆ เช่น สไนเปอร์แบ็คแพ็คซึ่งเป็นบีมไรเฟิลพิสัยไกล บริเวณค็อกพิตของบลูเฟรมเซคันด์ Gยังเสริมเกราะ PSไว้โดยรอบ ไกยังได้ปรับแต่งส่วนเท้าและเสริมท่อขับดันแบบครีบและมีดอาเมอร์ชไนเดอร์หกเล่มไว้ที่ส่วนไหล่

ส่วนหัวของบลูเฟรมเซคันด์ติดตั้งระบบรีโมตคอนโทรลสำหรับควบคุมแบ็คแพ็คแบบต่างๆไว้ อาวุธที่รุนแรงที่สุดของบลูเฟรมเซคันด์ก็คือปืนโพซิตรอน โลเอนกรีน แบบเดียวกับของยานอาร์คแองเจิ้ล แต่มีขนาดเล็กกว่า เนื่องจากโลเอนกรีนใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชั่นเป็นแหล่งพลังงานแยกต่างหาก แต่บลูเฟรมเซคันด์จะไม่มี นิวตอนแจมเมอร์แคนเซลเลอร์ จึงใช้งานปืนนี้ได้อย่างจำกัดมาก

ในมังงะโมบิลสูทกันดั้มซี้ด เฟรมแอสเทรย์ กันดั้มแอสเทรย์บลูเฟรมได้พัฒนาไปเป็นกันดั้มแอสเทรย์บลูเฟรมเธิร์ดเพื่อใช้ต่อสู้ในป่าทึบโดยเฉพาะ โดยเพิ่มประสิทธิภาพของเสาอากาศVฟิน ที่แขนติดตั้งตะขอและใบมีดเพื่อใช้ตัดสิ่งกีดขวาง ที่เอวติดตั้งไรเฟิลไว้สองกระบอกและเสริมสมรรถนะของท่อขับดันให้ปรับทิศทางได้ง่ายขึ้น ที่น่องทั้งสองยังติดใบมีดไว้ เนื่องจากการใช้บีมในป่าอาจทำให้ไฟไหม้ได้ ไกจึงไม่ได้ติดอาวุธบีมไว้ด้วย เนื่องจากการดัดแปลงเป็นบลูเฟรมเธิร์ดใช้ชิ้นส่วนจากภายนอกล้วนๆ ในภาค วีเอสแอสเทรย์ จึงได้เปลี่ยนกลับไปเป็น บลูเฟรมเซคันด์รีไวส์ โดยดัดแปลงดาบแท็คติคอลอาร์มส์ให้สามารถแยกใบมีดออกมาติดกับแขนเป็นทอนฟาและสามารถแยกปืนกลแก็ตลิ่งออกมาได้

หนึ่งในอุปกรณ์เสริมของบลูเฟรมเซคันด์ G ก็คือเกราะฟุลอาร์เมอร์เฟสชิฟท์ ซึ่งเป็นเกราะ PSที่สามารถหุ้มบลูเฟรมเซคันด์ได้ทั้งตัวและออกแบบให้ใช้เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ ในเวลาปกติจะติดตั้งไว้เป็นแบ็คแพ็คเหมือนแท็คติคอลอาร์มส์ เนื่องจากถูกใช้งานหลังบลูเฟรมเธิร์ด จึงเรียกร่างนี้ว่าบลูเฟรมโฟรธ์

กันดั้มแอสเทรย์กรีนเฟรม แก้

ในมังงะโมบิลสูทกันดั้มซี้ด เฟรมแอสเทรย์ได้เปิดเผยว่ามี MBF-P04 กันดั้มแอสเทรย์กรีนเฟรมเป็นกันดั้มแอสเทรย์เครื่องที่สี่ ซึ่งทรอยา โนวาล สมาชิกของกองโจรต่อต้านสาธารณรัฐเอเชียตะวันออกได้รับมาจาก แบรี่ โฮ แอสเทรย์กรีนเฟรมมีเซนเซอร์สีเหลืองแตกต่างจากเครื่องก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นสีเขียว อาวุธพิเศษของแอสเทรย์กรีนเฟรมก็คือ ทวินซอร์ดไรเฟิล ซึ่งเป็นบีมไรเฟิลที่สามารถกางและยืดออกเป็นดาบสองปลายได้ แอสเทรย์กรีนเฟรมยังมีระบบปัญญาประดิษฐ์ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ไว้คอยช่วยสนับสนุนในการควบคุม ซึ่งเมื่อระบบนี้สามารถเก็บข้อมูลจนพัฒนาตัวเองได้มากพอก็จะทำให้อัตราตอบสนองต่อนักบินสูงมากกว่ารุ่นก่อนๆ

กันดั้มแอสเทรย์มิราจเฟรม แก้

MBF-P05LM กันดั้มแอสเทรย์มิราจเฟรม
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทโมบิลสูทรุ่นปรับปรุง
ความสูง17.81 เมตร
น้ำหนัก84.8 ตัน
เกราะวาริเอเบิลเฟสชิฟท์อาเมอร์
อุปกรณ์ปืนวัลแคน 75 มม. "อิเกลชเตลลุงก์"
บีมเซเบอร์
บีมไรเฟิล
ดาบคะตะนะ "อาเมะโนะฮาบะกิริ"
ดาบติดแขน
ดาบติดเท้า
โล่
คุณสมบัติพิเศษระบบพรางตัวมิราจคอลลอยด์
นักบินสำคัญรอนโด กิน่า ซาฮาคุ

ปรากฏตัวในนิยายประกอบภาพโมบิลสูทกันดั้มซี้ด วีเอสแอสเทรย์ เป็นกันดั้มแอสเทรย์หมายเลขห้าที่สร้างโดยกลุ่มไลบราเรียนและเป็นโมบิลสูทประจำตัวของคาร์บอนฮิวแมนซึ่งมียีนของ รอนโด กินา ซาฮาคุ มิราจเฟรมนั้นต่างจากกันดั้มแอสเทรย์เครื่องอื่นๆคือใช้เกราะวาริเอเบิลเฟสชิฟท์แทนโฟมโลหะจึงทนทานกว่ามาก มิราจเฟรมยังใช้ระบบพรางตาด้วยอนุภาคมิราจคอลลอยด์ แต่นอกจากใช้พรางตัวแล้วยังสามารถใช้สร้างภาพลวงตาเพื่อให้ศัตรูเข้าใจผิดได้ โดยครั้งแรกที่ปรากฏตัวนั้น รอนโดได้ใช้มิราจคอลลอยด์ปลอมเป็นโกลด์เฟรมเพื่อให้คนอื่นๆเข้าใจผิด

ในเวลาปกตินั้นมิราจเฟรมจะเป็นร่างคอมมานเดอร์โหมดซึ่งมีลักษณะเหมือนกันดั้มแอสเทรย์แบบมาตรฐาน แต่จะแปลงร่างเป็นกลาดิเอเตอร์โหมดโดยหมุนตัวไปด้านหลัง ส่วนหัวของมิราจเฟรมนั้นมีเขาเสาอากาศสามเขา โดยคอมมานเดอร์โหมดจะมีเขาเดียวที่หน้าผาก และอีกสองเขาจะอยู่ที่หน้าผากของกลาดิเอเตอร์โหมด ดาบติดเท้าของมิราจเฟรมจะพับออกมาเหมือนกงเล็บ และดาบติดแขนก็จะพับมาด้านหน้าในร่างกลาดิเอเตอร์โหมด ดาบคะตะนะ "อาเมะโนะฮาบากิริ"ใช้วาริเอเบิลเฟสชิฟท์จึงสามารถเปลี่ยนสีได้และมีพลังทำลายสูง

ในเวลาต่อมา กันดั้มแอสเทรย์มิราจเฟรมได้ปรับปรุงอีกขั้นเป็นแบบ MBF-P05LM2 กันดั้มแอสเทรย์มิราจเฟรม เซคันด์อิสซู โดยเปลี่ยนใบมีดที่แขนและข้อเท้าเป็นแบบขนาดเล็กสามเล่มเหมือนกงเล็บ ร่างแปลงของเซคันด์อิสซูนั้น ร่างโมบิลสูทใช้ชื่อไทแรนท์โหมด ซึ่งใช้งานเหมือนคอมมานเดอร์โหมด แต่ร่างสองนั้นเป็นโหมดสัตว์สี่เท้าแบบไกอากันดั้ม เรียกว่าบรูทโหมด ในร่างบรูทโหมดนี้แบ็คแพ็คจะเลื่อนออกมาเป็นหัวจึงใช้บีมเซเบอร์พับออกมาแทงศัตรูได้ แผงที่เกราะไหล่นั้นติดบีมไรเฟิลไว้และจะพับมาด้านหน้าในบรูทโหมด ซึ่งแผงไหล่นี้ใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกับฟอร์บิดเดนกันดั้มทำให้สามารถยิงบีมไรเฟิลเป็นเส้นโค้งได้ บรูทโหมดนี้มีความเร็วสูงมากจนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะโดนโจมตีด้วยอาวุธปืนและยังไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูตอบโต้กลับได้เลยด้วย จึงสามารถต่อสู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยูนิตยิงระยะไกลสนับสนุนเหมือนโมบิลสูทสำหรับต่อสู้ในระยะประชิดทั่วๆไป ความเร็วของบรูทโหมดนี้แม้แต่คาร์บอนฮิวแมนของกิน่าซึ่งมีพันธุกรรมของโคออร์ดิเนเตอร์ก็ยังต้องทำการดัดแปลงตัวเองเพื่อให้คุมมิราจเฟรมในบรูทโหมดได้

M1 แอสเทรย์ แก้

MBF-M1 M1แอสเทรย์
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทโมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมาก
ความสูง17.53 เมตร
น้ำหนัก53.5 ตัน
65.3 ตัน (ติดตั้งไชรค์โรเตอร์)
เกราะโฟมโลหะ
อุปกรณ์ปืนวัลแคน 75 มม. "อิเกลชเตลลุงก์"
บีมไรเฟิล
บีมเซเบอร์
โล่
ไฟลท์โรเตอร์ "ไชรค์"
นักบินสำคัญอาซางิ คอตเวล
จูรี วี เนียง
มายูระ ลาเบ็ต
ฌอน แครี่

โมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมากซึ่งใช้พื้นฐานของกันดั้มแอสเทรย์ซึ่งปรากฏในอนิเมะโมบิลสูทกันดั้มซี้ด ออกแบบโดยคุนิโอะ โอคาวาระ

M1แอสเทรย์ใช้รูปแบบดั้งเดิมของกันดั้มแอสเทรย์จึงเป็นโมบิลสูทแบบพื้นฐาน แบ็คแพ็คของ M1แอสเทรย์เป็นแบบสำหรับใช้บินในอากาศได้ การพัฒนา M1แอสเทรย์ในช่วงแรกนั้น สถาบันมอเกนเรตมีปัญหาเพราะระบบปฏิบัติการด้อยประสิทธิภาพ ทำให้นักบินปกติไม่สามารถควบคุม M1แอสเทรย์ได้ดีพอที่จะใช้ในการสู้รบ แต่ต่อมาก็ได้ข้อมูลระบบปฏิบัติการของกันดั้มแอสเทรย์เรดเฟรมและระบบปฏิบัติการที่คิระ ยามาโตะดัดแปลงมาจากระบบปฏิบัติการของสไตรค์กันดั้ม ทำให้นักบินปกติสามารถควบคุม M1แอสเทรย์ได้ M1แอสเทรย์เครื่องที่โดดเด่นก็คือเครื่องสีขาวของ ฌอน แครี่ ผู้มีฉายา ดาราจรัสแสง J

M1แอสเทรย์ได้ใช้ในการสู้รบครั้งแรกเพื่อป้องกันตัวจากการรุกรานของพันธมิตรโลก M1แอสเทรย์มีสมรรถนะที่เทียบได้กับ GAT-01 สไตรค์แด็กเกอร์ของพันธมิตรโลก แต่ด้อยกว่าโมบิลสูทรุ่นใหม่ของซาฟท์คือ ZGMF-600 เกซ หลังสงครามวาเลนไทน์เลือด อาณาจักรอ็อบได้ปรับปรุง M1แอสเทรย์ที่มีอยู่โดยติดตั้ง EF-24R ไฟลท์โรเตอร์ "ไชรค์" ซึ่งเป็นปีกติดใบพัดเพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กลางอากาศ

รูปแบบอื่นๆ แก้

MBF-M1A M1Aแอสเทรย์ แก้

รุ่นปรับปรุงของ M1แอสเทรย์ที่เพิ่มความสามารถในการใช้งานในอวกาศโดยติดตั้งเวอเนียร์เสริมและปรับปรุงฉนวนสำหรับป้องกันอากาศรั่วให้ดีขึ้น M1Aแอสเทรย์ยังใช้สไนเปอร์บีมไรเฟิลซึ่งมีอานุภาพเหนือกว่าบีมไรเฟิลของ M1แอสเทรย์ เนื่องจากเน้นการใช้งานในอวกาศโดยเฉพาะจึงมีส่วนขาที่อ่อนแอ M1Aแอสเทรย์ได้รับการผลิตโดยอาณาจักรอ็อบกลุ่มซาฮาคุ แต่ก็มีอย่างน้อยเครื่องหนึ่งที่ถูกใช้งานโดยอาณาจักรอ็อบกลุ่มคางาริซึ่งเป็นของ แบรี่ โฮ เจ้าของฉายา หัตถ์เทวะ ซึ่งประจำอยู่กับยานคุซานางิ M1Aแอสเทรย์เป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์ต้นฉบับ กันดั้มซี้ด โมบิลสูทวาริเอชั่น ออกแบบโดย คุนิโอะ โอคาวาระ

MWF-JG71 เรสตา แก้

โมบิลสูทแบบไม่ติดตั้งอาวุธสำหรับทำงานซึ่งใช้พื้นฐานของ M1แอสเทรย์ พัฒนาโดย หยุน เซฟาน อดีตนักวิจัยของมอเกนเรตซึ่งได้เป็นสมาชิกของจังค์กิลด์หลังจากที่อาณาจักรอ็อบถูกพันธมิตรโลกยึดครอง ชื่อ Raysta มาจากการสลับอักษรของคำว่า Astray จังค์กิลด์ได้นำเรสตาให้ประชาชนเช่าใช้งานโดยมีข้อแม้ว่าห้ามดัดแปลงโดยติดตั้งอาวุธเข้าไปเด็ดขาด จังค์กิลด์เองจะเอาอาวุธมาติดให้เรสตาเพื่อใช้ป้องกันตัวในยามคับขันเท่านั้น เนื่องจากเป็นโมบิลสูทสำหรับทำงานจึงมีกำลังมาก ส่วนขาและเท้าของเรสตาจะมีกลไกให้ใช้เป็นเครนยกของได้ หยุน เซฟานเองใช้เรสตาแบบพิเศษซึ่งติดตั้งคอนเทนเนอร์บรรทุกของที่ด้านหลังและขาทั้งสองข้าง ส่วนหัวยังติดตั้งเสาอากาศสำหรับติดต่อกับดาวเทียมของจังค์กิลด์ เรสตาปรากฏตัวในมังงะ โมบิลสูทกันดั้มซี้ด เดสทินีแอสเทรย์

UT-1D แอสเทรย์พลเรือนรุ่นเฉพาะ DSSD แก้

โมบิลสูทสำหรับทำงานที่พัฒนาโดยองค์กรสำรวจอวกาศ DSSD (Deep Space Survey and Development Organization) โดยใช้ดัดแปลงมาจาก M1แอสเทรย์ แอสเทรย์ของ DSSD มีจุดเด่นที่หมวกครอบหัวสำหรับป้องกันเซนเซอร์ของแอสเทรย์และแบ็คแพ็คด้านหลังซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งเป็นต้นแบบของระบบขับเคลื่อนด้วยแสงของสตาร์เกเซอร์ สามารถใช้งานปืนพกบีมและโล่เพื่อใช้ป้องกันตัวได้ ปรากฏตัวในกันดั้มซี้ด C.E.73 สตาร์เกเซอร์

MWF-JG73 แอสเทรย์พลเรือนรุ่นเฉพาะจังค์กิลด์ แก้

โมบิลสูทสำหรับทำงานที่จังค์กิลด์พัฒนาโดยดัดแปลงแอสเทรย์พลเรือนของ DSSD ให้มีลักษณะใกล้เคียงกับกันดั้มแอสเทรย์มากที่สุดและสามารถปรับแต่งได้ง่าย โลว์ กิลได้ติดตั้งเกราะมาร์สแจ็คแก็ตของกันดั้มแอสเทรย์เรดเฟรมไว้กับแอสเทรย์พลเรือนเครื่องหนึ่ง เป็น MWF-JG73MJ มาร์สแจ็คเก็ตและยกให้ดิเอโก โลเวลเอาไปใช้ ปรากฏตัวในมังงะ โมบิลสูทกันดั้มซี้ด เดลต้าแอสเทรย์

PMC-1L อาร์มแอสเทรย์รุ่นเฉพาะ PMC แก้

แอสเทรย์พลเรือนของ DSSDซึ่งได้รับการดัดแปลงให้เหมาะกับการสู้รบโดยบริษัท PMC (Private Military Company) อาร์มแอสเทรย์มีลักษณะภายนอกคล้ายกับ UT-1D แต่ได้ติดตั้งเซนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมและดัดแปลงระบบขับเคลื่อนด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าให้สามารถรับพลังงานจากภายนอกได้ ปรากฏตัวในมังงะ โมบิลสูทกันดั้มซี้ด เฟรมแอสเทรย์

ดูเพิ่ม แก้