โซฟี โดโรเทอา แห่งฮันโนเฟอร์
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
โซฟี โดโรเทอา แห่งฮันโนเฟอร์ (Sophia Dorothea of Hanover) (16 มีนาคม ค.ศ. 1687 – 28 มิถุนายน ค.ศ. 1757) เป็นเจ้าหญิงชาวเยอรมันผู้กลายเป็น สมเด็จพระราชินีแห่งปรัสเซีย เธอเป็นพระราชินีของ พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 1 แห่งปรัสเซีย (Frederick William I of Prussia) หรือที่รู้จักกันในนาม "กษัตริย์ทหาร" (Soldier King) และเป็นพระมารดาของหนึ่งในกษัตริย์ที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป นั่นคือ พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 มหาราช (Frederick II the Great) หรือ ฟรีดริชผู้ยิ่งใหญ่
โซฟี โดโรเทอา แห่งฮันโนเฟอร์ | |
---|---|
สมเด็จพระราชินีแห่งปรัสเซีย เจ้าหญิงผู้คัดเลือกแห่งบรันเดินบวร์ค | |
![]() สมเด็จพระราชินีโซฟี โดโรเทอา แห่งปรัสเซีย | |
สมเด็จพระราชินีในปรัสเซีย พระชายาในเจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งบรันเดินบวร์ค | |
ดำรงพระยศ | 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1713 – 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1740 |
ประสูติ | 16 มีนาคม ค.ศ. 1687 ฮันโนเฟอร์ ราชอาณาจักรฮันโนเฟอร์ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ |
สวรรคต | 28 มิถุนายน ค.ศ. 1757 พระราชวังมงบีฌู เบอร์ลิน ราชอาณาจักรปรัสเซีย | (70 ปี)
ฝังพระศพ | อาสนวิหารเบอร์ลิน เบอร์ลิน |
พระสวามี | พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 1 แห่งปรัสเซีย |
พระราชบุตร |
|
ราชวงศ์ | โฮเฮนโซลเลิร์น ฮันโนเฟอร์ |
พระราชบิดา | พระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่ |
พระราชมารดา | โซฟี โดโรเทอา แห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค |
ศาสนา | ลูเทอรัน |
ชาติกำเนิดและพระชนม์ชีพช่วงต้นที่แสนท้าทาย
แก้โซฟี โดโรเทอา ประสูติที่ ฮันโนเฟอร์ (Hannover) เธอเป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียวของ เจ้าชายเกออร์ก ลูทวิช แห่งฮันโนเฟอร์ (George Louis of Hanover) ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่ (George I of Great Britain) และ โซฟี โดโรเทอา แห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค (Sophie Dorothea of Brunswick-Lüneburg) หรือที่รู้จักกันในนาม "เจ้าหญิงแห่งอาลเดิน" (Princess of Ahlden) ผู้มีชะตากรรมอันน่าเศร้า พระองค์มีพระเชษฐาเพียงคนเดียว คือ เจ้าชายเกออร์ก ออกัสตัส (George Augustus) ซึ่งต่อมาคือ พระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่ (George II of Great Britain)
ชีวิตในวัยเด็กของโซฟี โดโรเทอา ต้องเผชิญกับความวุ่นวายในครอบครัวอย่างรุนแรง พ่อแม่ของเธอมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดและทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การหย่าร้าง ในปี ค.ศ. 1694 และการที่พระมารดาของเธอถูกคุมขังตลอดชีวิตที่ปราสาทอาลเดิน เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจิตใจของเธอ โซฟี โดโรเทอาจึงถูกเลี้ยงดูโดยพระอัยยิกา (ย่า) คือ โซฟีแห่งฮันโนเฟอร์ (Sophia of Hanover) ซึ่งเป็นสตรีที่ฉลาดหลักแหลม มีการศึกษาดี และมีแนวคิดเสรีนิยมทางปัญญาอย่างมาก พระอัยยิกาทรงปลูกฝังความสนใจในศิลปะ วรรณกรรม ปรัชญา และวิทยาศาสตร์ให้กับโซฟี โดโรเทอา ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าที่ช่วยหล่อหลอมบุคลิกและสติปัญญาของเธอ
การอภิเษกสมรสและชีวิตราชสำนักปรัสเซียที่แตกต่าง
แก้ในวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1706โซฟี โดโรเทอา ทรงอภิเษกสมรสกับ เจ้าชายฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม ซึ่งเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งและพระโอรสของพระราชินีโซฟี ชาร์ล็อทเทอ ผู้เป็นเพื่อนสนิทของพระอัยยิกาของเธอเอง การอภิเษกสมรสนี้เป็นการรวมราชวงศ์สำคัญของเยอรมนีสองสายเข้าด้วยกัน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1713 เจ้าชายฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม ได้ขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 1 แห่งปรัสเซีย ทำให้โซฟี โดโรเทอา กลายเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งปรัสเซีย
ชีวิตสมรสของทั้งคู่เต็มไปด้วยความแตกต่างอย่างสุดขั้ว พระสวามีของเธอเป็นที่รู้จักจากความมักง่าย ความเข้มงวด การมุ่งเน้นแต่เรื่องการทหาร และความรังเกียจวัฒนธรรมหรูหราแบบฝรั่งเศสอย่างรุนแรง ซึ่งตรงข้ามกับความสนใจในศิลปะ ดนตรี และการสนทนาทางปัญญาของโซฟี โดโรเทอา อย่างสิ้นเชิง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงมักตึงเครียดและมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพระราชินีพยายามปกป้องและส่งเสริมพรสวรรค์ทางศิลปะและปัญญาของพระโอรสอย่าง เจ้าชายฟรีดริช จากความกดดันของพระบิดา
พระราชโอรส-ธิดา
แก้
บทบาทพระมารดาและการปกป้อง "ฟรีดริชผู้ยิ่งใหญ่"
แก้บทบาทของ โซฟี โดโรเทอา แห่งฮันโนเฟอร์ ในฐานะพระมารดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพระโอรสองค์โตของเธอ เจ้าชายฟรีดริช ผู้ซึ่งต่อมาจะกลายเป็น พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 มหาราช นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดและเต็มไปด้วยความท้าทาย พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 1 แห่งปรัสเซีย พระสวามีของโซฟี โดโรเทอา ทรงเป็น "กษัตริย์ทหาร" ผู้ที่หลงใหลในระเบียบวินัยทางทหารและรังเกียจกิจกรรมทางศิลปะ ปรัชญา วรรณคดี และภาษาฝรั่งเศสอย่างรุนแรง ซึ่งทรงมองว่าเป็นสิ่งไร้สาระ พระองค์คาดหวังให้ฟรีดริชเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ที่มีคุณสมบัติเป็นทหารโดยสมบูรณ์ และมักใช้การลงโทษที่รุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อบังคับให้พระโอรสเป็นไปตามที่ทรงต้องการ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบิดากับโอรสเต็มไปด้วยความขัดแย้งรุนแรง การดูถูกเหยียดหยาม และความหวาดกลัว
ท่ามกลางความตึงเครียดอันแสนสาหัสนี้ โซฟี โดโรเทอา คือผู้สนับสนุนที่มั่นคงที่สุดของเจ้าชายฟรีดริช เธอแตกต่างจากพระสวามีอย่างสิ้นเชิง ด้วยความเฉลียวฉลาดและความรักในศิลปะที่ได้รับสืบทอดมาจากพระอัยยิกาของเธอ เธอเข้าใจในธรรมชาติที่ละเอียดอ่อนและพรสวรรค์อันโดดเด่นของพระโอรส แทนที่จะบังคับให้ฟรีดริชละทิ้งความชอบส่วนตัว เธอกลับพยายามปกป้องและส่งเสริมความหลงใหลในด้านดนตรี (โดยเฉพาะฟลูต) ปรัชญา วรรณคดี และภาษาฝรั่งเศสอย่างลับๆ เธอตระหนักดีว่าการพัฒนาสติปัญญาและศิลปะเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตของพระโอรส แม้จะต้องเสี่ยงต่อความไม่พอใจของพระสวามี โซฟี โดโรเทอา สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการแสดงออกทางศิลปะในพื้นที่ส่วนตัวของเธอภายในพระราชวัง ซึ่งเป็นเหมือนป้อมปราการแห่งเดียวที่ฟรีดริชสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ เธอมักจะจัดให้ฟรีดริชได้มีโอกาสเรียนดนตรีและวรรณคดีอย่างลับๆ โดยเชิญครูสอนพิเศษเข้ามา หรือจัดหาหนังสือและเครื่องดนตรีที่เขาต้องการอย่างรอบคอบ เธอเป็นที่ปรึกษาที่สำคัญที่สุดของฟรีดริชในช่วงเวลาที่ยากลำบากของวัยหนุ่ม คอยปลอบโยน ให้กำลังใจ และเสนอทางออก เมื่อฟรีดริชรู้สึกสิ้นหวังและคิดจะหลบหนี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกือบทำให้เขาและเพื่อนสนิทต้องเผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุด
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกคู่นี้แน่นแฟ้นและลึกซึ้งไปตลอดชีวิตของเธอ แม้หลังจากที่ฟรีดริชได้ขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 มหาราช แล้ว เขาก็ยังคงปรึกษาหารือกับพระมารดาในเรื่องสำคัญๆ อยู่เสมอ และให้ความเคารพรักอย่างสูง เขาเคยเขียนจดหมายถึงเธออย่างสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่ไม่มีวันจางหาย การที่โซฟี โดโรเทอา ยืนหยัดปกป้องและหล่อหลอมพรสวรรค์ของฟรีดริช ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้เขาสามารถพัฒนาศักยภาพอันหลากหลายได้ แม้จะต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากพระบิดา สิ่งนี้เองที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการหล่อหลอมให้ฟรีดริชกลายเป็นกษัตริย์นักปราชญ์ ผู้รอบรู้ในด้านศิลปะ ดนตรี ปรัชญา และยังเป็นแม่ทัพผู้เก่งกาจในเวลาต่อมา มรดกของโซฟี โดโรเทอา จึงไม่ใช่แค่การให้กำเนิดกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นการมอบอิสรภาพทางปัญญาและจิตวิญญาณให้กับเขาในวัยเยาว์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จทั้งหมดของพระองค์
การสิ้นพระชนม์และมรดก
แก้โซฟี โดโรเทอา แห่งฮันโนเฟอร์ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1757 ณ พระราชวังมงบีฌู (Monbijou Palace) ในกรุงเบอร์ลิน สิริพระชนมายุ 70 พรรษา การจากไปของเธอถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของราชสำนักปรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 มหาราช พระโอรสของเธอ
แม้ความสัมพันธ์ของเธอกับพระสวามี พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 1 จะไม่ราบรื่นตลอดชีวิต แต่โซฟี โดโรเทอา กลับได้รับการเคารพอย่างมากจากเหล่าพระโอรสธิดาหลายพระองค์ หลังจากการสวรรคตของพระสวามี ในปี ค.ศ. 1740 และการขึ้นครองราชย์ของพระโอรส เธอได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่พระราชวังมงบีฌู ซึ่งเป็นพระตำหนักส่วนพระองค์ที่เธอสามารถหลีกหนีจากบรรยากาศทางทหารที่เข้มงวดของราชสำนัก และจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและปัญญาตามความสนใจส่วนตัวได้โดยอิสระ
ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 และพระมารดาของพระองค์ยังคงแน่นแฟ้นอย่างไม่เสื่อมคลาย แม้พระองค์จะทรงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่พระราชวังซ็องซูซี (Sanssouci Palace) และทรงแยกกันอยู่กับพระมเหสี แต่พระองค์ก็มักเสด็จเยี่ยมพระมารดาที่มงบีฌูเป็นประจำ และยังคงปรึกษาหารือในเรื่องสำคัญๆ แสดงให้เห็นถึงบทบาทอันทรงอิทธิพลของโซฟี โดโรเทอา ในชีวิตของพระองค์ แม้ในยามที่ทรงเป็นกษัตริย์แล้วก็ตาม
มรดกของโซฟี โดโรเทอา แผ่ขยายในหลายด้าน เธอเป็น ผู้อุปถัมภ์ทางปัญญาและวัฒนธรรม ท่ามกลางราชสำนักปรัสเซียที่พระสวามีเน้นเรื่องการทหาร เธอเป็นผู้เดียวที่รักษาไฟแห่งปัญญาและวัฒนธรรมไว้ เป็นแบบอย่างของเจ้าหญิงผู้มีการศึกษาดี มีรสนิยม และไม่ทอดทิ้งความสนใจในศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม สิ่งเหล่านี้เธอได้ปลูกฝังให้กับพระโอรสธิดาหลายพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 มหาราช นอกจากนี้ การอภิเษกสมรสของพระโอรสธิดาหลายพระองค์ ยังทำให้โซฟี โดโรเทอา มีบทบาททางอ้อมในการสร้าง เครือข่ายราชวงศ์ที่กว้างขวางทั่วยุโรป ตัวอย่างที่โดดเด่นคือพระธิดา ลูอีเซอ อุลรีเคอ ซึ่งได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน
แต่ที่สำคัญที่สุดคือบทบาทของเธอในการ หล่อหลอม "ฟรีดริชผู้ยิ่งใหญ่" การที่เธอยืนหยัดปกป้องและส่งเสริมความสนใจในศิลปะและปัญญาของเจ้าชายฟรีดริช ซึ่งขัดแย้งกับพระประสงค์ของพระบิดาอย่างสิ้นเชิง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟรีดริชสามารถพัฒนาพรสวรรค์และความคิดอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้ เธอเป็นที่พึ่งทางใจและเป็นแรงบันดาลใจให้เขาหลุดพ้นจากกรอบที่เข้มงวด และกลายเป็น "กษัตริย์นักปราชญ์" ผู้ซึ่งเป็นทั้งนักการทหารที่ชาญฉลาดและผู้หลงใหลในศิลปะและปรัชญาอย่างลึกซึ้ง โซฟี โดโรเทอา แห่งฮันโนเฟอร์ จึงเป็นผู้หญิงผู้แข็งแกร่งแต่ก็เปี่ยมด้วยปัญญา ผู้ซึ่งทิ้งร่องรอยอันเด่นชัดไว้ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ยุโรป