แอร์-360 แนปตูน

ขีปนาวุธต่อต้านเรือ (ยูเครน)

แอร์-360 แนปตูน (ยูเครน: Р-360 «Нептун», อักษรโรมัน: R-360 "Neptun"; อังกฤษ: R-360 Neptune) เป็นขีปนาวุธต่อต้านเรือ ซึ่งพัฒนาโดยรัฐวิสาหกิจสำนักออกแบบรัฐคีฟ (ลุซ) (Державне підприємство Державне Київське конструкторське бюро «Луч») ของประเทศยูเครน

Р-360 «Нептун»
แอร์-360 แนปตูน
ขีปนาวุธแอร์-360 แนปตูน ที่งานแสดงสินค้านานาชาติ Arms and Security 2015
ชนิดขีปนาวุธต่อต้านเรือ
ขีปนาวุธร่อน
แหล่งกำเนิด ยูเครน
บทบาท
ประจำการพ.ศ. 2564–ปัจจุบัน
ผู้ใช้งานNaval flag of ยูเครน กองทัพเรือยูเครน
สงครามสงครามรัสเซีย–ยูเครน
ประวัติการผลิต
ผู้ออกแบบสำนักออกแบบลุซ (Державне Київське конструкторське бюро «Луч»)[1]
ข้อมูลจำเพาะ
มวล870 กิโลกรัม (1,920 ปอนด์)[1]
น้ำหนักหัวรบ150 กิโลกรัม (330 ปอนด์)

พิสัยปฏิบัติการ
300 กิโลเมตร (190 ไมล์)[1]
ความเร็วต่ำกว่าความเร็วของเสียง[1]

การออกแบบขีปนาวุธแนปตูน มีพื้นฐานมาจากขีปนาวุธต่อต้านเรือ Kh-35 (รัสเซีย: Х-35, เนโท: AS-20 'Kayak') ของสหภาพโซเวียต ซึ่งมีการปรับปรุงระยะยิงและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างมาก[2] ระบบการยิงขีปนาวุธนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปราบเรือผิวน้ำและเรือขนส่งที่มีระวางขับน้ำมากถึง 5,000 ตัน โดยสามารถปฏิบัติการทั้งในรูปขบวนรถหรือแยกอิสระ

กองทัพเรือยูเครนได้ประจำการระบบยิงขีปนาวุธแนปตูนตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2564[3]

การพัฒนา

แก้

ขีปนาวุธดังกล่าวถูกเปิดตัวครั้งแรกในงานนิทรรศการนานาชาติ Arms and Security ในปี พ.ศ. 2558 ที่กรุงเคียฟ[4]

จากแหล่งข้อมูลที่เปิดเผย ระบุว่าการทดสอบการร่อนของขีปนาวุธเกิดขึ้นครั้งแรกในไตรมาสที่สองของปี พ.ศ. 2559 การผลิตระบบขีปนาวุธขั้นสูงเกิดขึ้นโดยความร่วมมือกับบริษัทยูเครนต่าง ๆ รวมถึง บริษัทร่วมทุนของรัฐ อาร์แตม (ДАХК «Артем»), บริษัทผลิตเครื่องบินของรัฐคาร์กิว (Харківський авіаційний завод), บริษัทร่วมทุน มอตอร์ ซิช (Мотор Січ) (เครื่องยนต์เทอร์โบแฟน MS-400), รัฐวิสาหกิจโรงงานผลิตเครื่องจักรภาคใต้ ปิวแดนมัช (Південмаш, ВО ПМЗ), บริษัทของรัฐลวิว ลอร์ตา (Львівський державний завод «ЛОРТА») และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับเรดาร์โดย วิสาหกิจผลิตเครื่องจักรฌูลานสกีย (วิซาร์) (Жулянський машинобудівний завод «Візар»), วิสาหกิจวิจัยและผลิต ราดิออนิคส์ (НВП «Радіонікс») (ระบบค้นหา), รัฐวิสาหกิจผลิตอุปกรณ์พิเศษ อาร์แซนัล (КП СПБ «Арсенал») (ระบบนำทาง) และอื่น [ต้องการอ้างอิง]

การทดสอบระบบครั้งแรกดำเนินการเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559 โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติยูเครน (РНБО, NSDC) ออแลกซันดร์ ตูร์ชินอฟ (Олександр Валентинович Турчинов) เข้าร่วมสังเกตการณ์ ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2560 ขีปนาวุธแนปตูนได้รับการทดสอบพร้อมกับการทดลองระบบปล่อยขีปนาวุธหลายลำกล้อง วิลฮา (Ві́льха) อย่างไรก็ตามผลการทดสอบและประสิทธิภาพของแนปตูนไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ[5] สภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติได้เผยแพร่ข่าว การทดสอบการร่อนของระบบขีปนาวุธที่ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561[6] ต่อมาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ขีปนาวุธประสบความสำเร็จในการกระทบเป้าหมายที่ระยะ 100 กิโลเมตร (62 ไมล์) ระหว่างการทดสอบการยิงในแคว้นออแดซาทางตอนใต้[7] เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2562 ขีปนาวุธได้รับการทดสอบสำเร็จอีกครั้ง โดยพุ่งชนเป้าหมายระหว่างการทดสอบใกล้กับเมืองออแดซา ประธานาธิบดีแปตรอ ปอรอแชนกอ แถลงว่าระบบแนปตูนจะเข้าประจำการในกองทัพยูเครนในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562[8]

หลังจากการถอนตัวของทั้งสหรัฐและสหพันธรัฐรัสเซียจากสนธิสัญญากำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง ยูเครนประกาศว่ากำลังพิจารณาพัฒนาขีปนาวุธร่อนพิสัยกลาง นักวิเคราะห์ระบุว่าขีปนาวุธพิสัยไกลแนปตูนเป็นตัวเลือกสำหรับความพยายามดังกล่าว[9]

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 มีรายงานครั้งแรกถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างยูเครนกับอินโดนีเซีย ในการสรุปสัญญาการจัดหาขีปนาวุธแนปตูนจำนวนหนึ่ง[10] ดังนั้นอินโดนีเซียอาจกลายเป็นผู้ซื้อขีปนาวุธแนปตูนจากต่างประเทศเป็นรายแรก ตามรายงานของบริษัทที่ปรึกษาและสื่อมวลชนด้านอาวุธ Defense Express [uk] โดยอ้างถึง "ความคืบหน้า" ของบริษัทค้าอาวุธของรัฐ (Укрспецекспорт)

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 กองทัพเรือยูเครนประจำการระบบยิงขีปนาวุธแนปตูนชุดแรก (РК-360МЦ «Нептун», RK-360MC Neptune)[3]

ประวัติในการปฏิบัติการ

แก้

เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2565 แหล่งข่าวของยูเครนอ้างว่าเรือฟริเกตรัสเซีย อัดมิรัล เอสเซน (Адмирал Эссен) ได้รับความเสียหายจากกองทัพยูเครน[11] ต่อมาเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาสำนักงานประธานาธิบดียูเครน ออแลกซีย อาแรสตอวิช (Олексій Миколайович Арестович) ชี้แจงว่าเรืออัดมิรัล เอสเซน ถูกขีปนาวุธแนปตูนโจมตี รัสเซียไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการอ้างดังกล่าว และเรือยังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ[12][13]

เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2565 ระหว่างการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย แหล่งข่าวของยูเครนอ้างว่าเรือลาดตระเวน มอสควา ของรัสเซีย ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธแนปตูนสองลูก ส่งผลให้เกิดไฟไหม้และการระเบิดของคลังเก็บกระสุนบนเรือ[14] กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงโดยไม่ระบุถึงสาเหตุว่า ไฟไหม้บนเรือทำให้อาวุธเกิดระเบิดและลูกเรือได้ดำเนินการอพยพออกทั้งหมด[15][16][17] รัสเซียรายงานว่าเรือลำดังกล่าวยังคงลอยลำอยู่ในช่วงหลังของวันที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ แต่สื่อทางการของรัสเซียรายงานในเวลาต่อมาว่า เรือมอสควาจมลงในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยขณะถูกลากจูง[18][19]

เรือลาดตระเวนชั้นสลาวาอย่างเช่นเรือมอสควานั้น โดยทั่วไปแล้ว "มีชื่อเสียงในด้านการบุกโจมตี ไม่ใช่ระบบป้องกันหรือการควบคุมความเสียหาย"[20] ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง มอสควาเป็นเรือรบหนึ่งในสองลำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่จมในการสู้รบ โดยมีขนาดใกล้เคียงกันมากกับเรือ อาเอร์เรอา เฆเนราล เบลกราโน (ARA General Belgrano) ซึ่งจมลงในระหว่างสงครามฟอล์กแลนด์[21]

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 มีรายงานข่าวเกี่ยวกับเรือฟริเกต อัดมิรัล มาคารอฟ (Адмирал Макаров) ของรัสเซียซึ่งเกิดเพลิงไหม้ในทะเลดำ[22][23] กองทัพยูเครนอ้างว่าเรือมาคารอฟ ถูกโจมตีโดยขีปนาวุธต่อต้านเรือแนปตูนของยูเครน เว็บไซต์ข่าวภาษารัสเซียของยูเครน ดุมสกายา (Думская) รายงานว่า กองทัพรัสเซียได้ส่งเฮลิคอปเตอร์หลายลำไปดำเนินการช่วยเหลือลูกเรือ[24]

การออกแบบ

แก้

เมื่อติดตั้งใช้งาน ระบบป้องกันชายฝั่งแนปตูนประกอบด้วยเครื่องยิงจรวดอัตตาจร (УСПУ-360) ที่พัฒนาจากรถบรรทุก, ขีปนาวุธสี่ลูก, รถลำเลียง/บรรจุจรวด (ТЗМ-360), รถบังคับบัญชาและสั่งการ (РКП-360), รถขนส่งพิเศษ โดยมีการแทนที่รถต้นแบบ (КрАЗ) ของยูเครนด้วยรถบรรทุก Tatra T815-7 ของสาธารณรัฐเช็ก ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานได้ไกล จากแนวชายฝั่งถึง 25 กิโลเมตร (16 ไมล์)[3]

ขีปนาวุธแนปตูนรวมทั้งเครื่องยนต์จรวดมีความยาว 5.05 เมตร (16 ฟุต 7 นิ้ว) โดยมีปีกแข็งรูปกากบาท ขีปนาวุธแนปตูนได้รับการออกแบบให้ติดตั้งในหีบบรรจุสำหรับขนส่งและปล่อย (TLC) ที่มีขนาด 5.30 × 0.60 × 0.60 เมตร (209 × 24 × 24 นิ้ว) ระบบมีพิสัยทำการสูงสุดประมาณ 300 กิโลเมตร (190 ไมล์)[25][26] ขีปนาวุธเดี่ยวมีน้ำหนัก 870 กิโลกรัม (1,920 ปอนด์) โดยเป็นส่วนหัวรบ 150 กิโลกรัม (330 ปอนด์)[3]

ระเบียงภาพ

แก้

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 "Neptun Anti-Ship Cruise Missile". Military-Today.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 14 เมษายน 2022.
  2. Episkopos, Mark (6 กุมภาพันธ์ 2019). "Ukraine Is Building Anti-Ship Missiles (In Part Thanks to Russia)". The National Interest. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2019.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 Ponomarenko, Illia (15 มีนาคม 2021). "Ukraine's navy acquires first Neptune cruise missiles". Kyiv Post. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 มีนาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2021.
  4. У Києві презентували нову крилату ракету "Нептун" [New cruise missile "Neptune" was presented in Kyiv] (ภาษายูเครน). Espreso TV. 24 กันยายน 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 สิงหาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 14 เมษายน 2022.
  5. Hristoforov, Vladislav (25 มกราคม 2018). Протикорабельна ракета "Нептун" пройшла частину випробувань у 2017 році [The anti-ship missile "Neptune" has undergone part of the tests in 2017]. National Industrial Portal (ภาษายูเครน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 มกราคม 2018. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม 2018.
  6. Перші випробування української крилатої ракети! [The first tests of the Ukrainian cruise missile!]. Ukrainian Military Portal (ภาษายูเครน). 30 มกราคม 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 30 มกราคม 2018.
  7. "Ukrainian cruise missile "Neptune" struck a maritime target at a distance of 100 km during the test". Ukrainian Military Pages. 17 สิงหาคม 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 เมษายน 2021. สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 2018.
  8. Ракеты "Нептун" поступят на вооружение ВМС в декабре ["Neptune" missiles will enter service with the naval forces in December]. Dzerkalo Tyzhnia (ภาษารัสเซีย). 6 เมษายน 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2019.
  9. Peterson, Nolan (13 มีนาคม 2019). "With an Eye to Russia, Ukraine Considers New Missiles After Cold War-Era Arms Control Treaty Collapses". The Daily Signal. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 ตุลาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2019.
  10. "Indonesia to sign contract with Ukraine to purchase RK-360MC Neptune mobile missile coastal defense system". Navy Recognition. 28 ธันวาคม 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2021.
  11. "Украинские защитники повредили российский ракетный фрегат". Dumskaya (ภาษารัสเซีย). 3 เมษายน 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2022.
  12. Harding, Luke; Sauer, Pjotr; Borger, Julian; Elgot, Jessica (15 เมษายน 2022). "Russia's Moskva cruiser sinks following Ukrainian claim of missile strike". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2022.
  13. Hambling, David (14 เมษายน 2022). "Ukraine's Bayraktar Drone Helped Sink Russian Flagship Moskva". Forbes. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2022.
  14. "Ukrainian military hits Russian cruiser by Neptune missiles". Ukrinform. 13 เมษายน 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 13 เมษายน 2022.
  15. "Fire breaks out onboard Moskva missile cruiser, crew evacuated — defense ministry". TASS. 14 เมษายน 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 14 เมษายน 2022.
  16. На ракетном крейсере "Москва" в результате пожара сдетонировал боезапас [Ammunition detonated on the "Moskva" missile cruiser as a result of a fire] (ภาษารัสเซีย). RIA Novosti. 14 เมษายน 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 13 เมษายน 2022.
  17. Ljunggren, David (13 เมษายน 2022). "Russia Says Ammunition Blast Damages Flagship of Black Sea Fleet - Interfax". U.S. News & World Report. Reuters. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 13 เมษายน 2022.
  18. "Russian warship Moskva: What do we know?". BBC News. 14 เมษายน 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 14 เมษายน 2022.
  19. "Moskva cruiser sank while being towed in a storm — Russian Defense Ministry". TASS. 14 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 15 เมษายน 2022.
  20. Lendon, Brad (15 เมษายน 2022). "Moskva sinking: What really happened to the pride of Russia's fleet?". CNN. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2022.
  21. Mizokami, Kyle (15 เมษายน 2022). "Ukraine Sunk the Largest Warship Since WWII in a Major Blow to Russia". Popular Mechanics. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 15 เมษายน 2022.
  22. Russian frigate On Fire In Black Sea Near Zmiinyi. 6 พฤษภาคม 2022.
  23. Russian Navy warship Admiral Makarov reportedly sunk by Ukrainian missiles. EuroWeekly. 6 พฤษภาคม 2022.
  24. Russian warship Admiral Makarov ‘on fire after being hit by Ukrainian missile’. UK Independent. 6 พฤษภาคม 2022.
  25. Нептун успішно вразив морську ціль [Neptune successfully hit a naval target]. Ukrainian Military Portal (ภาษายูเครน). 17 สิงหาคม 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 สิงหาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 2018.
  26. "LUCH, State Kyiv Design Bureau" (PDF). State Kyiv Design Bureau, LUCH. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2020. สืบค้นเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2020.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้