สาธารณรัฐกอสปายา

สาธารณรัฐกอสปายา (อิตาลี: Repubblica di Cospaia; อัลโตตีเบรีนี: Republica de' Cošpäja) เป็นอดีตนครรัฐอิสระขนาดเล็กแห่งหนึ่งของยุโรปคั่นกลางระหว่างรัฐสันตะปาปากับสาธารณรัฐฟลอเรนซ์ มีเอกราชช่วงปี ค.ศ. 1440 ถึง ค.ศ. 1826[4]

สาธารณรัฐกอสปายา

Repubblica di Cospaia
1440–1826
ธงชาติกอสปายา
ธงชาติ
ของกอสปายา
ตราแผ่นดิน
คำขวัญPerpetua et firma libertas[1][2][3]
อิสรภาพ สวัสดิภาพ อันนิรันดร์
ที่ตั้งของสาธารณรัฐกอสปายา
ที่ตั้งของสาธารณรัฐกอสปายา
สถานะนครรัฐ
เมืองหลวงกอสปายา
ภาษาทั่วไปละติน, อิตาลี, อัลโตตีเบรีนี
ศาสนา
โรมันคาทอลิก
การปกครองสาธารณรัฐ
ยุคประวัติศาสตร์ต้นสมัยใหม่
• ก่อตั้ง
1440
• การแบ่งแยก
25 พฤษภาคม 1826
พื้นที่
3.2 ตารางกิโลเมตร (1.2 ตารางไมล์)
สกุลเงินดูกัล (Ducal)
ก่อนหน้า
ถัดไป
รัฐสันตะปาปา
แกรนด์ดัชชีตอสคานา
รัฐสันตะปาปา

ปัจจุบันพื้นที่ของอดีตสาธารณรัฐกอสปายาเป็นส่วนหนึ่งของเมืองซันจูสตีโน (San Giustino) จังหวัดเปรูจา แคว้นอุมเบรีย ประเทศอิตาลี[5]

ประวัติ แก้

 
กอสปายาในอดีต

สาธารณรัฐกอสปายา ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1440 หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปายูจีนที่ 4 ทรงมีปัญหากับสภาบาเซล จากการขายดินแดนให้แก่สาธารณรัฐฟลอเรนซ์ ซึ่งในสัญญาการขายมีการตกหล่นดินแดนแถบเล็ก ๆ บริเวณ 500 เมตร เมื่อนับจากแม่น้ำจนถึงลำธารที่ใช้เป็นหลักเขตแดนเรียกว่า "รีโอ" (Rio) ใกล้กันนั้นก็มีลำธารสายหนึ่งมีชื่อเดียวกันตั้งอยู่ และลำธารทั้งสองตั้งอยู่ขนานกันก่อนไหลลงสู่แม่น้ำไทเบอร์ ผู้แทนของสาธารณรัฐฟลอเรนซ์ถือว่าลำธารที่อยู่ทางทิศเหนือเป็นหลักเขตแดนใหม่ ขณะที่ผู้แทนของรัฐสันตะปาปาถือว่าลำธารที่อยู่ทางทิศใต้เป็นหลักเขตแดน ทำให้บริเวณกึ่งกลางของลำธารทั้งสองสายกลายเป็นดินแดนที่ไม่มีเจ้าของ (terra nullius) สิริรวม 3.2 ตารางกิโลเมตร โดยประชาชนซึ่งอาศัยในแถบนั้นซึ่งกลายเป็นผู้ไร้รัฐได้ประกาศตัวเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นแก่ใครแต่นั้น[6][7] และได้รับการยอมรับในปี ค.ศ. 1484[8]

กระทั่งวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1826 กอสปายาแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งไปรวมเข้ากับแกรนด์ดัชชีตอสคานา และส่วนหนึ่งไปรวมกับรัฐสันตะปาปา[5] ตามสนธิสัญญาที่ลงนามโดย 14 สมาชิกของกอสปายา เพื่อแลกกับเหรียญเงินและขออนุญาตขยายพื้นที่ปลูกยาสูบ[9]

การปกครอง แก้

สาธารณรัฐกอสปายาไม่มีรัฐบาลหรือแม้แต่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอย่างเป็นทางการ[5] รวมทั้งไม่มีกองกำลังทหาร ตำรวจ หรือแม้แต่คุกเนื่องจากเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก[10] ทั้งนี้จะมีสภาอาวุโสและหัวหน้าครอบครัวโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่โบสถ์แม่พระรับสาร (Church of Annunciation) ซึ่งพวกเขามีอำนาจตัดสินใจและอำนาจตุลาการ[11] ชาวกอสปายาถือว่าพวกเขาทุกคนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย มีสิทธิเสรีภาพโดยสมบูรณ์ จึงไม่มีหน่วยงานจากรัฐบาลอย่างประเทศอื่น[12][13]

กอสปายามีธงชาติเป็นของตนเอง ผืนธงมีสีขาวตัดกับสีดำในแนวทแยง ขณะที่สัญลักษณ์ของกอสปายาคือรูปหมู่บ้านที่มีลำธารเล็ก ๆ สองสายไหลผ่าน มีรูปปลาสองตัวทางด้านขวา และรูปต้นยาสูบทางด้านซ้าย ด้านบนเป็นคำขวัญของกอสปายาเขียนด้วยภาษาละติน[14]

เศรษฐกิจ แก้

กอสปายาเป็นศูนย์กลางการผลิตยาสูบในคาบสมุทรอิตาลี เพราะมีชัยภูมิที่ดี ด้วยตั้งอยู่ระหว่างสาธารณรัฐฟลอเรนซ์ (ต่อมาคือแกรนด์ดัชชีตอสคานา) กับรัฐสันตะปาปา กอสปายาจึงมีลักษณะเป็นทั้งเมืองการค้าเสรีและรัฐกันชน มีพื้นที่ทั้งหมดราว 330 เฮกตาร์ (ยาว 2 กิโลเมตร และกว้าง 500 เมตร) กับประชากรทั้งหมดราว 250 คน โดยมีพื้นที่เพาะปลูกเพียง 25 เฮกตาร์[7] และสาเหตุที่ทำให้กอสปายารุ่งเรืองจากการค้ายาสูบก็เพราะที่นี่มิได้ปฏิบัติตามพระราชโองการของสมเด็จพระสันตะปาปาที่ทรงประกาศห้ามมิให้ปลูกยาสูบเพียงแห่งเดียว และที่นี่จึงผูกขาดด้านการผลิตยาสูบ[15] แม้กระทั่งปัจจุบัน ยาสูบบางชนิดมีชื่อเรียกว่า กอสปายา[16] กอสปายาไม่มีการเก็บภาษี แต่อาจมีการเก็บภาษีอย่างไม่เป็นทางการในรูปแบบของค่าธรรมเนียมสภา หากครอบครัวใดไม่ชำระเงินดังกล่าว ก็จะถูกชาวเมืองคว่ำบาตร และบังคับให้ออกจากกอสปายา ไปยัง "พื้นที่หลบหนีอันกว้างใหญ่ของผู้ลี้ภัยรอบกอสปายา"[17]

ในช่วงปลายของการดำรงอยู่ของกอสปายา ดินแดนแห่งนี้ได้กลายสภาพเป็นดินแดนค้าของเถื่อน แนวคิดด้านเสรีภาพที่เคยมีมาก็เสื่อมทรามลงเพราะให้สิทธิพิเศษเกินควร และดึงดูดผู้คนเข้าไปยังกอสปายาอย่างหลากหลาย ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจบ้าง หรือแม้แต่การเลี่ยงกฎหมายจากประเทศใหญ่ที่ขนาบข้าง ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของประเทศขนาดเล็ก[18]

อ้างอิง แก้

  1. Settimio ed Emilio Gennaioli, Cospaia e la sua storia in ottava rima, Bologna, Negri, 1999, p. 5
  2. Milani, Giuseppe; Selvi, Giovanna (1996). Tra Rio e Riascolo: piccola storia del territorio libero di Cospaia. Lama di San Giustino: Associazione genitori oggi. p. 19. OCLC 848645655.
  3. Milani, Giuseppe; Selvi, Giovanna (1996). Tra Rio e Riascolo: piccola storia del territorio libero di Cospaia (ภาษาอิตาลี). Lama di San Giustino: Associazione genitori oggi. p. 25. OCLC 848645655.
  4. Ellingham, written and researched by Tim Jepson, Jonathan Buckley, and Mark (2009). The Rough Guide to Tuscany & Umbria (7th ed.). London: Rough Guides. p. 505. ISBN 9781405385299.
  5. 5.0 5.1 5.2 "Cospaia (Umbria)". penelope.uchicago.edu. สืบค้นเมื่อ 8 January 2017.
  6. Heywood, William (1921). A History of Pisa: Eleventh and Twelfth Centuries. The University Press. p. 104. ISBN 9781177788007.
  7. 7.0 7.1 Marconi, Francesco Testa, Aroldo (2001). The Toscano : the complete guide to the Italian cigar (2. ed.). Firenze: Giunti. p. 43. ISBN 9788809016514.
  8. Angelo Ascani. Cospaia. Storia inedita della singolare repubblica. tipografia Sabbioni, Città di Castello 1977, p. 15
  9. "The incredible story of Cospaia | UmbriaTouring.it". www.umbriatouring.it. สืบค้นเมื่อ 8 January 2017.
  10. Milani, Giuseppe; Selvi, Giovanna (1996). Tra Rio e Riascolo: piccola storia del territorio libero di Cospaia (ภาษาอิตาลี). Lama di San Giustino: Associazione genitori oggi. pp. 16–17. OCLC 848645655.
  11. Nikola Budanovic (February 28, 2018). "The Republic of Cospaia was created by accident in Italy, yet grew in strength over four centuries". The Vintage News.
  12. Milani, Giuseppe; Selvi, Giovanna (1996). Tra Rio e Riascolo: piccola storia del territorio libero di Cospaia. Lama di San Giustino: Associazione genitori oggi. p. 18. OCLC 848645655.
  13. Ascani, Angelo (1963). Cospaia: storia inedita della singolare Repubblica. Tuscany: Città di Castello. p. 20.
  14. Gennaioli, Settimio; Gennaioli, Emilio; Selvi, Giovanna (1999). Cospaia e la sua storia in ottava rima: la straordinaria storia di un borgo dell'alta valle del Tevere, Cospaia, libera repubblica dal 1440 sino al 1826 : festa degli auguri-Natale di fine millennio, Bologna, 19 dicembre 1999. S.l.: s.n. p. 4. OCLC 954844777.
  15. Ploeg, Jan Douwe van der (1995). Beyond modernization: the impact of endogenous rural development. Assen: Van Gorcum. p. 158. ISBN 978-9023229384.
  16. Ascani, Angelo (1963). Cospaia: storia inedita della singolare Repubblica. Tuscany: Città di Castello. p. 42.
  17. McFarland, Ellie (22 April 2020). "The Republic of Cospaia: An Anarchist Renaissance City". Mises Institute.
  18. Graziano Graziani, Stati d'eccezione, Rome: Edizioni dell'Asino, 2012, p. 15.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้