เมาฏินี
"เมาฏินี" (อาหรับ: موطني, แปลตรงตัว 'มาตุภูมิของข้า') เป็นเพลงชาติอิรักที่นำมาใช้ตั้งแต่ ค.ศ. 2004
คำแปล: มาตุภูมิของข้า | |
---|---|
موطني | |
เพลงชาติของ อิรัก | |
เนื้อร้อง | อิบรอฮีม ฏูกอน, 1934 |
ทำนอง | มุฮัมมัด ฟลัยฟิล, 1934 |
รับไปใช้ | 1936 (ปาเลสไตน์) 2004 (อิรัก) |
ก่อนหน้า | "เมาฏินี" (อิรัก) |
ตัวอย่างเสียง | |
เพลงชาติฉบับบรรเลงโดย U.S. Navy Band (สองบท) |
ในอดีต เพลงนี้เป็นเพลงชาติอย่างไม่เป็นทางการของรัฐปาเลสไตน์ในช่วงกบฏอาหรับปาเลสไตน์ตอนปลายคริสต์ทศวรรษ 1930 ถึง ค.ศ. 1996 หลังประเทศนี้นำเพลงชาติมาใช้อย่างเป็นทางการ[1][2] ถึงแม้ว่าจะถูกแทนที่ด้วยเพลงชาติอย่างเป็นทางการก็ตาม ชาวปาเลสไตน์หลายคนยังคงรู้สึกภูมิใจและถือเป็นเพลงชาติอย่างไม่เป็นทางการที่สอง เพลงนี้ถือเป็นหนึ่งในเพลงชาตินิยมอาหรับ
ประวัติ
แก้เพลงนี้มีที่มาจากกวีโด่งดังที่แต่งโดยอิบรอฮีม ฏูกอน นักกวีชาวปาเลสไตน์ประมาณ ค.ศ. 1934 และประพันธ์นำนองโดยมุฮัมมัด ฟลัยฟิล นักแต่งเพลงชาวเลบานอน ตอนแรกเพลงนี้ถือเป็นเพลงชาติปาเลสไตน์โดยพฤตินัย ก่อนที่จะแทนที่ด้วย"ฟิดาอี"อย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1996 อย่างไรก็ตาม ชาวปาเลสไตน์หลายคนยังคงรู้สึกถึงความเป็นอัตลักษณ์ร่วมกับ "ฟิดาอี" และให้เพลงก่อนหน้าเป็นเพลงชาติอย่างไม่เป็นทางการอันที่สอง[3]
ใน ค.ศ. 2004 เพลงนี้ได้รับการรับรองให้ใช้เป็นเพลงชาติอิรักอีกครั้ง ตามคำสั่งของพอล เบรเมอร์[4] เพื่อใช้แทนเพลงเดิมคือเพลงอัรฎุลฟุรอตัยน์ อันเป็นเพลงชาติอิรักในสมัยที่ประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนเรืองอำนาจ[5]
ภูมิหลัง
แก้ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 ถึงต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 หลังอิรักกลายเป็นสาธารณรัฐ จึงใช้เพลงชาติ "เมาฏินี" ที่ประพันธ์โดยเลวิส แซนบากา[6] ถึงแม้ว่าจะมีชื่อเดียวกันกับเพลงชาติอิรักในปัจจุบัน ทั้งสองเพลงนี้เป็นเพลงที่แตกต่างกัน[6] โดยเพลงก่อนหน้ามีแต่เสียงบรรเลง ไม่มีเนื้อร้อง[7][6]
หลังระบอบบะอัษถูกโค่นใน ค.ศ. 2003 จึงมีการใช้ "เมาฏินี" ฉบับเก่าเป้นการชั่วคราว[6] ก่อนแทนที่ด้วย "เมาฏินี" ฉบับปัจจุบันใน ค.ศ. 2004
เนื้อร้อง
แก้ภาษาอาหรับ[8][9] | ถ่ายเสียงด้วยอักษรโรมัน | สัทอักษรสากล | แปลไทย |
---|---|---|---|
كورال: |
I |
1 |
๑ |
ดูเพิ่ม
แก้- "อัสซะลามุลมะละกี" อดีตเพลงชาติอิรักใน ค.ศ. 1932 ถึง 1958
- "อัรฎุลฟุรอตัยน์" อดีตเพลงชาติอิรักใน ค.ศ. 1981 ถึง 2003
- "ฮุมาตัดดิยาร" เพลงชาติซีเรีย ซึ่งประพันธ์โดยมุฮัมมัด ฟลัยฟิล
หมายเหตุ
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ "National Anthems".
- ↑ "The song that inspired the Arab world: Ibrahim Tuqan and the making of "Mawtini"". Palestinian Journeys. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-08-29. สืบค้นเมื่อ 2019-02-15.
- ↑ Wills, Emily Regan (July 2016). "Discourses and Differences: Situating Pro-Palestine Activism in Discursive Context". Theory in Action. 9 (3): 48–71. doi:10.3798/tia.1937-0237.16018.
- ↑ "Iraq aims to unite with new national anthem, flag". The Daily Star. September 24, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-21. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ "Iraq - Mawtini". NationalAnthems.me. สืบค้นเมื่อ 2011-11-05.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 Schaffer, Edward; Scotland, Jan; Popp, Reinhard (2017). "Iraq (1958-1965, 2003-2004)". National Anthems. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 1, 2017. สืบค้นเมื่อ November 30, 2017.
Immediately after the fall of the Sadam Hussein government in 2003, 'Mawtini' was used again for a brief time as an interim anthem until a new one was adopted. (The title of this anthem is identical to the title of the anthem that replaced it in 2004).
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ Wetzel, Dan (August 24, 2004). "One last chance". Yahoo! Sports. Yahoo!. สืบค้นเมื่อ December 4, 2017.
The song is 'My Country.' It is relatively short, contains no words and was composed by a man named Lewis Zanbaka...
- ↑ 8.0 8.1 نشيد مَوطِني. المدرسة العربية الالكترونية. April 2003.
- ↑ سمير الرسام - النشيد الوطني العراقي - موطني بحلته الجديدة - الحوار المتمدن. Ahewar. December 18, 2016.
- ↑ "National Anthem of Iraq - مَوطِنِي (Iraq anthem, 이라크의 국가)". YouTube.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Information on Mawtini at NationalAnthems.me (archive link)
- Ilham al Madfai – A free download of Iraqi singer Ilham al Madfai's version of "Mawtini" is available at his official website, from the CD "The Voice of Iraq"
- Anthem Original Performance
- Watch Mawtini sung by Algerian youth
- Free download of Mawtini performed by Sgt. Brenda Bushera, a member of the 34th Red Bull Infantry Band
- Listen to a Syrian version