เดทเมทัล

(เปลี่ยนทางจาก เดธเมทัล)

เดทเมทัล (อังกฤษ: Death metal) เป็นแนวเพลงย่อยของเอกซ์ตรีมเมทัลเป็นแนวเพลงที่มีเอกลักษณ์ในการใช้เสียงบิดกีตาร์หนักๆ การใช้เสียงร้องอันแข็งกร้าว ที่มีเสียงต่ำ คำราม และใช้จังหวะและเมโลดี้ที่รวดเร็ว จังหวะอัดกลอง และมีโครงสร้างเพลงที่สลับซับซ้อน ที่มีการเปลี่ยนจังหวะดนตรีไปมา[2] เนื้อหาเพลงส่วนมากมักเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเชิงลบที่รุนแรงก้าวร้าวทุกอย่าง เช่นเรื่องเกี่ยวกับเลือด ศพ การฆาตกรรม การทรมาน การสังหารหมู่ การข่มขืน การกินเนื้อมนุษย์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับการเมือง ศาสนา เรื่องราวปรัมปรา เวทมนตร์ ลัทธิซาตาน ในบางส่วนอีกด้วย[3][4]

ชัค สคูลดิเนอร์ แห่งเดทซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น "เจ้าพ่อแห่งวงการเดทเมทัล"

เดมเมทัลเกิดจากการผสมระหว่างแนวแทรชเมทัลที่เน้นจังหวะเพลงโดยรวมรวดเร็วและหนักตามแบบแผนของดนตรีเมทัล และแนวแบล็กเมทัล ในช่วงยุค 1980 ที่จังหวะรวดเร็วคล้ายแทรชแต่มีโครงสร้างเสียงริฟฟ์กีตาร์ที่ไม่ชัดเจน[5] โดยมีวงที่บุกเบิกแรกๆและมีอิทธิพลต่อวงการเดทเมทัลในเวลาต่อมาเช่น เวนอม, เชลติกฟรอสต์, สเลเยอร์ และคลีเอเตอร์[6][7][8] จนในเวลาต่อมาก็เกิดวงทีริเริ่มแนวนี้ เช่น พอสเสสต์[9] และเดท[10] รวมไปถึง โอบิทัวรี[11] ออโทปไซ[12] และมอร์บิดแองเจิล[13] ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกในแนวนี้อย่างแท้จริง ในช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 1980 และต้นทศวรรษที่ 1990 เดทเมทัลเริ่มมีสังกัดเพลงที่มีวงเดทเมทัลสังกัดอยู่อย่าง Earache Records และ Roadrunner Records[14] หลังจากนั้นเดทเมทัลเริ่มมีการกระจาย แตกแยกสู่แนวย่อยอื่น[15][16]

เดทเมทัลจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในแนวที่สุดโต่งที่สุดและไม่เป็นที่นิยมในกระแสหลัก นอกจากนี้ยังอาจกล่าวได้ว่าเป็นแนวที่หนักที่สุดในบรรดาแนวดนตรีทั้งหมดที่มีในปัจจุบัน[17] วงเดทเมทัลส่วนใหญ่มักทั้งมีค่ายเพลงและไม่มีค่ายเพลง ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นวงดนตรีใต้ดิน ทำให้คอนเสิร์ตตามสถานที่ต่างๆมักถูกแบนจากรัฐบาลและประชาชนบางส่วน แต่ถึงอย่างไรก็ดีในปัจจุบันนี้แนวเดทเมทัลก็ได้เข้าสู่กระแสในระดับหนึ่ง ซึ่งเห็นได้จากการติดอันดับอัลบั้มในชาร์ทบางประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีวงเดทเมทัลที่สามารถจำหน่ายได้มากกว่า 1 ล้านก็อปปี้ได้แก่ เดท[18]และแคนนิเบิลคอปส์ ซึ่งยังจัดได้ว่าเป็นวงเดทเมทัลที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายมากที่สุด[19]

แม้ว่าแนวเดทเมทัลจะมีเนื้อหาที่รุนแรง และไม่เป็นที่ต้องการของสังคมส่วนใหญ่ แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในแนวดนตรีที่ใช้ทักษะสูงที่สุดแนวหนึ่ง โดยเฉพาะทักษะการร้องที่ถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุด รวมไปถึงจังหวะการโขกศีรษะ (Headbanging) ที่รุนแรงและรวดเร็ว กว่าแนวเมทัลอื่นๆ เพื่อประกอบจังหวะดนตรีขณะบรรเลง

แนวย่อย

แก้
  • เมโลดิกเดทเมทัล (Melodic death metal) หรือ สแกนดิเนเวียเดทเมทัล (Scandinavian death metal) ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกแนว เมโลดิกเดทเมทัล อย่างแท้จริง บางครั้งอาจเรียกสั้นๆอีกชื่อคือ "เมโลเดท" (Melodeath) เป็นลักษณะของการผสมระหว่างเฮฟวีเมทัลกับเดทเมทัลเล็กน้อย ซึ่งนำเสนอเสียงร้องคำราม บิดกีตาร์หนักๆ แต่ที่ต่างจากเดทเมทัลทั่วไปคือ จังหวะจะไพเราะกว่า มักจะประกอบด้วยท่อนโซโล่และจังหวะรีฟฟ์ที่มีทำนองชัดเจนที่เป็นลักษณะทั่วไปของเฮฟวีเมทัล บางครั้งเสียงร้องอาจประกอบด้วยเสียงร้องปกติ แม้จะไม่พบเท่าไหร่ก็ตาม วงที่นำเสนอแนวนี้แรกสุดคือ คาร์คาส (Carcass) จากอัลบั้ม Heartwork ปี 1993 และวงแถบสแกนดิเนเวียอื่นๆเช่น ดาร์คทรานคิวลิตี อะมอนอะมาร์ท เป็นต้น
  • เทกนิคัลเดทเมทัล (Technical death metal) และ โปรเกรสซีฟเดทเมทัล (Progressive death metal) เป็นลักษณะผสมระหว่างเดทเมทัลกับแนวดนตรีโปรเกรสซีฟซึ่งมักมีจังหวะซาวด์เอฟเฟกต์มาประกอบท่อนต่างๆในเพลง ซึ่งอาจนำแนวแจ๊ส ดนตรีคลาสสิกเข้ามาประกอบ แต่ยังคงมีใช้เสียงคำรามตามแบบแผนของเดทเมทัล ทำให้เพลงมีทั้งท่อนช่วงเบาและช่วงหนักสลักกันไป มีวงที่เป็นตัวอย่างสำคัญเช่น ไนล์, เอดจ์ออฟซานิตี และโอเปท ราวมถึงเดท ในช่วงท้ายๆของวง
  • เดท-ดูม (Death-doom) เป็นลักษณะแนวผสมระหว่างเสียงร้องและการรัวกระเดื่องกลองดับเบิลเบสจากเดทเมทัลและลักษณะจังหวะช้าที่ให้บรรยากาศเปลี่ยวลี้ลับแบบดูมเมทัล ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายยุค 80 และเป็นที่นิยมในช่วงยุค 90[20] มีวงตัวอย่างเช่น ออโทปไซ, วินเทอร์, ดิเซมโบเวลเมนต์ เป็นต้น
  • กอร์กรินด์, เดทกรินด์ หรือพอร์โนกรินด์ (Goregrind, Deathgrind, Pornogrind)[21][22] เป็นลักษณะแนวที่เน้นเสียงร้องคำรามแบบเดทเมทัลเป็นหลัก แต่แตกต่างจากเดมเมทัลปกติคือ การใช้กีตาร์ที่ลดลง ความยาวเพลงที่สั้นลงโดยในช่วงเวลาสั้นๆ 2-3 นาทีจะเน้นแต่เสียงเป็นหลัก ไม่เน้นเครื่องเสียงดนตรีประกอบดังเช่น เดทเมทัลที่เน้นทั้งเสียงร้องและจังหวะดนตรีประกอบ
  • เดทคอร์ (Deathcore) เป็นหนึ่งในแนวเมทัลคอร์[23] ซึ่งก็มีบางส่วนเกี่ยวข้องกับเดมทัล มีลักษณะคล้ายๆกับกอร์ครินด์เน้นที่เสียงร้องคำรามเป็นหลัก มีวงตัวอย่างเช่น ซุยซายไซเลนต์ เป็นต้น
  • เดทแอนด์โรล (Death 'n' roll) เป็นสไตล์ที่ผสมระหว่างแนวร็อกแอนด์โรล ฮาร์ดร็อก เฮฟวี่เมทัล ยุค 70 ผสมกับเสียงร้องคำรามแบบเดมเมทัล[24]
  • แบล็กเคนเดทเมทัล (Blackened death metal) เป็นลักษณะผสมระหว่างแบล็กเมทัล ที่มักใช้เนื้อหาเกี่ยวกับศาสนา เรื่องลี้ลับ ลัทธิซาตานและแนวเดมเมทัล[25][26] มีวงตัวอย่างเช่น บิฮีมอท เป็นต้น
  • บรูทัลเดทเมทัล (Brutal death metal) หรืออีกชื่อ "สแลมมิงเดทเมทัล" (Slamming Death Metal) เป็นลักษณะแนวสุดโต่งของเดทเมทัลที่เน้นเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเดทเมทัลอย่างแท้จริง ตามนิยามของเดทเมทัล แต่แตกต่างจากเดทเมทัลปกติคือ เน้นเสียงร้องคำรามที่เข้มข้นกว่า โดยเฉพาะโทนเบสแบบสุดโต่ง ประกอบจังหวะด้วยรีฟฟ์กีตาร์และรัวกลองชุดหนักๆ ทำให้เนื้อเพลงฟังโดยรวมแล้วจับใจความไม่ได้ (Inaudible) (แนวย่อยเดทเมทัลทั่วไปแม้เสียงร้องจะคำรามหนักแต่ก็พอจับใจความได้) วงส่วนมากมักเป็นวงใต้ดิน และไร้ค่ายเพลง ที่มีชื่อเสียงเช่นวง ดีเวาร์เมนต์ มอร์ติเชียน เป็นต้น บรูทัลเดทเมทัล มีเนื้อหาของเพลงต่างจากเดทเมทัล โดยมักจะกล่าวถึงการทำทารุณกรรมคน ประกอบการฆาตกรรม ทรมานคน ทำร้ายคน กินหรือชำแหละศพ ในลักษณะความวิปริตทางจิตแบบสุดขั้ว ในส่วนเดทเมทัลเน้นการบอกเล่าถึงความตาย การฆ่าตัวตาย โรคระบาด การไม่มีความสุขในสังคมมนุษย์ แนะนำการแสวงหาความตายเป็นทางออก จะเห็นได้ว่าเนื้อเพลงแตกต่างกัน และแม้ทำนองเพลงที่คล้ายคลึงกันแต่แตกต่างกันในบางช่วง โดยเดทเมทัล ทำดนตรีทำนองยืนพื้นซ้ำๆ ฟังเป็นระบบ และมีช่วงโซโล่กีต้าร์บ้างแต่เน้นความเร็วของกระเดื่องกลองไปอย่างรวดเร็ว ส่วนบรูทัลเดทกลับเล่นทำนองที่ไม่แน่นอน เล่นไปตามเนื้อหาของเพลง ในช่วงเนื้อหารุนแรงดนตรีจะรุนแรง ในช่วงเนื้อเพลงหมองหม่นดนตรีจะช้าลงเป็นทำนองพาให้จิตตก หลอน แล้วจู่ๆทำนองก็รวดเร็วแบบเพ้อคลั่ง วงที่เป็นต้นแบบของแนวนี้คือวง Suffocation Cannibal Corpse Dying Fetus Disgorge Skinless จุดเด่นของวงบรูทัลเดทเมทัลอีกประการคือภาพปกอัลบั้มที่เป็นภาพการทรมานคน ชำแหละศพอย่างชัดเจน

อ้างอิง

แก้
  1. "Death Metal/Black Metal". Allmusic. สืบค้นเมื่อ 2008-07-04. Death Metal grew out of the thrash metal in the late '80s. Taking the gritty lyrics and morbid obsessions of thrash to extremes, death metal was -- as its name suggests -- solely about death, pain, and suffering.
  2. Moynihan, Michael, and Dirik Søderlind (1998). Lords of Chaos (2nd ed.). Feral House. ISBN 0-922915-94-6, p. 27
  3. Purcell 2003, p. 39-42.
  4. Wikihow: How to Appreciate Death Metal
  5. Dunn, Sam (Director) (August 5, 2005). Metal: A Headbanger's Journey (motion picture). Canada: Dunn, Sam.
  6. McIver 2000, p. 14.
  7. McIver 2000, p. 100.
  8. McIver 2000, p. 55.
  9. Rivadavia, Eduardo. "Possessed Biography". AllMusic. สืบค้นเมื่อ August 13, 2008.
  10. Renda, Patricia (1999). "Chuck Schuldiner: The pain of a genius". Metal Rules. สืบค้นเมื่อ February 14, 2014.
  11. Jason Birchmeier. "Obituary | Biography". AllMusic. สืบค้นเมื่อ 2015-04-04.
  12. "Autopsy's Chris Reifert Comments On First New Material In 15 Years - Blabbermouth.net". BLABBERMOUTH.NET.
  13. Prato, Greg. "Morbid Angel Biography". AllMusic. สืบค้นเมื่อ August 13, 2008.
  14. Is Metal Still Alive? WATT Magazine, Written by: Robert Heeg, Published: April 1993
  15. Silver Dragon Records เก็บถาวร 2008-10-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน "During the 1990s death metal diversified influencing many subgenres"
  16. Deathmetal.org "The golden years of death metal were from 1988 to 1994, during which time the classics of the genre and all of its variations formed"
  17. Top Extreme Metal Genres, .thetoptens.com .สืบค้นเมื่อ 11/04/2559
  18. current SoundScan (retrieved December 11, 2009)
  19. "Cannibal Corpse Awarded With Plaque Signifying Sales of More Than Two Million". Ultimate Guitar Archive. February 12, 2015. สืบค้นเมื่อ February 13, 2015.
  20. "Doom Metal Special:Doom/Death". Terrorizer (142).
  21. Brown, Jonathon (September 6, 2007). "Everything you ever wanted to know about pop (but were too old to ask)". The Independent. London. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-14. สืบค้นเมื่อ June 16, 2009.
  22. Purcell 2003, p. 24.
  23. Sharpe-Young, Garry. "Salt the Wound". MusicMight. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-27. สืบค้นเมื่อ July 8, 2009.
  24. Steve, Huey. "Gorefest Biography". AllMusic. สืบค้นเมื่อ February 15, 2008. Erase, was released in 1994 and found the band moving subtly toward more traditional forms of metal, partly through its sure sense of groove. That approach crystallized on 1996's Soul Survivor, which combined death metal with the elegant power and accessibility of '70s British metal.
  25. Henderson, Alex. "Devian: Ninewinged Serpent". AllMusic. สืบค้นเมื่อ May 3, 2009.
  26. Bowar, Chad. "Hacavitz - Venganza". About.com. สืบค้นเมื่อ May 3, 2009.