ท่อหู หรือ ท่อยูสเตเชียน (อังกฤษ: Eustachian tube, auditory tube, pharyngotympanic tube[1]) เป็นท่อที่เชื่อมระหว่างคอหอยและหูชั้นกลาง ในมนุษย์โตเต็มวัยมีความยาวประมาณ 33 มม. และเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 มม.[2] ได้รับการตั้งชื่อตามบาร์โตโลมีโอ ยูสเตชี (Bartolomeo Eustachi) นักกายวิภาคศาสตร์สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 16[3]

ท่อหู
หูชั้นนอกและชั้นกลาง ในภาพเรียกท่อหูว่า auditory tube
หูชั้นกลางโดยมีท่อหู (auditory tube) อยู่มุมล่างขวา
รายละเอียด
การออกเสียง/juːˌst.ʃən/
คัพภกรรมfirst pharyngeal pouch
ตัวระบุ
ภาษาละตินTuba auditiva, tuba auditivea,
tuba auditoria
MeSHD005064
TA98A15.3.02.073
TA26926
FMA9705
อภิธานศัพท์กายวิภาคศาสตร์

ปกติแล้วหูชั้นกลางและช่องหูของมนุษย์และสัตว์บกชนิดอื่นบรรจุด้วยอากาศ อย่างไรก็ตามอากาศในหูชั้นกลางไม่ได้สัมผัสกับอากาศข้างนอกร่างกายโดยตรง ท่อหูเชื่อมจากห้องของหูชั้นกลางไปยังด้านหลังของคอหอย ในเวลาปกติท่อหูจะอยู่ในสถานะยุบตัว ทว่าจะเปิดออกขณะกลืนและเมื่อมีแรงดันบวก การที่แรงกดอากาศรอบ ๆ ลดลงขณะเครื่องบินยกระดับสูงขึ้นทำให้อากาศในหูชั้นกลางขยายตัวและดันกลับไปยังด้านหลังของจมูกและปาก ขณะเครื่องบินลดระดับปริมาณอากาศในหูชั้นกลางลดลงทำให้เกิดสุญญากาศเล็กน้อย เป็นเหตุให้ต้องมีการเปิดท่อหูเพื่อปรับแรงดันของหูชั้นกลางและบรรยากาศรอบ ๆ เท่ากัน นักดำน้ำก็ประสบกับการเปลี่ยนแปลงของแรงดันเช่นกัน ทว่าด้วยอัตราการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าทำให้ยิ่งต้องเปิดท่อหูบ่อยขึ้นเมื่อดำน้ำลึกซึ่งมีแรงกดสูง

โครงสร้าง แก้

 
ระบบทางเดินหายใจส่วนบน แสดงถึงทางเข้าสู่ท่อหูใกล้ส่วนกลาง

ท่อหูตั้งอยู่จากผนังด้านหน้าของหูชั้นกลางจนถึงผนังด้านข้างของคอหอยส่วนจมูก ประกอบด้วยส่วนที่เป็นกระดูกและส่วนที่เป็นกระดูกอ่อน

ส่วนกระดูก แก้

ส่วนกระดูกอยู่ติดกับหูชั้นกลางและมีความยาวประมาณ 12 มม. เริ่มข้างในผนังด้านหน้าของโพรงหูส่วนกลาง (tympanic cavity) ใต้ septum canalis musculotubarii และค่อย ๆ แคบลงจนจบที่มุมของจุดต่อระหว่างส่วนพีทรัสและส่วนสความัสของกระดูกขมับ ส่วนปลายมีรอยหยักเพื่อให้ส่วนที่เป็นกระดูกอ่อนสามารถยึดเกาะได้[4]

ส่วนกระดูกอ่อน แก้

ส่วนกระดูกอ่อนของท่อหูมีความยาวประมาณ 24 มม. เป็นอีลาสติกไฟโบรคาร์ทีเลจ (elastic fibrocartilage) รูปสามเหลี่ยม โดยส่วนยอดเชื่อมเกับขอบของจุดสุดใกล้กลางของส่วนกระดูก ส่วนฐานตั้งอยู่ใต้เยื่อเมือกของคอหอยส่วนจมูก เป็นส่วนที่ยกระดับ หรือ torus tubarius ด้านหลังรูเปิดคอหอยของท่อหู (pharyngeal opening of the auditory tube)

กล้ามเนื้อ แก้

การทำงานของท่อหูควบคุมโดยกล้ามเนื้อสี่มัด

ท่อเปิดออกระหว่างการกลืนโดยการหดตัวของกล้ามเนื้อ tensor veli palatini และ levator veli palatini ซึ้งเป็นกล้ามเนื้อของเพดานอ่อน[1]

หน้าที่ แก้

ปรับแรงดัน แก้

ในเวลาปกติท่อหูของมนุษย์จะอยู่ในสถานะปิด ทว่าสามารถเปิดเพื่อให้อากาศจำนวนไม่มากผ่านเพื่อปรับแรงดันระหว่างหูชั้นกลางและชั้นบรรยากาศเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ความแตกต่างของความดันสามารถส่งผลให้เกิดการสูญเสียการได้ยินชนิดการนำเสียงบกพร่องแบบชั่วคราวจากการลดการขยับของเยื่อแก้วหูและกระดูกหู[5] มีหลายวิธีที่สามารถใช้เพื่อปรับแรงดันในหู เช่น การหาว การกลืน หรือการเคี้ยวหมากฝรั่ง โดยเป็นการตั้งใจเปิดท่อหู คนจะได้ยินเสียงดังเปาะเบา ๆ เมื่อเกิดการปรับแรงดันขึ้น มักเกิดเวลาขึ้นเครื่องบิน ดำน้ำ หรือขับรถบนพื้นที่ภูเขา เครื่องมือที่สามารถช่วยปรับแรงดันให้เท่ากันได้แก่ลูกโป่งที่ใช้กับจมูกซึ่งทำให้พองด้วยแรงดันอากาศบวก[6]

ระบายมูก แก้

ท่อหูยังทำหน้าที่ระบายมูกออกจากหูชั้นกลาง การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนหรืออาการภูมิแพ้สามารถทำให้ท่อหูหรือเยื่อคลุมรูเปิดมีอาการบวม และอาจมีน้ำขังเป็นแหล่งเติบโตสำหรับแบคทีเรีย เป็นสาเหตุของหูติดเชื้อ อาจบรรเทาอาการบวมได้โดยการใช้ยาหดหลอดเลือด ตัวอย่างเช่น ซูโดอีเฟดรีน, ออกซีเมตาโซลีน และฟีนิลเอฟรีน[7] อาหารหูติดเชื้อพบบ่อยในเด็กเนื่องจากเด็กมีท่อยูเสเชียนสั้นกว่าทำให้แบคทีเรียสามารถเข้าไปได้ง่ายกว่าและด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางที่แคบกว่าทำให้การเคลื่อนตัวของน้ำเป็นไปได้ยากกว่า นอกจากนี้ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กที่ยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาและสุขอนามัยที่ไม่ดีทำให้เด็กมีโอกาสติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนมากกว่า

รูปเพิ่มเติม แก้

ดูเพิ่ม แก้

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 Keith L. Moore; Arthur F. Dalley; A. M. R. Agur (13 February 2013). Clinically Oriented Anatomy. Lippincott Williams & Wilkins. p. 970. ISBN 978-1-4511-1945-9.
  2. http://www.medicinenet.com/eustachian_tube_problems/article.htm
  3. Eustachian tube ใน Who Named It?
  4. 'Ear – Dissector Answers เก็บถาวร 2006-08-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน at University of Michigan Medical School
  5. Page 152 in:Rex S. Haberman (2004). Middle Ear and Mastoid Surgery. New York: Thieme Medical Pub. ISBN 1-58890-173-4.
  6. Leunig, A.; Mees, K. (2008). "Mittelohrbelüftung mit dem Otovent®-Latexmembran- System". Laryngo-Rhino-Otologie. 74 (6): 352–354. doi:10.1055/s-2007-997756. PMID 7662078.
  7. "Middle Ear, Eustachian Tube, Inflammation/Infection Treatment & Management". Medscape. สืบค้นเมื่อ 2014-08-06.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้