คิลดิสเลิฟ (เพลง)
"คิลดิสเลิฟ" (อังกฤษ: Kill This Love) เป็นเพลงที่บันทึกเสียงโดยเกิร์ลกรุปเกาหลีใต้ แบล็กพิงก์ ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2019 ผ่านสังกัดวายจีและอินเตอร์สโคป เป็นซิงเกิลนำจากอีพีภาษาเกาหลีชุดที่สองในชื่อเดียวกัน เพลงเขียนโดยเท็ดดี พัก และเบกกา บูม และมี อาร์. ที และ 24 ร่วมผลิต ซิงเกิลได้รับการอธิบายว่าเป็นเพลงอิเล็กโทรป็อป เนื้อเพลงเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของผู้หญิงที่จะยุติความสัมพันธ์เป็นพิษ
"คิลดิสเลิฟ" | ||||
---|---|---|---|---|
ซิงเกิลโดยแบล็กพิงก์ | ||||
จากอัลบั้มคิลดิสเลิฟ | ||||
ภาษา |
| |||
วางจำหน่าย | 4 เมษายน ค.ศ. 2019 | |||
แนวเพลง | อิเล็กโทรป็อป[2] | |||
ความยาว | 3:09 | |||
ค่ายเพลง | ||||
ผู้ประพันธ์เพลง | ||||
โปรดิวเซอร์ |
| |||
ลำดับซิงเกิลของแบล็กพิงก์ | ||||
| ||||
มิวสิกวิดีโอ | ||||
"คิลดิสเลิฟ" ที่ยูทูบ |
มิวสิกวิดีโอกำกับโดยซอ ฮย็อน-ซึง และอัปโหลดไปยังช่องยูทูบของแบล็กพิงก์พร้อมกับเพลง หลังจากเผยแพร่ มิวสิกวิดีโอทำลายสถิติยอดผู้ชมมากที่สุดใน 24 ชั่วโมงแรก ด้วยจำนวนผู้ชม 56.7 ล้านครั้ง ในเดือนธันวาคม 2022 วิดีโอนี้มีผู้ชมมากกว่า 1.7 พันล้านครั้ง
ในเชิงพาณิชย์ ซิงเกิลเข้าชาร์ตกว่า 27 ประเทศ ขึ้นสูงสุดอันดับที่สองในเกาหลีใต้และกลายเป็นเพลงแรกของวงที่ติด 50 อันดับแรกในสหรัฐและสหราชอาณาจักร กลายเป็นเพลงเคป็อปหญิงที่ทำอันดับสูงสุดบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ในขณะนั้น และยังได้รับการรับรองระดับทองคำในฝรั่งเศสและญี่ปุ่น และระดับเงินในสหราชอาณาจักร
เบื้องหลังและการออกจำหน่าย
แก้ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2019 ยัง ฮย็อน-ซ็อก ผู้บริหารของวายจีประกาศว่า แบล็กพิงก์ถูกกำหนดให้กลับมาพร้อมกับอีพีในเดือนมีนาคม[3] ชื่อซิงเกิลและอีพีได้รับการประกาศในวันที่ 25 มีนาคม[4] ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 1 เมษายน มีการเผยแพร่ภาพทีเซอร์ของแต่ละคนผ่านบัญชีสื่อสังคมของพวกเธอ[5] เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม มีการประกาศว่าแบล็กพิงก์จะเผยแพร่อีพี คิลดิสเลิฟ ฉบับภาษาญี่ปุ่นในวันที่ 11 กันยายน 2019[6] แต่ถูกเลื่อนออกมาจนถึงวันที่ 16 ตุลาคม 2019[7] บันทึกการแสดงสดของ "คิลดิสเลิฟ" ฉบับภาษาญี่ปุ่นถูกบันทึกที่โตเกียวโดมเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2019 ซึ่งรวมอยู่ในอัลบั้มบันทึกการแสดงสดชุดที่สามของวง แบล็กพิงก์ 2019–2020 เวิลด์ทัวร์อินยัวร์แอเรีย – โตเกียวโดม ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2020 ผ่านยูนิเวอร์แซลมิวสิกเจแปน[8]
การวางองค์ประกอบเพลง
แก้"คิลดิสเลิฟ" เขียนโดยเท็ดดี พัก และเบกกา บูม และมี อาร์. ที และ 24 ร่วมผลิต ด้านเนื้อเพลงพูดถึง "การเลิกรา"[9] "คิลดิสเลิฟ" เป็นเพลงอิเล็กโทรป็อป มีการใช้เครื่องเป่าทองเหลืองบรรเลงพร้อมกับองค์ประกอบของแทร็ป[10][11] อันประกอบด้วย "เสียงฮอร์นดังกึกก้องและเพอร์คัชชันที่ฮึกเหิม"[12]
มิวสิกวิดีโอ
แก้มิวสิกวิดีโอกำกับโดยซอ ฮย็อน-ซึง ถ่ายทำในช่วงกลางเดือนมีนาคม[13] หลังจากมิวสิกวิดีโอถูกเผยแพร่ "คิลดิสเลิฟ" กลายเป็นวิดีโอเคป็อปที่มียอดกดถูกใจเร็วที่สุดและมีจำนวนผู้ชมเร็วที่สุดบนยูทูบ ด้วยจำนวน 1 ล้านถูกใจใน 28 นาที และจำนวนผู้ชม 56.7 ล้านครั้งใน 24 ชั่วโมงแรกหลังจากเผยแพร่ กลายเป็นวิดีโอยูทูบที่มียอดผู้ชมมากที่สุดใน 24 ชั่วโมงแรก[14][10][15][16] นอกจากนั้นยังเป็นวิดีโอที่มีจำนวนผู้ชม 100 ล้านครั้งบนยูทูบเร็วที่สุด โดยใช้เวลา 2 วัน กับ 14 ชั่วโมง ทำลายสถิติเดิมของไซ กับเพลง "เจนเทิลแมน" ในปี 2013[17] อีกทั้งยังสร้างสถิติเป็นวิดีโอรอบปฐมทัศน์ที่มีจำนวนผู้รับชมพร้อมกัน 979,000 คน[18]
อ้างอิง
แก้- ↑ Kelley, Caitlin (April 4, 2019). "How BLACKPINK's 'Kill This Love' Reflects Their Ambitions For A US Crossover". Genius. สืบค้นเมื่อ April 4, 2019.
- ↑ Herman, Tamar (April 4, 2019). "Blackpink Unveil Fierce 'Kill This Love' Video: Watch". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-17. สืบค้นเมื่อ April 4, 2019.
- ↑ "YG's Yang Hyun-suk Announces, "Blackpink to Make Comeback on March with Mini Album"". YG Life. February 8, 2019. สืบค้นเมื่อ April 8, 2019.
- ↑ Benjamin, Jeff (March 25, 2019). "Blackpink Announce New Single & EP 'Kill This Love'". Billboard. สืบค้นเมื่อ April 4, 2019.
- ↑ Benjamin, Jeff (April 2, 2019). "Blackpink Unleash Fierce, Individual 'Kill This Love' Teaser Videos: Watch". Billboard. สืบค้นเมื่อ April 4, 2019.
- ↑ Blackpink、世界配信されたミニAl [Kill This Love] の日本盤が9/11リリース [Blackpink releases Japanese version of Mini album [Kill This Love] worldwide on 9/11]. Billboard Japan (ภาษาญี่ปุ่น). July 26, 2019. สืบค้นเมื่อ August 13, 2020.
- ↑ "Blackpink – Kill This Love–JP Ver.–" (ภาษาญี่ปุ่น). Universal Music Japan. October 16, 2019. สืบค้นเมื่อ August 13, 2020 – โดยทาง Oricon.
- ↑ "Blackpink 2019-2020 World Tour in Your Area – Tokyo Dome" (ภาษาญี่ปุ่น). Universal Music Japan. May 6, 2020. สืบค้นเมื่อ September 14, 2020 – โดยทาง Oricon.
- ↑ Vincent, Brittany (April 4, 2019). "Blackpink's 'Kill This Love' Music Video Belongs in a Museum". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-05. สืบค้นเมื่อ April 4, 2019.
- ↑ 10.0 10.1 Herman, Tamar (April 4, 2019). "Blackpink Unveil Fierce 'Kill This Love' Video: Watch". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-17. สืบค้นเมื่อ April 4, 2019.
- ↑ Kim, Michelle (April 11, 2019). "Blackpink – Kill This Love EP: The K-pop girl group's enjoyable but weirdly dated EP offers a mishmash of EDM styles ahead of their big Coachella debut". Pitchfork. สืบค้นเมื่อ May 5, 2019.
- ↑ J.M.K. (December 29, 2019). "The 25 Best K-pop Songs of 2019: Critics' Picks". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 30, 2019.
- ↑ "YG 측 "블랙핑크 이번주 신곡 MV 촬영, 정확한 컴백일 발표 어려워" (공식입장)" [YG's representative "Black Pink is shooting the music video for the new song, it's difficult to determine an exact release date"]. Newsen (ภาษาเกาหลี). March 18, 2019. สืบค้นเมื่อ April 8, 2019 – โดยทาง Naver.
- ↑ Shaffer, Claire (April 4, 2019). "Watch Blackpink's Genre-Mashing 'Kill This Love' Video". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-16. สืบค้นเมื่อ April 4, 2019.
- ↑ Cusumano, Katherine (April 5, 2019). [https:www.wmagazine.com/story/blackpink-music-video-record/amp "How Blackpink Became Poised to Usurp BTS As the Global Face of K-Pop"]. W Magazine. สืบค้นเมื่อ April 7, 2019.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่า|url=
(help) - ↑ Hicap, Jonathan (April 8, 2019). "BLACKPINK's 'Kill This Love' MV sets new YouTube record". Manila Bulletin. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-08. สืบค้นเมื่อ April 8, 2019.
- ↑ Ting, Jasmine (April 7, 2019). "BLACKPINK Just Smashed a World Record". PaperMag. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-07. สืบค้นเมื่อ April 7, 2019.
- ↑ Herman, Tamar (April 7, 2019). "BLACKPINK's 'Kill This Love' Video Sets Record for Biggest YouTube Premiere Event". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-07. สืบค้นเมื่อ April 7, 2019.