สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นสถาบันวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล และให้บริการวิชาการแก่สังคม โดยมีสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเลบางแสน และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล ที่เปิดให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าชมได้ ซึ่งสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งนี้นั้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปมาอย่างยาวนาน และถูกเรียกชื่อตามความเข้าใจในชื่อต่าง ๆ กัน เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน ศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเล พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ มหาวิทยาลัยบูรพา ฯลฯ

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน
ภายในพิพิธภัณฑ์
ก่อตั้ง23 พฤษภาคม พ.ศ. 2528
ที่ตั้งมหาวิทยาลัยบูรพา ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ประเทศไทย
ประเภทสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล
ผลงานสำคัญโครงกระดูกวาฬแกลบ
ปลาหมอทะเลขนาดใหญ่
สัตว์ทะเลสตัฟฟ์นานาชนิด
ผู้ก่อตั้งทวี หอมชง และคณะ
ผู้อำนวยการบัลลังก์ เนื่องแสง
ภัณฑารักษ์มหาวิทยาลัยบูรพา
ขนส่งมวลชนรถสองแถวสีแดง
ขนส่งกรุงเทพ-บางแสน
เว็บไซต์www.bims.buu.ac.th
แผนที่ที่ตั้งของสถาบันภายในมหาวิทยาลัยบูรพา (หมายเลข 2)

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ได้รับการพัฒนามาจาก “พิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม” ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2512 โดยคณะอาจารย์ภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน (วิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสนเดิม) และนิสิตอีกจำนวนหนึ่ง โดย ดร.บุญถิ่น อัตถากร อดีตอธิบดีกรมการฝึกหัดครูและอดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้สนับสนุนการดำเนินโครงการดังกล่าว พิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม เปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2513 และในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2519 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงประกอบพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม

พิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนไม่สามารถขยายออกไปได้อีก ทั้งนี้เนื่องจากตัวอาคารมีขนาดจำกัดและไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับการนี้โดยตรง เพื่อเป็นการขยายกิจการของพิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มให้กว้างขวางยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทางมหาวิทยาลัย โดยการนำของ ดร.ทวี หอมชง และคณะ ได้จัดทำโครงการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2523 ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าในการจัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเลเป็นมูลค่า 230 ล้านบาท โดยเริ่มก่อสร้างในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2524 ณ บริเวณด้านหน้าของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน ในเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาเสด็จทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2525 การก่อสร้างแล้วเสร็จ และมีพิธีมอบให้แก่มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2526 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดลุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเล เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2527 จากนั้นศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเลได้จัดทำโครงการเพื่อยกฐานะเป็นสถาบัน และได้รับการอนุมัติให้เป็นสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2528

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของมหาวิทยาลัยบูรพา ถนนลงหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ปัจจุบันเป็นสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทยและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดชลบุรี

การจัดแสดง

แก้

ส่วนจัดแสดงถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเลบางแสน และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล โดยบริเวณห้องโถงก่อนทางเข้าชมมีการจัดแสดงโครงกระดูกวาฬแกลบ ขนาดใหญ่จัดแสดงอยู่

 
แมงกะพรุนถ้วย
 
ปลาหมอทะเล

ส่วนที่ 1 สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม เป็นส่วนจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในเขตน่านน้ำของไทย โดยทรัพยากรที่ใช้ในการให้ความรู้ คือ สิ่งมีชีวิตในทะเลชนิดต่าง ๆ ทั้งพืชและสัตว์ที่ยังมีชีวิต โดยสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะถูกเลี้ยงในระบบน้ำหมุนเวียนแบบปิด ที่มีระบบยังชีพสำหรับให้สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เหล่านี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยในแต่ละตู้มีการจัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด แต่ละตู้จะมีป้ายเพื่อบ่งบอกชนิดสัตว์ทะเลที่อยู่ภายในตู้ ทั้งชื่อสามัญ ชื่อภาษาอังกฤษ และชื่อทางวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งออกเป็น 6 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 ชีวิตชายฝั่งทะเล โซนที่ 2 สีสันแห่งท้องทะเล โซนที่ 3 ครัวของโลก โซนที่ 4 แปลก...สวยซ่อนพิษ โซนที่ 5 ลานเรียนรู้ชาวเล และโซนที่ 6 ยักษ์ใหญ่ใต้สมุทร โดยเฉพาะโซนยักษ์ใหญ่ใต้สมุทรนี้ ถือได้ว่าเป็นจุดสนใจของสถาบันฯ แห่งนี้มาโดยตลอด เนื่องจากมีการเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ เช่น ปลาหมอทะเล ปลากระมง ปลาฉลาม ปลากระเบน ฯลฯ จัดแสดงภายในตู้ขนาดใหญ่ที่มีความจุน้ำถึง 1,000 ตัน

ส่วนที่ 2 ศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเลบางแสน เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งใหม่ที่เชื่อมต่อกับอาคารสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มเดิม ภายในประกอบด้วย ส่วนจัดแสดงที่แบ่งออกเป็น 11 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 ท่องสมุทร โซนที่ 2 มาหาสมุทร โซนที่ 3 เสียงเพรียกจากทะเล โซนที่ 4 ลัดเลาะเลียบหาด โซนที่ 5 แสงแห่งท้องทะเล โซนที่ 6 อัญมณีแห่งมหาสมุทร โซนที่ 7 สารพันปลาฝูง โซนที่ 8 มหัศจรรย์สัตว์พิเศษ โซนที่ 9 อัศจรรย์โลกสีคราม โซนที่ 10 ฟอสซิลมีชีวิต และโซนที่ 11 สาร (รักษ์) จากสมุทร จุดที่เป็นไฮไลท์สำคัญของส่วนนี้ คือ ตู้จัดแสดงที่มีความจุน้ำถึง 4,700 ตัน ลึก 13 เมตร และมีอุโมงค์ทางเลื่อนใต้น้ำขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 37 เมตร ภายในโซนที่ 9 อัศจรรย์โลกสีคราม เพื่อจัดแสดงข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำลึก นอกจากนี้ ยังมีตู้ทรงกระบอกขนาดใหญ่ (Cylinder Tank) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เมตร เพื่อจัดแสดงพันุธ์ปลาทะเลที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง

ส่วนที่ 3 พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล เป็นส่วนจัดแสดงในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ความรู้และตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในทะเล โดยรวบรวมและจัดแสดงตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในทะเลทั้งพืชและสัตว์นานาชนิด ซึ่งเก็บรักษาไว้ด้วยวิธีการดองและการสตัฟฟ์ รวมทั้งจัดแสดงนิทรรศการความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับทะเลและการใช้ประโยชน์จากทะเล โดยบริเวณทางเข้ามีการจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดลุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกี่ยวกับพระราชกรณีกิจทางด้านการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทางทะเลและด้านวิทยาศาสตร์การประมง แบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 นิทรรศการเรื่องราวของอาณาจักรของสิ่งมีชีวิตในทะเล โซนที่ 2 นิทรรศการเรื่องราวของทะเลและระบบนิเวศในทะเล โซนที่ 3 นิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ และโซนที่ 4 ห้องพิพิธภัณฑ์เปลือกหอยและวิวัฒนาการของหอย โดยจุดที่เป็นไฮไลท์สำคัญของส่วนนี้ คือ การรวบรวมตัวอย่างสัตว์ทะเลที่หาดูได้ยากหรือใกล้สูญพันธุ์ที่ตายแล้ว มาจัดแสดงในรูปแบบสัตว์สตัฟฟ์ รวมถึงการนำโครงกระดูกสัตว์ทะเลขนาดใหญ่หรือชิ้นส่วนสำคัญของสัตว์ทะเลที่หาดูได้ยากแต่ละชนิดมารวบรวมไว้ที่นี่ เพื่อให้ความรู้และตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งมีชีวิตในทะเล

การเข้าชม

แก้

ปัจจุบัน เปิดให้บริการเข้าชมในวันอังคาร ถึงวันอาทิตย์ และทุกวันหยุดราชการ/วันนักขัตฤกษ์ (*วันจันทร์ปิดบริการเข้าชม - ยกเว้นในวันจันทร์ที่ตรงกับวันหยุดราชการ/นักขัตฤกษ์ จันทร์นั้นเปิดเข้าชมตามปกติ) ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.30 น.

อัตราค่าเข้าชม ราคาคนไทย เด็ก 40 บาท ผู้ใหญ่ 80 บาท สำหรับราคาชาวต่างชาติ เด็ก 120 ผู้ใหญ่ 220 บาท มีอัตราค่าเข้าชมในราคาพิเศษสำหรับการเข้าชมเป็นหมู่คณะ โดยต้องติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน และไม่เก็บค่าเข้าชมสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และพระสงฆ์

อ้างอิง

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้

13°17′08″N 100°55′31″E / 13.2856623°N 100.925150°E / 13.2856623; 100.925150