ศรีราชา วงศารยางกูร
ศาสตราจารย์ ศรีราชา วงศารยางกูร (สกุลเดิม เจริญพานิช) ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินของประเทศไทย[1] อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และอดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.)
ศรีราชา วงศารยางกูร | |
---|---|
เกิด | 18 กันยายน พ.ศ. 2489 |
เสียชีวิต | 17 ตุลาคม พ.ศ. 2566 (77 ปี) |
สัญชาติ | ไทย |
อาชีพ | ข้าราชการบำนาญ |
มีชื่อเสียงจาก | ผู้ตรวจการแผ่นดิน |
การศึกษา
แก้ศาสตราจารย์ ศรีราชา วงศารยางกูร หรือ ศ.ดร.ศรีราชา วงศารยางกูร สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) จากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนิติศาสตรบัณฑิต จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นจึงได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และระดับปริญญาเอกจนสำเร็จการศึกษา ด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยทูเลน ประเทศสหรัฐอเมริกา
การทำงาน
แก้ศ.ศรีราชา วงศารยางกูร เริ่มรับราชการเป็นอาจารย์ตรี ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2514 เป็นหัวหน้าภาควิชากฎหมายพาณิชย์ ในระหว่างปี พ.ศ. 2521 - 2522 ต่อมาจึงได้มารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (เทียบเท่าคณบดี) ในปี พ.ศ. 2523 และเป็นรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 - 2530 และปี พ.ศ. 2545 - 2549
นอกจากงานสอนในมหาวิทยาลัยแล้ว ศ.ศรีราชา วงศารยางกูร ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายตำแหน่ง อาทิ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ กรรมการกฤษฎีกา กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษา อนุกรรมการฝ่ายกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ศ.ศรีราชา วงศารยางกูร ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการยกร่างฯ จนกระทั่งในเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553 จึงได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ผู้ตรวจการแผ่นดิน และได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
การได้รับพระราชทานนามสกุล
แก้ศ.ดร.ศรีราชา เจริญพานิช ได้รับพระราชทานชื่อสกุล ว่า "วงศารยางกูร" เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557[2]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2549 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[3]
- พ.ศ. 2544 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[4]
- พ.ศ. 2550 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)[5]
- พ.ศ. 2539 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[6]
อ้างอิง
แก้- ↑ http://www.thairath.co.th/content/490283
- ↑ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1415279352
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2007-01-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๓ ตอนที่ ๒๓ ข หน้า ๖, ๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2017-12-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๘ ตอนที่ ๒๒ ข หน้า ๑๕, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี ๒๕๕๐, เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๒ ข หน้า ๒๘, ๗ มกราคม ๒๕๕๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๑๑๓ ตอนที่ ๒๕ ข หน้า ๖๘๐, ๒๕ ธันวาคม ๒๕๓๙