โยโชกุ
โยโชกุ (ญี่ปุ่น: 洋食; โรมาจิ: yōshoku, "อาหารตะวันตก") เป็นอาหารญี่ปุ่นรูปแบบหนึ่งซึ่งได้รับอิทธิพลจากตะวันตก กำเนิดขึ้นครั้งแรกในยุคฟื้นฟูเมจิ เป็นอาหารลูกผสมระหว่างญี่ปุ่นกับตะวันตก หรือเป็นอาหารตะวันตกแบบญี่ปุ่น ชื่ออาหารมักเขียนด้วยอักษรคาตากานะ
ประวัติ
แก้ญี่ปุ่นเปิดประเทศอีกครั้งในยุคแรกของการฟื้นฟูเมจิ (ค.ศ. 1868–1912) และจักรพรรดิเมจิมีพระราชกระแสว่าวิทยาการของตะวันตกมีประโยชน์ยิ่งต่อการพัฒนาชาติญี่ปุ่น ทรงยกเลิกการห้ามใช้เนื้อแดงและส่งเสริมอาหารอย่างตะวันตก ด้วยทรงมองว่าอาหารนี้จะทำให้คนญี่ปุ่นได้มีร่างกายสูงใหญ่อย่างชาวตะวันตก โยโชกุจึงมีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลักต่างจากอาหารญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไปในยุคนั้น นอกจากนี้ชาวตะวันตกที่เข้ามาพำนักในประเทศญี่ปุ่นมักปฏิเสธที่จะรับประทานอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม พ่อครัวชาวญี่ปุ่นจึงต้องเรียนรู้การทำอาหารแบบตะวันตกควบคู่กับการทำอาหารแบบญี่ปุ่น[1]
ชื่อ โยโชกุ ถูกเรียกครั้งแรกใน ค.ศ. 1872[2] เดิมหมายถึงอาหารตะวันตก แต่ในคริสต์ทศวรรษ 1980 ผู้คนแยกแยะ โยโชกุ กับอาหารยุโรปออกจากกัน เพราะในช่วงเวลานั้นเริ่มมีภัตตาคารอาหารยุโรปแท้ ๆ (ที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากอาหารญี่ปุ่น) เปิดให้บริการแพร่หลายขึ้น[3]
คานางากิ โรบุง (仮名垣魯文) นักเขียนชาวญี่ปุ่น ได้เขียนหนังสื่อชื่อ เซโยเรียวริตซือ (แปลว่า "คู่มืออาหารตะวันตก") เมื่อ ค.ศ. 1872[4] ซึ่งคำ เซโยเรียวริ ส่วนใหญ่จะแปลว่าอาหารฝรั่งเศสและอิตาลี ขณะที่ โยโชกุ แปลว่าอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ต่างจาก วาโชกุ ซึ่งเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม[5] ความต่างกันอีกประการคือ เซโยเรียวริ จะใช้มีดและส้อมในการรับประทานอาหาร ส่วน โยโชกุ จะรับประทานโดยใช้ช้อนและตะเกียบ[5]
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นเคยได้รับอิทธิพลจากอาหารตะวันตกมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 คือ เท็มปูระ ที่ได้รับอิทธิพลจากชาวโปรตุเกสในเมืองนางาซากิ[6] ซึ่งอาจจะนับว่าเป็นโยโชกุหรือไม่ก็ได้ เพราะเท็มปูระมีมาก่อนการฟื้นฟูเมจิเสียอีก
อาหารโยโชกุบางอย่างต้องรับประทานด้วยช้อน เช่น กะหรี่ (カレー) รับประทานกับขนมปังหรือข้าวสวย (ライス) ชื่ออาหารถูกเขียนด้วยอักษรคาตากานะเพื่อบ่งว่าเป็นอาหารต่างชาติ อาหารบางชนิดถูกจัดเป็นสำรับแบบญี่ปุ่น คือเสิร์ฟพร้อมด้วยข้าวและซุปมิโซะ รับประทานด้วยตะเกียบ แต่อาหารอีกชนิดคือ คัตสึ (かつ) ในสำรับประกอบด้วยข้าวสวย (ご飯) พร้อมกับซอสแบบญี่ปุ่น เช่นพนซุและหัวไชเท้าขูดแทนซอสคัตสึ รับประทานด้วยตะเกียบเช่นกัน แต่ชื่ออาหารนี้ถูกเขียนด้วยอักษรฮิรางานะ เพราะเป็นคำญี่ปุ่นพื้นเมือง
รายการอาหาร
แก้ชื่ออาหาร | ชื่อญี่ปุ่น | โรมาจิ | ทับศัพท์ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|
คัสเตลลา | カステラ | kasutera | คาซูเตระ | |
แกงกะหรี่ญี่ปุ่น | カレー | karē | คาเร | |
ข้าวราดแกงกะหรี่ | カレーライス | karē raisu | คาเรไรซุ | |
ฮายาชิไรซ์ | ハヤシライス | hayashi raisu | ฮายาชิไรซุ | |
ครีมสตู | クリームシチュー | kurīmu shichū | คูรีมุชิจู | |
นิกูจางะ | 肉じゃが | nikujaga | นิกูจางะ | สตูเนื้อและมันฝรั่ง |
โครกเกะ | コロッケ | korokke | โครกเกะ | |
ไก่นัมบัง | チキン南蛮 | chikin nanban | ชิกิงนัมบัง | |
ปีรอจกี | ピロシキ | piroshiki | พิโรชิกิ | |
หอยนางรมทอด | カキフライ | kakifurai | คากิฟูไร | |
กุ้งทอด | エビフライ | ebifurai | เอบิฟูไร | |
สเต๊กเนื้อ | ビーフステーキ | bīfusutēki | บีฟูซูเตกิ | สเต๊กเนื้อกับซอสแบบญี่ปุ่น |
นาโปริตัง | ナポリタン | Naporitan | นาโปริตัง | สปาเกตตีซอสมะเขือเทศ |
สปาเกตตีไข่ปลาค็อด | たらこスパゲッティ | tarakosupagetti | ทาราโกซูปาเก็ตติ | |
สปาเกตตีเห็ดญี่ปุ่น | 和風きのこスパゲッティ | wafu kinoko supagetti | วาฟุคิโนโกะซูปาเก็ตติ | สปาเกตตีซอสเห็ด |
สปาเกตตีอังกาเกะ | あんかけスパゲッティ | ankake supagetti | อังกาเกะซูปาเก็ตติ | สปาเกตตีซอสเผ็ดเหนียว |
สปาเกตตีนัตโต | 納豆スパゲティ | nattō supagetti | นัตโตซูปาเก็ตติ | สปาเกตตีถั่วเหลืองหมัก |
สปาเกตตีซันไซ | 山菜スパゲティ | sansai supagetti | ซันไซซูปาเก็ตติ | สปาเกตตีพืชป่า |
สปาเกตตีปลาโอ | ツナスパゲティ | tuna supagetti | ทูนะซูปาเก็ตติ | |
สปาเกตตีมิโซเระ | みぞれスパゲティ | mizore supagetti | มิโซเระซูปาเก็ตติ | สปาเกตตีหัวไชเท้า |
ทงกัตสึ | 豚カツ | tonkatsu | ทงกัตสึ | |
เม็นจิกัตสึ | メンチカツ | menchi-katsu | เม็นจิกัตสึ | เนื้อชุบเกล็ดขนมปังทอด |
โอมุไรซ์ | オムライス | omu-raisu | โอมูไรซุ | ข้าวผัดห่อไข่ |
สเต๊กฮัมบวร์ค | ハンバーグ | hanbāgu | ฮัมบางุ | |
มิกซ์แซนด์ | ミックスサンド | mikkusu sando | มิกกูซุซันโดะ | แซนด์วิชไส้สลัดไข่ แฮม และเนื้อชุบแป้งทอด |
กราแต็ง | グラタン | guratan | กูราตัง | |
โดเรีย | ドリア | doria | โดริอะ | ข้าวพิลาฟย่างกับซอสเบชาแมลและชีส |
อ้างอิง
แก้- ↑ Farley, David (15 July 2020). "Japan's surprising 'Western' cuisine". BBC News. สืบค้นเมื่อ 15 July 2020.
- ↑ Nancy K. Stalker (2018). Devouring Japan: Global Perspectives on Japanese Culinary Identity. Oxford University Press. p. 171. ISBN 978-0-19-024040-0.
- ↑ Norimitsu Onishi (2008-03-26). "Spaghetti Stir-Fry and Hambagoo: Japan Looks West". New York Times. สืบค้นเมื่อ 2008-09-11.
- ↑ "西洋料理通. 巻上,附録 / 仮名垣魯文 編 ; 暁斎 画".
- ↑ 5.0 5.1 Aoki Yuriko (12 November 2019). "Yōshoku: A Japanese Take on Western-Style Cuisine Culture Food and Drink Guide to Japan". nippon.com. สืบค้นเมื่อ 12 May 2020.
- ↑ Peter Hum (15 August 2019). "What makes restaurant food 'authentic,' and who gets to decide?". Ottawa Citizen. สืบค้นเมื่อ 12 May 2020.