สนธิสัญญาญี่ปุ่น–เกาหลี ค.ศ. 1910
สนธิสัญญาผนวกดินแดนญี่ปุ่น-เกาหลี (ญี่ปุ่น: 韓国併合ニ関スル条約; โรมาจิ: คังโกะกุ-เฮโก นิกันซุรุ โจยะกุ) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่ง สนธิสัญญาญี่ปุ่น-เกาหลี ค.ศ. 1910 เป็นสนธิสัญญาที่กระทำขึ้นระหว่างจักรวรรดิญี่ปุ่นกับจักรวรรดิเกาหลี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1910 ณ กรุงฮันซอง สนธิสัญญาฉบับนี้ทำให้เกาหลีหมดสิ้นอำนาจการปกครองตนเองโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากที่ก่อนหน้านี้เกาหลีตกเป็นรัฐในอารักขา อันเนื่องมาจากสนธิสัญญาอึลซา เมื่อ ค.ศ. 1905
ประเภท | สนธิสัญญาตั้งอาณานิคม |
---|---|
วันลงนาม | 22 สิงหาคม ค.ศ. 1910 |
ที่ลงนาม | กรุงฮันซอง, จักรวรรดิเกาหลี |
วันตรา | 22 สิงหาคม ค.ศ. 1910 |
วันมีผล | 29 สิงหาคม ค.ศ. 1910 |
ผู้ลงนาม | ![]() (ผู้แทนต่างพระองค์ฯ) ![]() (นายกรัฐมนตรี) |
ภาคี | ![]() ![]() |
ภาษา | ญี่ปุ่น และ เกาหลี |
ญี่ปุ่นเมินคำขอของ จักรพรรดิซุนจงแห่งเกาหลี ที่ทรงต้องการให้สนธิสัญญาอยู่ภายใต้กฎหมายของเกาหลี ดังนั้นแล้วพระองค์จึงปฏิเสธการลงพระนาม ทำให้ นายกรัฐมนตรีเกาหลี อี วันยง ต้องลงนามแทน โดยมีผู้แทนจากฝ่ายญี่ปุ่นคือ ไวเคานต์ เทราอูจิ มาซาตาเกะ ผู้แทนต่างพระองค์ประจำเกาหลี
รัฐบาลพระจักรพรรดิญี่ปุ่นได้แต่งตั้งรัฐบาลข้าหลวงแห่งเกาหลีเพื่อบริหารราชการและกิจการของดินแดนเกาหลี โดยให้ เทราอุจิ มาซาตาเกะ ผู้แทนต่างพระองค์ประจำเกาหลี เป็นผู้สำเร็จราชการคนแรก ทั้งนี้รัฐบาลข้าหลวงอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลกลางที่กรุงโตเกียว ในขณะที่ฝ่ายขุนนางและชนชั้นปกครองเดิมของเกาหลีก็ไม่อาจยอมรับการปกครองของญี่ปุ่น และไปจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นแห่งประเทศเกาหลีขึ้นที่เซี่ยงไฮ้และฉงชิ่ง
ข้อความแก้ไข
- สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นแลสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลี มีพระราชดำริตริตรองถึงความสัมพันธ์พิเศษแลใกล้ชิดสนิทเชื้อของสองแผ่นดิน ทรงปรารถนาให้สองแผ่นดินมีความบริบูรณ์ร่วมกันยิ่งขึ้นไปแลมีความสงบราบเรียบถาวรสืบไปในบูรพาทวีป ด้วยทรงเห็นว่าการดังกล่าวจะสำเร็จเสร็จผลที่สุดได้ก็โดยการผนวกกรุงเกาหลีเข้ากับจักรวรรดิกรุงญี่ปุ่นนั้น จึงทรงตัดสินพระทัยให้จัดทำสนธิสัญญาผนวกดินแดนดังกล่าวขึ้น แลเพื่อวัตถุประสงค์นั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้านามผู้มีอำนาจในพระปรมาภิไธยไว้ ดังต่อไปนี้
- สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่น โดยไวเคานต์เทราอุจิ มาซาตาเกะ ผู้แทนต่างพระองค์ แลสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลี โดยอี วันยง หัวหน้าคณะรัฐมนตรี
- หลังได้ประชุมปรึกษาหารือร่วมกันแล้ว จึงได้ตกลงตามข้อต่อไปนี้
- ข้อ 1 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลีทรงยกให้แก่สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นซึ่งสิทธิเด็ดขาดแลอำนาจอธิปไตยเหนือกรุงเกาหลีทั้งปวงเปนการถาวร
- ข้อ 2 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นทรงยอมรับการยกให้ซึ่งได้กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า แลทรงยินยอมให้การผนวกกรุงเกาหลีเข้ากับญี่ปุ่นเปนการสำเร็จเสร็จสมบูรณ์
- ข้อ 3 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นทรงยินยอมให้สมเด็จพระจักรพรรดิ แลอดีตพระจักรพรรดิ แลมกุฎราชกุมารกรุงเกาหลี ตลอดจนพระภริยาแลทายาททั้งหลาย คงไว้ซึ่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์ แลพระเกียรติยศ ตามฐานะของแต่ละพระองค์เปนลำดับ แลโปรดให้จัดเงินปีถวายตามสมควรเพื่อเปนการธำรงไว้ซึ่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์ แลพระเกียรติยศนั้น
- ข้อ 4 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นจะทรงโปรดให้มีการปฏิบัติแลถวายพระเกียรติยศเปนสมควรแก่สมาชิกพระราชวงศ์เกาหลีตลอดจนบรรดาทายาทนอกเหนือจากองค์ที่กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า
- ข้อ 5 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นจะทรงโปรดฯพระราชทานยศขุนนางและเงินตราตกแก่ชาวเกาหลีผู้ซึ่งมีความดีความชอบสมควรแก่การยอมรับนับถือเปนพิเศษ
- ข้อ 6 ด้วยผลแห่งการผนวกดินแดนตามที่กล่าวไว้ รัฐบาลกรุงญี่ปุ่นจะเข้ารับบรรดาราชการงานปกครองทั้งปวงของเกาหลี แลรับรองว่าจะให้การปกป้องคุ้มครองอย่างเต็มกำลังแก่บุคคลแลทรัพย์สมบัติของชาวเกาหลีที่ปฏิบัติตามพระราชกำหนดกฎหมายอันบังคับใช้เพื่อส่งเสริมความเปนอยู่สุขของชาวเกาหลีเหล่าที่ว่านี้
- ข้อ 7 รัฐบาลกรุงญี่ปุ่นจะให้การบรรจุเปนข้าราชการญี่ปุ่นประจำเกาหลีแก่ชาวเกาหลีผู้ซึ่งยอมรับ ภักดี แลเลื่อมใสศรัทธาในระบอบการปกครองใหม่ แลผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามหน้าที่ในงานราชการนั้นๆ
- ข้อ 8 สนธิสัญญานี้ ได้รับพระบรมราชานุมัติจากสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นแลสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลีแล้ว ให้มีผลบังคับใช้เมื่อมีแถลงการประกาศใช้
ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายต่างได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญานี้ไว้เปนหลักฐานสำคัญ
- 22 สิงหาคม รัชศกเมจิปีที่ 43
'''寺內正毅''' (เทราอุจิ มาซาตาเกะ) ผู้แทนต่างพระองค์
- 22 สิงหาคม รัชศกยุงฮีปีที่ 4
การไม่ยอมรับของเกาหลีใต้แก้ไข
ระหว่างปี 2007 ถึง 2010 ฝ่ายเกาหลีใต้ ทั้งนักวิชาการ นักกิจกรรม และสมาชิกสภา ได้ออกมาเรียกร้องว่าสนธิสัญญาฉบับนี้ทำขึ้นมาโดยปราศจากการยินยอมของจักรพรรดิแห่งเกาหลี และการลงนามโดยนายกรัฐมนตรีเป็นการบีบบังคับของญี่ปุ่น สนธิสัญญาฉบับนี้จึงไม่ชอบธรรมทางกฎหมายทั้งปวง และทำการเรียกร้องไปยังนายนะโอะโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้รอบรองว่า สนธิสัญญาดังกล่าวไม่เคยมีผลบังคับใช้ แต่ก็ไร้การตอบสนองใด ๆ กลับจากรัฐบาลญี่ปุ่น
นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังอ้างว่า การรับรองของจักรพรรดิซุนจงในบรรดาพันธะสัญญากับญี่ปุ่น ก็ไม่เป็นไปตามราชประเพณีการปกครองของเกาหลี ญี่ปุ่นบังคับให้จักรพรรดิเกาหลีลงพระนามด้วยชื่อจริงตามอย่างมาตรฐานตะวันตกไว้เหนือตราราชลัญจกรด้วย ซึ่งขัดต่อราชประเพณีการปกครองของเกาหลีเดิมที่จะมีเพียงการลงตราราชลัญจกร และอ้างกระทำเช่นนี้อาจทำให้เอกสารนั้นไม่สมบูรณ์
ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2010 มีนักกิจกรรมกว่า 1,000 คนในเกาหลีและญี่ปุ่นออกมาเดินขบวน ถือว่าสนธิสัญญาฉบับนี้ไม่เคยมีผลบังคับใช้