อัศวัตถามา (สันสกฤต: अश्वत्थामा) มีอีกชื่อคือ เทราณี เป็นบุตรชายของโทรณาจารย์ ครูสอนวิชาอาวุธผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชสำนักนครหัสตินาปุระ และเป็นหลานของฤๅษีภรัทวาชะ อัศวัตถามาเป็นมหารถี (นักรบ) ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งอยู่ในฝั่งเการพที่ต่อสู้กับฝั่งปาณฑพ อัศวัตถามาถือว่าเป็นอวตารหนึ่งใน 19 อวตารของพระศิวะ หนึ่งในพระตรีมูรติทั้ง 3 พระองค์ อัศวถามาได้ร่วมทำสงครามกุรุเกษตรโดยอยู่ฝั่งเการพเพราะอัศวัตถามาเป็นสหายของทุรโยธน์ พี่ชายคนโตของพี่น้องเการพ ด้วยเหตุนี้อัศวัตถามาจึงเข้าร่วมกับฝั่งเการพในสงครามทุ่งกุรุเกษตร อัศวัตถามาถือว่าเป็นนักรบไม่กี่คนของฝั่งเการพที่ไม่ตายในสงครามทุ่งกุรุเกษตร และในตอนท้ายของมหากาพย์มหาภารตะ อัศวัตถามาได้แอบเข้าไปสังหารธฤษฏัทยุมนะ ศิขัณฑิน อุปปาณฑพ และเหล่าทหารของฝั่งปาณฑพ นอกจากนี้ยังใช้ศรพรหมเศียรพยายามฆ่าบุตรในครรภ์ของนางอุตตรา ชายาของอภิมันยุ พระกฤษณะจึงใช้จักรสุทรรศนะตัดอัญมณีบนหน้าผากของอัศวัตถามาออกพร้อมกับสาปให้อัศวัตถามามีหน้าตาหน้าเกลียดมีเลือดไหลออกจากร่างและไม่มีวันตายจนกว่าจะถึงการสิ้นสุดของโลกพร้อมกับต้องเร่ร่อนไม่มีใครจำได้ตลอดชั่วกัลปาวสาน

อัศวัตถามา
ตัวละครใน มหาภารตะ
ข้อมูลตัวละครในเรื่อง
อาวุธธนูและคันธนู, ดาบ
ครอบครัวโทรณาจารย์ (พ่อ)
นางกฤปี (แม่)
ญาติกฤปาจารย์ (ลุงฝ่ายแม่)
ภรัทวาชะ (ปู่/ตา)

กำเนิดและชีวิตก่อนสงครามทุ่งกุรุเกษตร

แก้

อัศวัตถามา เป็นบุตรชายของโทรณาจารย์กับนางกฤปี น้องสาวของกฤปะ หรือ กฤปาจารย์ โทรณาจารย์ทำการสวดอ้อนวอนอย่างหนักหลายปีเพื่อให้พระศิวะทรงโปรดและทรงประทานบุตรให้แก่ตน เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี พระศิวะจึงเสด็จลงมาหาพร้อมกับทรงประทานบุตรให้แก่โทรณาจารย์ อัศวัตถามาเกิดมาพร้อมกับอัญมณีบนหน้าผากซึ่งอัญมณีบนหน้าของอัศวัตถามาทำให้มีอำนาจเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ต่ำกว่ามนุษย์ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันความหิวกระหายและความเมื่อยล้าได้อีกด้วย แม้ว่าโทรณาจารย์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธ แต่มีชีวิตที่เรียบง่ายของพวกพราหมณ์ด้วยทรัพย์สินและเงินทองเพียงเล็กน้อย ทำให้ครอบครัวของอัศวัตถามาในวัยเด็กมีความยากลำบากเป็นอย่างมากและไม่มีเงินพอได้ซื้อนมให้อัศวัตถามากิน โทรณาจารย์จึงออกเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากท้าวทรุปัท กษัตริย์แห่งแคว้นปัญจาละ และเป็นสหายร่วมสำนักกับโทรณาจารย์ โทรณาจารย์ได้เข้าไปพบและแจ้งว่าตนคือสหายเก่า แต่ท้าวทรุปัทแสดงออกถึงอาการรังเกียจและปฏิเสธไมตรีแต่เดิม ทำให้โทรณาจารย์แค้นใจมากและเดินทางออกจากแคว้นปัญจาละ โทรณาจารย์ออกเดินทางไปยังเมืองหัสตินาปุระ และได้สำแดงวิชาการยิงธนูอันแกร่งกล้าในนครหัสตินาปุระแห่งนี้ เมื่อเรื่องการยิงธนูของโทรณาจารย์ไปถึงพระกรรณของท้าวภีษมะ ท้าวภีษมะจึงได้ขอให้โทราจารย์รับเหล่าเจ้าชายแห่งหัสตินาปุระให้เป็นศิษย์ของโทรณาจารย์ โทรณาจารย์จึงรับเหล่าเจ้าชายไว้เป็นศิษย์และสั่งสอนไปพร้อมกับอัศวัตถามา ซึ่งเป็นบุตรของตนเอง

บทบาทในสงครามทุ่งกุรุเกษตร

แก้

วันที่ 12 ของการต่อสู้

อัศวัตถามา สังหารท้าวนีละ พระราชาแคว้นอนุปะ สหายของภีมะ ในขณะที่ท้าวนีละเข้ามาปกป้องยุธิษฐิระ

คืนวันที่ 14 ของการต่อสู้

ในคืนวันที่ 14 อัญชนปรรวัน บุตรของฆโฏตกัจ เข้าโจมตีอัศวัตถามา เขาโยนกระบองออกไปและกลายเป็นกระบองนับพัน อัศวัตถามาตอบโต้กระบองด้วยวัชระ และทำลายภาพลวงตาของอัญชนปรรวัน เขาโยนดาบออกไปอีกและกลายเป็นดาบนับพันเล่ม อัศวัตถามายิงศรวายวยาสตร์ตอบโต้ และยิงธนูตัดหัวอัญชนปรรวัน

ความตายของโทรณาจารย์

เพื่อชัยชนะของฝ่ายปาณฑพ ในวันที่ 15 พระกฤษณะ ได้วางแผนที่จะสังหารโทรณาจารย์ โดยให้ภีมะไปสังหารช้างศึกนามว่า อัศวัตถามา แล้วประกาศว่า อัศวัตถามาตายแล้ว โทรณาจารย์ได้ยินก็ยังไม่เชื่อ จึงไปถามยุธิษฐิระ ยุธิษฐิระได้ตอบว่า อัศวัตถามาตายแล้ว และได้พูดต่อท้ายด้วยเสียงอันเบาว่า แต่อัศวัตถามาที่ตายเป็นคชสาร ไม่ใช่มนุษย์ ทำให้โทรณาจารย์เข้าใจว่าอัศวัตถามาตายแล้ว จึงสละศาสตราวุธ และนั่งสมาธิเพื่อถอดวิญญาณออกจากร่าง ขณะนั้นธฤษฏัทยุมนะเดินเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ และใช้ดาบตัดหัวของโทรณาจารย์ขาดกระเด็นไป

การแผลงศรนารายณาสตร์

เมื่ออัศวัตถามารู้ว่าโทรณาจารย์ผู้เป็นบิดาตายแล้ว ก็เกิดความเศร้าโศกและโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เขาจึงเรียกศรนารายณาสตร์ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับประทานมาจากพระนารายณ์ และแผลงศรนั้นขึ้นไปในอากาศ ศรนั้นกลายเป็นจักรกรดใหญ่หมุนอยู่กลางอากาศและพุ่งสรรพศาสตราวุธใส่กองทัพฝ่ายปาณฑพ แต่พระกฤษณะรู้วิธีที่จะรอดพ้นจากศรนารายณาสตร์ จึงสั่งให้เสนาทหารฝ่ายปาณฑพ ยอมศิโรราบต่อศรนารายณาสตร์ด้วยการลงจากรถศึก ประนมมือและก้มลงนมัสการ ทำให้ฝ่ายปาณฑพรอดพ้นจากศรนารายณาสตร์

ความตายของทุรโยธน์และการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเสนาบดี

หลังจากที่ทุรโยธน์ถูกภีมะฟาดด้วยกระบองเข้าที่ต้นขา และกำลังนอนรอความตายอยู่นั้น อัศวัตถามา กฤปาจารย์ และกฤตวรมา ได้เข้ามาหาทุรโยธน์ ทุรโยธน์กล่าวกับอัศวัตถามาว่า บัดนี้ข้าไม่เหลือใครเคียงข้างข้าอีกต่อไปแล้ว มิตรรักอัศวัตถามา ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นประธานเสนาบดีฝ่ายเการพ จงไปสังหารเหล่าปาณฑพให้สิ้นซากและนำหัวของปาณฑพมาสังเวยข้า

การลอบเข้าโจมตีค่ายปาณฑพในยามวิกาล การแผลงศรพรหมเศียร และคำสาปของพระกฤษณะ

อัศวัตถามา พร้อมด้วยกฤปาจารย์และกฤตวรมา ลอบเข้าไปยังค่ายของปาณฑพ และสังหารธฤษฏัทยุมนะ ด้วยการตัดหัวเพื่อแก้แค้นให้บิดา และสังหารศิขัณฑี อุตตเมาชะ ยุธมันยุ และได้เข้าไปยังกระโจมหนึ่ง มีคนนอนอยู่ 5 คน ซึ่งคือบุตรของเหล่าปาณฑพ แต่ด้วยความมืดจึงเข้าใจผิดว่าเป็นเหล่าปาณฑพ จึงสังหารและตัดหัวและนำหัวใส่ย่าม และหนีออกจากค่ายไป เมื่อพระนางเทราปที พระกฤษณะ และเหล่าปาณฑพมาพบเข้า ก็เกิดความเศร้าโศกและโกรธแค้น จึงออกติดตามหาตัวอัศวัตถามา ซึ่งกำลังทำพิธีศพให้ทุรโยธน์ เกิดการต่อสู้กัน แต่ไม่อาจทำอันตรายอัศวัตถามาได้ เพราะอัศวัตถามามีอัญมณีวิเศษบนหน้าผาก อัศวัตถามาก็ไม่อาจทำอันตรายเหล่าปาณฑพได้ เพราะมีพระกฤษณะ อัศวัตถามาจึงคิดที่จะทำลายทายาทของเหล่าปาณฑพแทน จึงแผลงศรพรหมเศียร อรชุนได้ตอบโต้ด้วยศรพรหมาสตร์ ฤๅษีวยาสและเทวฤๅษีนารัท ทราบเรื่องจึงมาขัดขวางการต่อสู้ อรชุนยอมถอนศรพรหมาสตร์คืน แต่อัศวัตถามาไม่ยอมจึงแผลงศรพรหมเศียรไปยังครรภ์ของนางอุตตร มเหสีของอภิมันยุ เพื่อหวังจะให้นางแท้งลูกตาย พระกฤษณะพิโรธมากกับการกระทำอันเลวทรามอย่างที่ไม่มีใครเสมอเหมือนของอัศวัตถามา จึงทรงใช้จักรสุทรรศนะขว้างออกไปตัดอัญมณีที่หน้าผากของอัศวัตถามาออกมา พร้อมกับสาปแช่งอัศวัตถามาโดยกล่าวว่า เจ้าคนต่ำช้าอัศวัตถามา เจ้าไม่เกรงกลัวความตายใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นข้าขอกีดกันเจ้าจากความตายของเจ้า ข้าขอสาปแช่งให้เจ้ามีชีวิตเป็นอมตะ (จีรังชีวี) ร่างกายของเจ้าจะเน่าเปื่อยผุพัง โลหิตจะไหลซึมออกจากทุกอนูรูขุมขนของเจ้า เจ้าจะไม่มีที่อยู่อาศัยและจะไม่มีใครจำเจ้าได้ เจ้าจะอยู่เพียงลำพัง และจะเร่ร่อนไปทั่วทั้งปฐพีนี้จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก เจ้าจะแสวงหาความสันติสุขและปรารถนาที่จะตาย แต่เจ้าจะไม่ได้ตายอย่างที่ใจหวัง เจ้าจะจมอยู่ในความมืดมิด เจ้าจะต้องทุกข์ทรมานกับการมีลมหายใจอยู่ต่อไป