สีฝุ่นเทมเพอรา
สีฝุ่นเทมเพอรา (อังกฤษ: tempera, egg tempera) เป็นสิ่งที่ใช้ในการเขียนภาพที่แห้งง่ายและถาวรที่ประกอบด้วยรงควัตถุผสมกับของเหลวที่เป็นตัวเชื่อม (มักจะใช้สารกลูเตน (Gluten)) เช่นไข่แดงหรือสารที่เป็นตัวเชื่อม (Sizing) อื่น ๆ นอกจากนั้นเทมเพอราก็ยังหมายถึงจิตรกรรมที่เขียนด้วยสารผสมดังกล่าวด้วย การเขียนด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้ภาพที่เขียนมีอายุยืนนานเช่นภาพที่เขียนในคริสต์ศตวรรษที่หนึ่งก็ยังมีอยู่ให้เห็น เทมเพอราที่ผสมด้วยไข่เป็นวิธีที่ใช้ในการเขียนภาพโดยทั่วไปมาจนหลังคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อมาแทนที่ด้วยการเขียนด้วยสีน้ำมัน เทมเพอราอีกประเภทหนึ่งที่ผสมระหว่างรงควัตถุกับสารที่เป็นกาวที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและมักจะเรียกโดยผู้ผลิตในสหรัฐอเมริกาว่าสีโปสเตอร์
ประวัติ
แก้การเขียนจิตรกรรมเทมเพอราพบมาตั้งแต่การเขียนตกแต่งโลงหินสมัยอียิปต์โบราณ ภาพเหมือนมัมมีเฟยุม (Fayum mummy portraits) หลายภาพก็เขียนด้วยเทมเพอราและบางครั้งก็ผสมกับจิตรกรรมขี้ผึ้งร้อน (Encaustic painting) การเขียนด้วยวิธีดังว่านี้เป็นวิธีที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยคลาสสิก และเป็นวิธีเขียนหลักในการเขียนจิตรกรรมแผง และ หนังสือวิจิตรของไบแซนไทน์และในยุคกลาง และ ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้นในยุโรป จิตรกรรมเทมเพอราเป็นวิธีเขียนหลักของจิตรกรรมแผงที่ใช้โดยจิตรกรแทบทุกคนในยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้นมาจนถึงปี ค.ศ. 1500 ตัวอย่างเช่นงานเขียนของงานเขียนจิตรกรรมแผงทุกชิ้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่โดยมีเกลันเจโลเป็นงานเขียนเทมเพอราผสมไข่
สีน้ำมันที่อาจจะมาจากอัฟกานิสถานระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง คริสต์ศตวรรษที่ 9[1] และแพร่เข้ามาทางตะวันตกในยุคกลาง[2] ในที่สุดก็มาแทนที่เทมเพอราระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในจิตรกรรมยุคเนเธอร์แลนด์ตอนต้นทางตอนเหนือของยุโรป ราวปี ค.ศ. 1500 สีน้ำมันก็มาแทนที่เทมเพอราในอิตาลี ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึง คริสต์ศตวรรษที่ 20 ก็มีการฟื้นฟูการเขียนด้วยเทมเพอราขึ้นมาเป็นช่วง ๆ ในการศิลปะตะวันตก เช่น ในกลุ่มจิตรกรพรีราฟาเอลไลท์, จิตรกรสัจนิยมต่อสังคมและอื่น ๆ จิตรกรรมเทมเพอรายังคงเป็นวิธีเขียนในกรีซและรัสเซียที่เป็นวิธีที่ระบุว่าต้องใช้ในการเขียนไอคอนของอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์
วิธีเขียน
แก้เทมเพอราเดิมทำโดยการบดรงควัตถุที่เป็นผงแห้งลงไปพร้อมกับสิ่งที่ผสานสีกับพื้นผิวที่ทาเช่นไข่, กาว, น้ำผึ้ง, น้ำ, นมในรูปของcasein หรือ ต้นยางต่าง ๆ
การเขียนก็เริ่มด้วยการนำรงควัตถุปริมาณเล็กน้อยบนจานสี จาน หรือ ชาม และเติมสารที่เป็นตัวเชื่อมราวเท่าตัว และทำการผสม ปริมาณของสารเชื่อมก็แล้วแต่สีที่ใช้ จากนั้นก็เติมน้ำกลั่น
เทมเพอราไข่
แก้วิธีการเขียนเทมเพอราที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดคือ “เทมเพอราไข่” วิธีการผสมแบบนี้จะใช้เฉพาะไข่แดง ส่วนผสมก็จะได้รับการปรับไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาดุลย์ระหว่าง “ความมัน” และ “ความใส” ที่ต้องการ โดยการปรับปริมาณไข่และปริมาณน้ำ เมื่อเทมเพอราเริ่มแห้งจิตรกรก็จะเติมน้ำเพื่อรักษาระดับความข้นที่ต้องการเอาไว้ และป้องกันการแห้งตัวของไข่แดงเมื่อปะทะอากาศ
วิธีผสมแบบอื่นอาจจะใช้เฉพาะไข่ขาว หรือ ทั้งไข่ขาวและไข่แดงเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการ บางครั้งก็อาจจะเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ เช่นน้ำมัน หรือขี้ผึ้งเหลว ตัวอย่างการเติมน้ำมันก็จะไม่เกินอัตรา 1:1 ทำให้ได้ผลไปอีกแบบหนึ่งและทำให้สีไม่หนา
รงควัตถุ
แก้รงควัตถุที่ใช้โดยจิตรกรในยุคกลางเช่นสีแดงชาดเป็นสีที่เป็นพิษ จิตรกรส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้สีสังเคราะห์ ที่มีความเป็นพิษน้อยกว่าแต่ให้สีที่คล้ายคลึงกับสีที่ทำจากรงควัตถุตามวิธีเดิม แต่กระนั้นรงควัตถุสมัยใหม่บางสีก็ยังเป็นสารอันตรายฉะนั้นการเก็บรักษาต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง เช่นเก็บสีในสภาพที่เปียกเพื่อป้องกันการหายใจฝุ่นสีเข้าไป
การใช้
แก้สีเทมเพอราจะแห้งอย่างรวดเร็ว การใช้ก็มักจะทาบาง ๆ กึ่งใส หรือ ใส การเขียนเทมเพอราเป็นวิธีการเขียนที่เที่ยงเมื่อใช้วิธีการเขียนที่ทำกันมาที่ใช้การวาดด้วยฝีแปรงสั้น ๆ ถื่ ๆ ไขว้กัน เมื่อแห้งจะทำให้ดูเหมือนมีผิวเรียบ สีเทมเพอราใช้ได้แต่เพียงบาง ๆ เช่น สีน้ำมันที่ทาได้เป็นชั้นหนา ๆ หลายชั้นจิตรกรรมสีเทมเพอราจึงแทบจะไม่มีภาพเขียนที่มีสีที่เรียกว่าลึกเหมือนกับสีน้ำมัน ซึ่งทำให้จิตรกรรมสีเทมเพอราที่ไม่ได้เคลือบเงาดูเหมือนสีพาสเทล แต่ถ้าเคลือบน้ำมันแล้วก็จะทำให้สีดูเข้มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันสีเทมเพอราจะไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา[3]เหมือนสีน้ำมันที่จะเข้มขึ้นและออกเหลือง และใสขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น[4]
พื้นผิว
แก้สีเทมเพอราจะติดพื้นผิวที่ซับความชื้นที่มีระดับ “น้ำมัน” ต่ำได้ดีกว่าถ้าใช้สารที่เป็นตัวเชื่อม[5] (ตามสูตรที่ว่า “ไขมันมากกว่าเนื้อ”[6] พื้นที่เขียนเดิมส่วนใหญ่จะเป็นชอล์ค (gesso) ที่ไม่ยืดหยุ่น และซับสเตรตที่มักจะแข็งเช่นกัน[7] โดยทั่วไปแล้วก็จะใช้แผงไม้เป็นซับสเตรต หรือ กระดาษหนาก็ใช้ได้
จิตรกรเทมเพอรา
แก้แม้ว่าเทมเพอราจะหมดความนิยมไปแล้วตั้งแต่ปลายยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและสมัยบาโรก แต่กระนั้นก็ยังมีจิตรกรรุ่นต่อมาที่พยายามฟื้นฟูขึ้นมาใช้อีกครั้ง เช่นวิลเลียม เบลค, ผู้นำของกลุ่มขบวนการนาซารีน, พรีราฟาเอลไลท์ และ โจเซพ ซัทธัล ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 20 การเขียนเทมเพอราก็ได้รับการฟื้นฟูกันขึ้นมาอีกครั้ง เช่นในงานเขียนของGiorgio de Chirico, Otto Dix และ Pyke Koch;[8]
ระเบียงภาพ
แก้-
ศิลปะทรงกลมภาพเหมือนของเซ็พติมัส เซเวอรัส ราว ค.ศ. 199-ค.ศ. 201
-
“วัดซานเรโกโล” โดยกุยโด ดา เซียนา, เซียนา, เทมเพอราและทองบนแผง, ค.ศ. 1285-ค.ศ. 1295
-
“บานพับภาพพระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญ” โดยดุชโช, เทมเพอราและทองบนแผง, ค.ศ. 1311-ค.ศ. 1318
-
มาดอนนาโดย by สเตฟาโน ดิ จิโอวานนี, คอร์โทนา, เทมเพอราบนไม้, ค.ศ. 1435
-
ซานโดร บอตติเชลลี, เทมเพอราบนแผง, ค.ศ. 1490-ค.ศ. 1500
-
พระแม่มารีและพระบุตร (คริเวลลิ), เทมเพอราบนแผง, ย้ายไปบนผ้าใบ, ค.ศ. 1470
-
ราฟาเอล, เทมเพอราและทองบนไม้, ค.ศ. 1503-ค.ศ. 1505
-
“เมลิซาเดอ (สโตคส์)” โดย มาเรียน สโตคส์ , เทมเพอราบนผ้าใบ, ค.ศ. 1895-ค.ศ. 1898
อ้างอิง
แก้- ↑ "World's oldest oil paintings in Afghanistan", Reuters, April 22, 2008
- ↑ Theophilus mentions oil media in the 12th Century
- ↑ Mayer, Ralph, 1985. The Artist's Handbook of Materials and Techniques (4th ed.). New York: Viking Penguin Inc., p. 215
- ↑ Mayer, 1985, p. 119
- ↑ Doerner, Max, 1946. The Materials of the Artist and Their Use in Painting. New York: Harcourt, Brace and Company. p. 230.
- ↑ Mayer, Ralph, 1976. The Artist's Handbook of Materials and Techniques (3rd ed.). New York: Viking Penguin Inc., pp. 165, 253.
- ↑ Mayer, 1976, p. 269.
- ↑ "centraalmuseum.nl". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-24. สืบค้นเมื่อ 2010-01-01.
ดูเพิ่ม
แก้แหล่งข้อมูลอื่น
แก้วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ จิตรกรรมสีฝุ่นเทมเพอรา
- About Egg Tempera
- Egg Tempera Painting เก็บถาวร 2012-02-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- The Society of Tempera Painters เก็บถาวร 2009-11-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Making Egg Tempera เก็บถาวร 2008-11-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Tempera Paintings on Cloth in England เก็บถาวร 2007-04-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Egg Tempera Resources เก็บถาวร 2008-10-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Step-by-step Egg Tempera Technique