ปรัชญาธรรมชาติ

ศาสตร์ปรัชญาโบราณแขนงหนึ่งเกี่ยวกับการศึกษาธรรมชาติและจักรวาลทางกายภาพ เป็นวิชาที่ได้

ปรัชญาธรรมชาติ (อังกฤษ: Natural philosophy หรือ philosophy of nature; ละติน: philosophia naturalis) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับปรัชญาของฟิสิกส์ ซึ่งก็คือธรรมชาติและจักรวาลทางกายภาพ ปรัชญาธรรมชาติเคยเป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในอดีต ก่อนที่ถูกแทนที่ด้วยสาขาวิชาที่ทันสมัยกว่าอย่างวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

ในโลกยุคโบราณ (อย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยของอาริสโตเติล) จนถึงศตวรรษที่ 19 ปรัชญาธรรมชาติ เป็นคำศัพท์ทั่วไปที่หมายถึงการศึกษาธรรมชาติแบบกว้าง ๆ ในที่นี้รวมถึงสาขาวิชาแขนงต่าง ๆ อย่าง พฤกษศาสตร์ สัตววิทยา มานุษยวิทยา เคมี และ ฟิสิกส์ จนกระทั่งราวคริสตศตวรรษที่ 19 แนวคิดเรื่องวิทยาศาสตร์ก็ได้รับการปรับปรุงรูปแบบการศึกษาให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดเป็นสาขาวิชาแขนงต่าง ๆ ได้แก่ ดาราศาสตร์ ชีววิทยา และ ฟิสิกส์ สถาบันวิจัยหลายแห่งได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อทำการศึกษาหรือวิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ[1] คำว่า ปรัชญาธรรมชาติ ที่ปรากฎอยู่ใน หลักคณิตศาสตร์ของปรัชญาธรรมชาติ (Philosophiæ Naturalis Principia Mathematica) ของ ไอแซก นิวตัน เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ายังมีการใช้คำนี้อยู่จนถึงคริสตศตวรรษที่ 17 แม้แต่ผลงานหลาย ๆ ชิ้นที่ช่วยขยายขอบเขตการศึกษาฟิสิกส์สมัยใหม่ในคริสตศตวรรษที่ 19 ก็ยังมีชื่อเรียกว่า ความเรียงว่าด้วยปรัชญาธรรมชาติ (Treatise on Natural Philosophy)

ปรัชญาว่าด้วยธรรมชาติ (Naturphilosophie) เป็นหนึ่งในสาขาวิชาของปรัชญาเยอรมันในคริสตศตวรรษที่ 18 และ 19 มีความพยายามที่จะปฏิรูปขอบเขตการศึกษา แทนที่หลักอภิปรัชญาของอริสโตเติลด้วยระเบียบวิธีแบบวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างความเป็นมาตรฐานให้กับหลักการทดลองของธรรมชาติและจิตวิญญาณ ประกอบกับสนับสนุนแนวคิดเหตุผลนิยมแบบคานต์ นักปรัชญาชาวเยอรมันที่มีชื่อเสียงอยู่ในขบวนการนี้ ได้แก่ เกอเทอ เฮเกิล และ เช็ลลิง แนวคิดแบบ Naturphilosophie มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อศิลปะจินตนิยม ซึ่งมีมุมมองต่อกลไกทางธรรมชาติของโลกว่าเปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ตรงข้ามกับแนวทางเชิงปรัชญาของ จอห์น ล็อก และนักคิดคนอื่น ๆ ที่ยึดถือในหลักปรัชญาเครื่องกล ซึ่งมีมุมมองว่าโลกเปรียบเสมือนเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่เครื่องหนึ่ง

ที่มาและพัฒนาการของคำนี้

แก้
 
แผนที่ท้องฟ้าในสมัยคริสตศตวรรษที่ 17 โดย เฟรเดอริก เด วิต นักเขียนแผนที่ชาวดัตช์

คำว่า ปรัชญาธรรมชาติ เป็นคำที่เกิดขึ้นมาก่อนคำว่า วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (หรือที่เรียกว่า วิทยาศาสตร์เชิงประจักษ์) ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งที่พัฒนามาจากปรัชญา หรือเช่นนั้นก็ถูกจัดให้เป็นการศึกษาทางเลือกของปรัชญาธรรมชาติ ปรัชญาธรรมชาติในอดีตมีความหมายที่แตกต่างไปจากวิทยาศาสตร์สมัยใหม่หรือประวัติศาสตร์ธรรมชาติอย่างชัดเจน โดยที่ "ปรัชญาธรรมชาติ" เป็นการศึกษาโดยใช้ตรรกะเพื่ออธิบายเกี่ยวกับปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ (รวมถึงการวิจัยเชิงปริมาณในสมัยหลังจากกาลิเลโอ) ขณะที่ "ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ" เป็นการศึกษาที่มีพื้นฐานมาจากคุณสมบัติเชิงคุณภาพและเชิงพรรณา

ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15 ปรัชญาธรรมชาติถือว่าเป็นสาขาหนึ่งของวิชาปรัชญา แต่ก็มิได้เป็นสาขาที่โดดเด่นมากนัก บุคลากรท่านแรกที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาปรัชญาธรรมชาติคือ ยาโกโป ซาบาแรลลา แห่งมหาวิทยาลัยปาโดวา เมื่อ ค.ศ. 1577

คำว่า science และ scientists ตามนิยามความหมายแบบสมัยใหม่ พึ่งได้รับการบัญญัติขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยที่ความหมายดั้งเดิมของคำว่า science หมายถึง ความรู้ หรือ การศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับรากศัพท์ในภาษาละติน จนกระทั่งความหมายของคำ ๆ นี้ได้รับการบัญญัติขึ้นใหม่ เมื่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์และระเบียบวิธีแบบวิทยาศาสตร์กลายเป็นสาขาวิชาที่สามารถแตกแขนงออกจากปรัชญาธรรมชาติได้อย่างชัดเจน[2] โดยมีนักปรัชญาธรรมชาตินามว่า วิลเลียม ฮิวเวล จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้เสนอคำว่า "scientist" ไว้ในปี ค.ศ. 1834 เพื่อแทนคำว่า "cultivators of science" และ "natural philosopher" ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้[3]

สาขาวิชา

แก้

สาขาวิชาปรัชญาธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ ดาราศาสตร์ และ จักรวาลวิทยา การศึกษาธรรมชาติในวงกว้าง สาเหตุ การศึกษาสาเหตุ (ทั้งภายในและภายนอกในบางกรณี) การศึกษาเหตุภาพ ความน่าจะเป็น และ ความเป็นสุ่ม การศึกษาองค์ประกอบของธาตุ ความเป็นอนันต์และความไม่จำกัด (ทั้งเสมือนหรือจริง) การศึกษาสสาร กลศาสตร์ การเคลื่อนที่และการเปลี่ยนแปลง การศึกษาธรรมชาติหรือแหล่งการกระทำต่าง ๆ การศึกษาคุณสมบัติทางธรรมชาติ ปริมาณทางกายภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างกายภาพ และ ปรัชญาของอวกาศและเวลา

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. Cahan, David, บ.ก. (2003). From Natural Philosophy to the Sciences: Writing the History of Nineteenth-Century Science. Chicago: University of Chicago Press. ISBN 0226089282.
  2. The naturalist-theologian William Whewell coined the word "scientist"; his earliest written use identified by the Oxford English Dictionary was in 1834.
  3. Ross, Sydney (1962-06-01). "Scientist: The story of a word". Annals of Science (ภาษาอังกฤษ). 18 (2): 65–85. doi:10.1080/00033796200202722. ISSN 0003-3790.

อ่านเพิ่ม

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้

แม่แบบ:ยุคเรืองปัญญา แม่แบบ:หัวข้อปรัชญา แม่แบบ:มนุษยศาสตร์สิ่งแวดล้อม