บริติชซีลอน

บริติชซีลอน (อังกฤษ: British Ceylon) หรือ ลังกาของบริเตน (สิงหล: බ්‍රිතාන්‍ය ලංකාව; ทมิฬ: பிரித்தானிய இலங்கை) เป็นอาณานิคมในพระองค์ของสหราชอาณาจักร ระหว่าง ค.ศ. 1802 ถึง ค.ศ. 1948 บริติชซีลอนคือประเทศศรีลังกาในปัจจุบัน

ซีลอน

ค.ศ. 1815–1948
ธงชาติซีลอน
ธงชาติ
ตราแผ่นดินของซีลอน
ตราแผ่นดิน
เพลงชาติGod Save the King (1815–1837; 1901–1948)
God Save the Queen (1837–1901)
Sri Lanka (orthographic projection).svg
สถานะอาณานิคมในพระองค์
เมืองหลวงโคลัมโบ
ภาษาทั่วไปอังกฤษ (ภาษาราชการ),
สิงหลและทมิฬ
การปกครองราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
พระเจ้าแผ่นดิน 
• 1815–1820
พระเจ้าจอร์จที่ 4
• 1820–1830
พระเจ้าจอร์จที่ 4
• 1830–1837
พระเจ้าวิลเลียมที่ 4
• 1837–1901
พระนางเจ้าวิกตอเรีย
• 1901–1910
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7
• 1910–1936
พระเจ้าจอร์จที่ 5
• 1936
พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8
• 1936–1948
พระเจ้าจอร์จที่ 6
สภานิติบัญญัติสภานิติบัญญัติแห่งซีลอน (1833–1931)
รัฐสภาแห่งซีลอน (1931–1947)
ยุคประวัติศาสตร์ยุคจักรวรรดินิยมใหม่
5 มีนาคม ค.ศ. 1815
• เอกราช
4 กุมภาพันธ์ 1948
ประชากร
• 1881
2759700
• 1946
6657300
ก่อนหน้า
ถัดไป
อาณาจักรกัณฏิ
ดัตช์ซีลอน
Vannimai
ประเทศซีลอนในเครือจักรภพ

ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เกาะลังกาตกอยู่ภายใต้สภาวะสงครามระหว่างโปรตุเกสกับอาณาจักรกัณฏิ ต่อมาเมื่อเนเธอร์แลนด์สถาปนาเป็นสาธารณรัฐดัตช์ กษัตริย์แห่งกัณฏิได้เจรจาให้เนเธอร์แลนด์เข้ามาช่วยรบต่อต้านโปรตุเกส หลังจากเนเธอร์แลนด์เข้ามากำจัดอิทธิพลของโปรตุเกสออกไป บางส่วนของเกาะลังกาก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเนเธอร์แลนด์ แม้ว่าเนเธอร์แลนด์จะไม่มีอำนาจมากพอถึงขนาดจะสั่งกษัตริย์แห่งกัณฏิได้ แต่เนเธอร์แลนด์เข้าผูกขาดการค้าระหว่างประเทศของเกาะลังกาผ่านบริษัทอินเดียตะวันออก

ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 เนเธอร์แลนด์อ่อนแอลงจากการทำสงครามกับบริเตนใหญ่ และถูกยึดครองโดยฝรั่งเศสในช่วงสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส ผู้นำของเนเธอร์แลนด์ได้ลี้ภัยไปยังกรุงลอนดอนและตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นที่นั่น รัฐบาลดัตช์ ณ กรุงลอนดอนมิอาจบริหารอาณานิคมได้อย่างมีประสิทธิผล จึงได้โอนการปกครองในเกาะลังกาแก่บริเตนใหญ่ในปี ค.ศ. 1796 แม้ว่าจะได้รับเสียงคัดค้านจากชาวดัตช์บางส่วนก็ตาม เมื่อบริเตนใหญ่เข้าครอบครองบางส่วนของเกาะลังกาซึ่งเคยเป็นของเนเธอร์แลนด์ บริเตนใหญ่ต้องการขยายเขตอิทธิพลของตนจึงได้เจรจาให้อาณาจักรกัณฏิมาเป็นรัฐในอารักขาแต่ถูกปฏิเสธ สงครามจึงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากบริเตนยังติดพันกับสงครามนโปเลียนจึงไม่ได้ใส่ใจสงครามในเกาะลังกามากนัก

ในปี ค.ศ. 1815 บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ของกัณฏิได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากพระเจ้าศรีวิกรม ราชสิงหะ (พระองค์ไม่ใช่ชาวสิงหลซึ่งนับถือพุทธ แต่เป็นกษัตริย์จากแคว้นในอินเดียใต้ซึ่งนับถือฮินดู) และนำพระองค์ไปจองจำไว้ บรรดาขุนนางของกัณฏิได้ร่วมกันลงนามสนธิสัญญากับบริเตนในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1815 ยอมรับอำนาจอธิปไตยของบริเตนเหนือเกาะลังกา มีความพยายามซ่อนตัวอดีตพระเจ้าศรีวิกรมจากพวกอังกฤษ แต่ภายหลังพระองค์ถูกอังกฤษจับกุมได้และถูกส่งตัวไปกักบริเวณที่รัฐทมิฬนาฑูในอินเดียใต้[1]

หลังเข้ามาปกครองเกาะลังกา ชาวอังกฤษพบว่าเกาะแห่งเหมาะสมต่อการปลูกต้นกาแฟ ต้นชา และต้นยางอย่างมาก กลางศตวรรษที่ 18 บริติชซีลอนก็กลายเป็นแหล่งผลิตชากาแฟที่สำคัญที่สุดของสหราชอาณาจักร สร้างรายได้แก่เกษตรกรท้องถิ่นเป็นอย่างดี การปลูกชากาแฟในบริติชซีลอนเฟื่องฟูมากจนอังกฤษต้องนำแรงงานชาวทมิฬจำนวนมากเข้ามาจากอินเดีย คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 10 ของประชากรในบริติชซีลอน อย่างไรก็ตาม แรงงานชาวทมิฬนี้มีสภาพการทำงานย่ำแย่ไม่ต่างจากทาส แตกต่างชาวสิงหลที่ได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีจากอังกฤษ

อ้างอิงแก้ไข

  1. "Kandyan Convention from Divaina". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-23. สืบค้นเมื่อ 2017-01-22.