ฟูไฟเตอส์
ฟูไฟเตอส์ (อังกฤษ: Foo Fighters) เป็นวงดนตรีร็อคสัญชาติอเมริกัน จาก ซีแอตเทิล เมื่อปี ค.ศ. 1994 ก่อตั้งโดยมือกลองวงกรัจน์ เดฟ โกรล จาก เนอร์วานา โดยเป็นกลุ่มดนตรีเขาสานฝันไว้หลังการเสียชีวิตของ เคิร์ต โคเบน ซึ่งส่งผลให้เนอร์วานาได้แยกตัวไป [2] ชื่อวงดนตรีนั้นนำมาจากเหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีลูกไฟลึกลับที่ปรากฏต่อหน้าเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตร บนท้องฟ้าเหนือบริเวณยุโรปและแปซิฟิก โดยสันนิฐานเป็น ยูเอฟโอ ส่วนที่เรียกว่าฟูไฟเตอร์นั้นมาจากการปรากฏต่อหน้าในช่วงต่อสู้เครื่องบินขับไล่ โดยรายงานจากนักบินของฝ่ายกลุ่มพันธมิตร
ฟูไฟเตอส์ | |
---|---|
ฟูไฟเตอส์หลังเสร็จสิ้นการแสดงเมื่อเดือนมิถุนายน 2018 จากซ้ายไปขวา: คริส ชิฟเลตต์, เทย์เลอร์ ฮอว์กินส์, เดฟ โกรล, เนต เมนเดล, รามี แจฟฟรีและแพท สเมียร์ | |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
ที่เกิด | ซีแอตเทิล , รัฐวอชิงตัน , สหรัฐอเมริกา |
แนวเพลง | ออลเทอร์นาทิฟร็อก, โพสต์กรันจ์, ฮาร์ดร็อก, กรันจ์, ป็อปร็อก |
ช่วงปี | ค.ศ. 1994 –ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | อาซีเอ เรดคอร์ดส, แคปิตอลเรเคิดส์ |
สมาชิก | เดฟ โกรล เนต เมนเดล แพ็ท สเมียร์ คริส ชิฟเลตต์ รามี แจฟฟรี[1] จอช ฟรีส |
อดีตสมาชิก | วิลเลียม โกลด์สมิธ ฟรานซ์ สตาห์ล เทย์เลอร์ ฮอว์กินส์ |
เว็บไซต์ | foofighters.com |
ก่อนจะถูกวางจำหน่ายอัลบั้มชุดแรกของพวกเขา Foo Fighters ค.ศ. 1995 โกรลเป็นสมาชิกเพียงคนเดียว , โกรฟได้ชักชวนมือเบส เนต เมนเดล และมือกลอง , วิลเลียม โกลด์สมิธ โดยทั้งคู่เคยเป็นสมาชิกวงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อคจากซีเอเทิล Day Real Estate ขณะที่วงแสดงสดที่ พอร์ตแลนด์ , รัฐออริกอน โกลด์สมิธมือกลองคนแรกเริ่มของฟูไฟเดอร์ส ตัดสินใจลาออกจากวงระหว่างการอัดอัลบั้มชุดที่สอง ของวง The Colour and the Shape (1997) จนทำให้ในระหว่างอัดอัลบั้มชุดที่สองนั้น โกรฟต้องเล่นกลองเอง ก่อนที่ภายหลัง ก็ได้มือเบส แพต สเมียร์ มาเป็นมือกลอง และภายหลังสเมียร์ก็ได้ขอเวลาไปพักผ่อนชั่วคราว
โดยมี เทย์เลอร์ ฮอว์กินส์ และฟรานซ์ สตาห์ล มาเป็นสมาชิกแทนที่ ระหว่างการอัดอัลบั้มชุดที่สาม There Is Nothing Left to Lose (1999) สตาห์ลถูกไล่ออก พวกเขายังคงดำเนินสำหรับอัลบั้มชุดที่ 3 โดยได้ คริส ชิฟเลตต์ มาเป็นมือกีตาร์แทนที่ หลังการเสร็จสิ้นอัลบั้มชุดที่สาม พวกเขาก็เดินหน้าสำหรับชุดที่สี่ One by One ในปี 2002 หลังจากนั้นพวกเขาปล่อยอัลบั้มชุดที่ห้า In Your Honor (2005) ซึ่งแยกเป็นสองแผ่น ระหว่างเพลงแนวอะคูสติกกับแนวร็อค ฟูไฟเดอร์สเตรียมพร้อมเดินหน้าสำหรับอัลบั้มชุดที่หก Echoes, Silence, Patience & Grace (2007) จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 2010 ได้รับการยืนยันแล้วว่าเสมียร์ มือเบสคนแรกของวง กลับมาร่วมวงอีกครั้งหลังจากได้ร่วมแสดงสดกับฟู ไฟเดอร์สในฐานะสมาชิกอย่างไม่เป็นทางการในปี ค.ศ. 2005 อัลบั้มชุดที่เจ็ดของพวกเขา , Wasting Light (2011) ที่ได้รับการโปรดิวเซอร์โดย บุทช์ วิก (ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการโปรดิวเซอร์อัลบั้ม Nevermind ของ เนอร์วานา) ขณะเดียวกันสเมียร์ก็กลับมาในฐานะสมาชิกของวงอย่างเต็มรูปแบบ , เดือนพฤศจิกายน 2014 , อัลบั้มชุดที่แปดของวง Sonic Highways เป็นผลงานเพลงที่จะประกอบในภาพยนตร์สารคดีที่ชื่อเดียวกับอัลบั้ม Sonic Highways
นอกจากนี้อัลบั้มของพวกเขาได้รับ รางวัลแกรมมี ในฐานะ อัลบั้มร็อคที่ดี ถึงห้าอัลบั้ม และในค.ศ. 2015 อัลบั้มที่แปดของพวกเขายังทำรายได้ถึง 12 ล้านเหรียญในอเมริกา[3] ผลงานเพลง "Outside" จากทางวง เป็นซิงเกิลจากอัลบั้ม Sonic Highways ติดลำดับที่ 11 ใน บิลบอร์ด Alternative Songs ชาร์ต .[4]
ประวัติ
แก้ก่อตั้งและอัลบั้มชุดแรก (1994 - 1995)
แก้เดฟ โกรล เข้าร่วมเป็นสมาชิกวง กรันจ์ อย่าง เนอร์วานา จาก ซีแอเทิล ในฐานะมือกลองเมื่อ ค.ศ. 1990 ระหว่างการทัวร์ , เขาหยิบกีตาร์ของเขาและเขียนเนื้อเพลง โกรลได้แต่งเพลงด้วยตัวเองในสตูดิโอของวง ; เขากล่าวในปี 1997 "ผมรู้สึกตัวเองดูน่าเกรงขามและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน , และถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ผมแต่งเพลงด้วยตัวของผมเอง" [5] ในบางครั้งบางคราวโกรลมักจะจองห้องอัดเสียงเพื่ออัดเดโม่และโคฟเวอร์เพลงที่เขาชื่นชอบ ซึ่งเทปเดโม่ชุดนี้ก็คือ Pocketwatch เมื่อปี 1992 ขณะนั้นโกรลใช้นามแฝงตัวเองว่า "Latel"[6]
หลังการเสียชีวิตของเคิร์ต โคเบน หัวหอกแห่งวงเนอร์วานา ในบ้านเกิดของเขาเมื่อวันที่ 8 เมษายน 1994 , ทำให้ในเวลาต่อมาเนอร์วานาต้องยุบตัวลง โกรลได้รับคำชักชวนให้มาร่วมงานกับศิลปินมากมาย ; อีกทั้งมีข่าวลือที่ระบุว่าเขาอาจร่วมงานกับ เพิร์ลแจม[7] และเขาเกือบจะตกลงปลงใจรับตำแหน่งมือกลองอย่างถาวรในวง Tom Petty and the Heartbreakers จนแล้วจนรอด โกรลปฏิเสธกลายเป็นมือกลองแต่เขาเลือกที่จะเข้าห้องอัด Robert Lang Studio ในเดือนตุลาคม 1994 เพื่อเดินหน้าอัดสิบห้าเพลงจากสี่สิบเพลงที่เขาแต่งขึ้น[6] และยังได้มือกีตาร์อย่าง เกรก ดัลลี จากวง Afghan Whigs มารับเชิญร่วมเล่นในเพลง "X-Static" , เดฟ โกรล เล่นเครื่องดนตรีทั้งหมดทุกอย่างและร้องเพลงทุกเพลงในอัลบั้ม."ผมมักจะจิตนาการบ่อยๆว่าได้เป็นมือกลองของวง และมันคือความฝันสูงสุดและผมก็จะเป็นตลอดไป" โกรลกล่าวภายหลังว่า "มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำ อย่าตั้ความหวังกับตัวผมไว้มากนักหรอก , ผมมีความสุขกับการแต่งเพลงและสนุกกับการร้อง และไม่มีใครกีดกั้นผมได้" โกรลอัดอัลบั้มเสร็จสิ้นเรียบร้อย โดยถือเป็นอัลบั้มที่ใช้วัตถุดิบต่างๆได้อย่างคุ้มค่าในห้าวันการอัด จากนั้นเขาก็ส่งเทปดังกล่าวไปยังกลุ่มหมู่เพื่อนๆเพื่อรอฟังผลตอบรับของอัลบั้ม [6] โกรลใช้ชื่อนามแฝงเพื่อปิดบังตัวและวางจำหน่ายอย่างจำกัด ภายใต้ชื่อ "ฟูไฟเดอร์ส" โดยชื่อนำมาจากช่วง สงครามโลกครั้งที่สอง มักจะเรียกว่า "foo fighter" โดยมาจากเหตุการณ์ลูกไฟลึกลับที่ปรากฏต่อหน้าเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตร บนท้องฟ้าเหนือบริเวณยุโรปและแปซิฟิก โดยเชื่อกันว่าเป็น ยูเอฟโอ[6] อย่างไรก็ตาม , เทปเดโม่ชุดนั้นได้รับความสนใจจากกลุ่มค่ายเพลงมากมาย[8][9] ในขั้นต้น เขาได้ถามไถ่ถึงอดีตมือเบสจากเนอร์วานา คริส โนโวเซลิก ในการมาร่วมกลุ่มของเขา แต่ทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วม "คริสและผม , รู้สึกว่าแนวเพลงมันธรรมชาติไปแต่ก็ยังดี", โกรล อธิบาย "แต่สำหรับทุกคน , มองว่ามันแปลก แต่หากขาดผมไปมันคงจะแย่เอามากๆ"[10] วงอัลเทอร์เนทีฟจากซีแอเทิลอย่าง Sunny Day Real Estate กำลังจะยุบวง , โกรลจึงนำมือเบสอย่าง เนต เมนเดล และ มือกลอง วิลเลียม โกลด์สมิธ เข้าเป็นสมาชิก โกรลถาม แพ็ท สเมียร์ , มือกีตาร์ผู้เคยออกทัวร์กับเนอร์วานาจนกระทั่งอัลบั้ม In Ultero ปี 1993 ก็ได้กลายเป็นมือกีตาร์คนที่สองของวง[11] ท้ายที่สุดโกรลเซ็นสัญญากับ แคปิตอลเรเคิดส์, และวางจำหน่ายในสังกัดค่ายของเขา , รอสเวล เรดคอร์ด.[6]
ฟูไฟเตอร์สเปิดตัวการแสดงสดครั้งแรกในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1995 ในคลับ Jambalaya Club ในเมือง อาร์คาตา , แคลิฟอร์เนีย หลังจากนั้น 3 มิถุนายนพวกเขาแสดงที่ไนท์คลับ แซทริคอน ใน พอร์ตแลนด์ พวกเขายังมีแสดงโชว์สุดท้ายที่ Velvet Elvis ในซีแอเทิล เมื่อวันที่ 4 มีนาคม. ในเดือนมีนาคม มีการแสดงสามโชว์ เป็นการแสดงเพื่อการกุศล โดยนำรายได้บางส่วนเพื่อนำไปสืบสวนคดีเหตุการณ์ฆาตกรรมและข่มขืนนักร้อง มิล ซาปาต้า จากวง The Gits. โกรลปฏิเสธให้การสัมภาษณ์หรือระหว่างการทัวร์ขนาดใหญ่เพื่อโปรโมตอัลบั้ม.[11] ฟูไฟเตอร์ส เริ่มการแสดงโชว์ที่สำคัญในช่วงเดือนฤดูใบ้ไม้ผลิ ค.ศ. 1995 , โดยมี ไมค์ วัตต์ มาเป้นศิลปินเปิดการแสดงให้กับฟูไฟเตอร์ . ซิงเกิลแรกของวง "This Is a Call" วางจำหน่ายเมื่อมิถุนายน 1995,[2] และอัลบั้มชุดแรกของพวกเขา ฟูไฟเตอส์ (อัลบั้ม) โดยวางจำหน่ายในเดือนถัดมา หลังการปล่อยซิงเกิลตัวแรก ซิงเกิลเพลง "I'll Stick Around", "For All the Cows", และ "Big Me" เป็นซิงเกิลที่ถูกวางจำหน่ายในภายหลัง. ในเดือนมิถุนายนนี้ซึ่งเป็นเดือนที่ปล่อยอัลบั้ม พวกเขาออกทัวร์การแสดงอยู่บ่อยครั้ง , และการปรากฏตัวของพวกเขาครั้งแรกในเทศกาลดนตรี Reading Festival ในประเทศอังกฤษ เดือนตุลาคม.[11]
ผลงาน
แก้- ฟูไฟเตอส์ (อัลบั้ม) (1995)
- The Colour and the Shape (1997)
- There Is Nothing Left to Lose (1999)
- One by One (2002)
- In Your Honor (2005)
- Echoes, Silence, Patience & Grace (2007)
- Wasting Light (2011)
- Sonic Highways (2014)
- Concrete and Gold (2017)
- Medicine at Midnight (2021)
- But Here We Are (2023)[12]
อ้างอิง
แก้- ↑ Buchanan, Brett (June 2, 2017). "Dave Grohl Announces New Foo Fighters Member". Alternative Nation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2017. สืบค้นเมื่อ June 3, 2017.
Dave Grohl confirmed in a new interview with Zane Lowe on Beats 1 that longtime keyboardist Rami Jaffee is now an official member of Foo Fighters.
- ↑ 2.0 2.1 Erlewine, Stephen Thomas. "Biography" เก็บถาวร 2001-04-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Allmusic.com. Retrieved on April 28, 2006.
- ↑ Dave Grohl interview: 'I’m going to fix my leg and then I’m going to come back' telegraph.co.uk. Retrieved June 20, 2015.
- ↑ "Chart Beat." Billboard 127.24 (2015): 53. Music Index. 5 October 2015.
- ↑ di Perna, Alan. "Absolutely Foobulous!". Guitar World. August 1997.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 Bryant, Tom. "Alien Parking". Kerrang! Legends: Foo Fighters. 2007.
- ↑ Encyclopedia of Popular Music, 4th ed. Ed. Colin Larkin. Oxford Music Online. Oxford University Press. Web. 14 June 2015.
- ↑ Strauss, Neil. "The Pop Life". The New York Times, March 5, 1995. Retrieved on May 25, 2008.
- ↑ Foege, Alex (August 10, 1995). "Foo Fighters: Foo Fighters: Music Reviews". Rolling Stone. สืบค้นเมื่อ April 17, 2011.
- ↑ Invasion of the Foo Fighers
- ↑ 11.0 11.1 11.2 Bryant, Tom. "Breakout". Kerrang! Legends: Foo Fighters. 2007.
- ↑ Trendell, Andrew (April 19, 2023). "Foo Fighters return with new single 'Rescued' and announce album 'But Here We Are'". NME. สืบค้นเมื่อ April 19, 2023.