ต่ง ปี้อู่
ต่ง ปี้อู่ (จีน: 董必武; พินอิน: Dǒng Bìwǔ; เวด-ไจลส์: Tung Pi-wu; 5 มีนาคม ค.ศ. 1886 – 2 เมษายน ค.ศ. 1975) เป็นนักปฏิวัติคอมมิวนิสต์และนักการเมืองชาวจีนผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่าง ค.ศ. 1972 ถึง 1975
ต่ง ปี้อู่ | |
---|---|
董必武 | |
ประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน รักษาการ | |
ดำรงตำแหน่ง 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1972 – 17 มกราคม ค.ศ. 1975 | |
ก่อนหน้า | หลิว เช่าฉี |
ถัดไป | จู เต๋อ (ในฐานะประธานคณะกรรมการสภาประชาชนแห่งชาติ) หลี่ เซียนเนี่ยน (ในฐานะประธานาธิบดี, 1983) |
รองประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน คนที่ 2 | |
ดำรงตำแหน่ง 27 เมษายน ค.ศ. 1959 – 17 มกราคม ค.ศ. 1975 ดำรงตำแหน่งร่วมกับ ซ่ง ชิ่งหลิง | |
ประธานาธิบดี | หลิว เช่าฉี ว่าง (หลัง 1968) |
ก่อนหน้า | จู เต๋อ |
ถัดไป | โอลางฮู (1983) |
เลขาธิการคณะกรรมการกำกับดูแลส่วนกลาง | |
ดำรงตำแหน่ง 31 มีนาคม ค.ศ. 1955 – 12 สิงหาคม ค.ศ. 1968 | |
ก่อนหน้า | จู เต๋อ |
ถัดไป | เฉิน ยฺหวิน |
ประธานศาลประชาชนสูงสุด | |
ดำรงตำแหน่ง 27 กันยายน ค.ศ. 1954 – 27 เมษายน ค.ศ. 1959 | |
ก่อนหน้า | เฉ่น จฺวินรู่ |
ถัดไป | เซี่ย จฺเว๋ไจ้ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 5 มีนาคม ค.ศ. 1886 หฺวางกัง หูเป่ย์ จักรวรรดิชิง |
เสียชีวิต | 2 เมษายน ค.ศ. 1975 ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน | (89 ปี)
พรรคการเมือง | พรรคคอมมิวนิสต์จีน (1921–1975) |
Dong Biwu | |||||||||
ภาษาจีน | 董必武 | ||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
ชีวิตช่วงต้น
แก้ตง ปี้อู่ เกิดในหฺวางกัง หูเป่ย์ ในครอบครัวเจ้าของที่ดิน และได้รับการศึกษาแบบดั้งเดิม[1] ใน ค.ศ. 1911 เขาเข้าร่วมถงเหมิงฮุ่ย และมีส่วนร่วมในการก่อการกำเริบอู่ชาง ต่อมาใน ค.ศ. 1913 เขาเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยนิฮง ขณะอยู่ที่นั่น เขาได้เข้าร่วมพรรคปฏิวัติจีนที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นของซุน ยัตเซ็น ซึ่งต่อมากลายมาเป็นก๊กมินตั๋ง ใน ค.ศ. 1915 เขากลับมายังประเทศจีนเพื่อจัดตั้งกองกำลังต่อต้านระบอบยฺเหวียน ชื่อไข่ในหูเป่ย์บ้านเกิดของเขา ซึ่งส่งผลให้เขาต้องติดคุกเป็นเวลา 6 เดือน หลังได้รับการปล่อยตัว เขากลับไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาต่อทางด้านกฎหมาย ระหว่าง ค.ศ. 1919 ถึง 1920 เขาอาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสกับลัทธิมากซ์ผ่านกลุ่มปัญญาชนคอมมิวนิสต์ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่หลี่ ฮั่นจฺวิ้น เมื่อกลับมายังหูเป่ย์ เขาได้จัดตั้งกลไกคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ขึ้น และใน ค.ศ. 1921 เขาได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 1 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเป็นตัวแทนจากอู่ฮั่นร่วมกับเฉิน ถานชิว[ต้องการอ้างอิง] เป็นเรื่องบังเอิญที่ต่งเป็นบุคคลคนเดียวนอกเหนือจากเหมา เจ๋อตงที่เข้าร่วมทั้งการประชุมก่อตั้งพรรคและพิธีประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในอีก 28 ปีต่อมา[2]
สมัยปฏิวัติ
แก้ตลอดครึ่งแรกของคริสต์ทศวรรษ 1920 ต่งยังคงเป็นสมาชิกของทั้งก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ อย่างไรก็ตาม เมื่อความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น เขาจึงตัดสินใจเข้าข้างคอมมิวนิสต์ในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 1927 ในท้ายที่สุด หลังการก่อการกำเริบหนานชาง เขาถูกบังคับให้หลบซ่อนตัว โดยเริ่มจากไปหลบภัยที่เกียวโตเป็นเวลา 8 เดือน และจากนั้นจึงเดินทางไปสหภาพโซเวียต ที่นั่นเขาเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติเลนินและมหาวิทยาลัยซุน ยัตเซ็น มอสโก ระหว่าง ค.ศ. 1928 ถึง 1931 เมื่อกลับประเทศจีนใน ค.ศ. 1932 เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวในโซเวียตเจียงซี โดยทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองของสถาบันกองทัพแดงและประธานโรงเรียนพรรค ในช่วงเวลานี้ ต่งเข้าข้างเหมามากกว่าหลี่ ลี่ซานในการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำพรรคของทั้งสองคน ต่อมาเขาได้เข้าร่วมการเดินทัพทางไกล และเมื่อมาถึงเหยียนอาน เขาก็กลับมารับหน้าที่เป็นผู้นำโรงเรียนอีกครั้ง ในช่วงเวลานี้ ต่งเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งใน "ผู้อาวุโสทั้งห้าแห่งเหยียนอาน" (จีน: 延安五老), ร่วมกับหลิน ปั๋วฉฺวี, สฺวี เท่อลี่, อู๋ ยฺวี่จาง และเซี่ย จฺเว๋ไจ
ในช่วงสงครามกับญี่ปุ่น ต่งแบ่งเวลาของเขาระหว่างอู่ฮั่นกับฉงชิ่งเพื่อประสานงานกับรัฐบาลชาตินิยม เนื่องจากเขาเคยเกี่ยวข้องกับก๊กมินตั๋งมาก่อน ใน ค.ศ. 1945 เขาเดินทางไปซานฟรานซิสโกเพื่อเข้าร่วมการประชุมก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ ในฐานะส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนที่นำโดยที.วี. ซ่ง[3] เขาเป็นตัวแทนเพียงคนเดียวของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งคณะกรรมาธิการกลางพรรคได้ระบุวัตถุประสงค์ของการเดินทางไว้ดังนี้: "เพื่อชนะใจมิตรต่างชาติ ปรับปรุงสถานะพรรคในระดับนานาชาติ และเพื่อพยายามอยู่และทำงานในสหรัฐ"[4] หลังการประชุม ต่งใช้เวลาหลายเดือนเดินทางไปทั่วสหรัฐเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการทูตเหล่านี้ เมื่อใกล้จะสิ้นสุดสงครามกลางเมืองใน ค.ศ. 1948 หลังได้รับชัยชนะเด็ดขาดในภาคเหนือ ต่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานรัฐบาลประชาชนจีนเหนือ
สาธารณรัฐประชาชนจีน
แก้ภายหลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ต่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการการเงินและเศรษฐกิจของสภารัฐบาล ใน ค.ศ. 1954 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลประชาชนสูงสุด ด้วยประสบการณ์ก่อนหน้านี้ในด้านการทูตระหว่างประเทศจากการเยือนสหรัฐใน ค.ศ. 1945 ต่งได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเยือนยุโรปตะวันออกและสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1958 ทำให้เขาต้องห่างจากปักกิ่งเป็นเวลาสองเดือน ในระหว่างที่เขาไม่อยู่ งานของศาลประชาชนสูงสุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้รับการตรวจสอบโดยกลุ่มที่นำโดยเผิง เจิน เมื่อกลับมา ต่งต้องพบกับข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่ถูกเปิดเผยโดยการตรวจสอบ ซึ่งเขาต้องรับผิดชอบในการประชุมพิเศษของศาล
ในช่วงต้น ค.ศ. 1959 ต่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองประธานาธิบดีจีนร่วมกับซ่ง ชิ่งหลิง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่กระทั่งเสียชีวิต ในช่วงปลายปีเดียวกันนั้น ต่งได้ปกป้องเผิง เต๋อหวยจากการวิพากษ์วิจารณ์ในการประชุมหลูชาน แต่ก็ยังคงได้รับความโปรดปรานจากเหมา ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ยืนหยัดปกป้องนายพลผู้ถูกตำหนิ ในทำนองเดียวกัน ต่งไม่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองของการปฏิวัติทางวัฒนธรรมในเวลาต่อมา ถึงแม้เขาจะมาจากภูมิหลังที่มีสิทธิพิเศษค่อนข้างมากก็ตาม กลับกัน เขากลับมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนมากขึ้นในช่วงหลายปีที่วุ่นวายเหล่านี้ โดยรับหน้าที่ทางการทูตและพิธีการต่าง ๆ มากมายที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นของหลิว เช่าฉีผู้ถูกกวาดล้าง นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าข้อเท็จจริงที่น่าสนใจนี้ไม่ได้เกิดจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ชาญฉลาด แต่เกิดจากความสัมพันธ์พิเศษระหว่างต่งกับเหมา และทั้งสองก็เข้ากันได้ดีมาตลอด นับตั้งแต่การพบกันครั้งแรกในการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ใน ค.ศ. 1921[5]
ในช่วงภาวะสุญญากาศทางอำนาจที่เกิดขึ้นหลัlการล่มสลายของหลิน เปียว ต่งได้กลายมาเป็นรักษาการประธานาธิบดีของจีน โดยดำรงตำแหน่งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1972 ถึงมกราคม ค.ศ. 1975 ณ จุดนั้น สำนักงานประธานาธิบดีถูกยุบเลิก และจู เต๋อ ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติในขณะนั้นกลายเป็นประมุขแห่งรัฐอย่างเป็นทางการ ต่งได้รับเลือกให้เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ
ต่งเสียชีวิตที่ปักกิ่งในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 1975 ขณะมีอายุได้ 89 ปี ในคำไว้อาลัยอย่างเป็นทางการของเขา เขาได้รับการบรรยายว่าเป็น "หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน มาร์กซิสต์ผู้ยิ่งใหญ่ นักปฏิวัติชนชั้นกรรมาชีพที่โดดเด่น บิดาผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน" และ "ผู้ก่อตั้งระบบกฎหมายสังคมนิยมของจีน"
ใน ค.ศ. 1991 มีการสร้างรูปปั้นของต่งขึ้นที่จัตุรัสกลางแห่งหนึ่งของอู่ฮั่น ซึ่งก็คือจัตุรัสหงชาน พิพิธภัณฑ์ประจำมณฑลหูเป่ย์เป็นที่เก็บรวบรวมข้าวของส่วนตัวของต่ง
อ้างอิง
แก้- ↑ Bartke, Wolfgang. Who was Who in the People's Republic of China. Vol 1. Munich: K.G. Saur, 1997. p. 85
- ↑ Saich 2020, p. 1.
- ↑ Chai, Winberg (1970). "China and the United Nations: Problems of Representation and Alternatives". Asian Survey. 10 (5): 397–398. doi:10.2307/2642389. ISSN 0004-4687. JSTOR 2642389.
- ↑ Qiang, Zhai. The Dragon, the Lion, and the Eagle: Chinese-British-American Relations, 1949-1958. Kent, OH: Ken State UP, 1994. p. 232, n. 44
- ↑ Song, Yuwu. Ed. Biographical Dictionary of the People's Republic of China. Jefferson, NC: McFarland, 2013. p. 69
บรรณานุกรม
แก้- ไซช์, โทนี (2020). Finding Allies and Making Revolution: The Early Years of the Chinese Communist Party. บอสตัน: บริลล์.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- (ในภาษาจีน) ชีวประวัติของตง ปี้อู่
ก่อนหน้า | ต่ง ปี้อู่ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
วาระในพรรคการเมือง | ||||
สมัยก่อนหน้า หลี่ เหวย์ฮั่น |
ประธานโรงเรียนกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ค.ศ. 1935–1937 |
สมัยต่อมา หลี่ เหวย์ฮั่น | ||
ตำแหน่งทางนิติศาสตร์ | ||||
สมัยก่อนหน้า เฉิ่น จฺวินรู่ |
ประธานศาลประชาชนสูงสุด ค.ศ. 1954–1959 |
สมัยต่อมา เซี่ย จฺเว๋ไจ | ||
ตำแหน่งทางการเมือง | ||||
สมัยก่อนหน้า จู เต๋อ |
รองประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน ค.ศ. 1959–1975 Served alongside: ซ่ง ชิ่งหลิง |
สมัยต่อมา โอลางฮู ยุบเลิกตำแหน่งถึง ค.ศ. 1983 | ||
สมัยก่อนหน้า หลิว เช่าฉี |
ประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน รักษาการ ค.ศ. 1972–1975 |
สมัยต่อมา หลี่ เซียนเนี่ยน ยุบเลิกตำแหน่งถึง ค.ศ. 1983 |