แอนดี โกลด์สเวิร์ทธี

แอนดี โกลด์สเวิร์ทธี (อังกฤษ: Andy Goldsworthy) (26 กรกฎาคม ค.ศ. 1956 - ปัจจุบัน) เป็นประติมากร ช่างภาพ และนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม คนสำคัญของอังกฤษที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในสกอตแลนด์ ผู้สร้างงานประติมากรรมประเภทที่เรียกว่าศิลปะเฉพาะที่ และ ธรณีศิลป์[1] ที่จะตั้งอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ งานศิลปะของโกลด์สเวิร์ทธีใช้วัสดุธรรมชาติหรือวัสดุที่พบทั่วไปในการสร้างงานที่อาจจะเป็นทั้งงานชั่วคราวหรืองานที่ถาวรที่มาจากลักษณะและสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ

แอนดี โกลด์สเวิร์ทธี

โกลด์สเวิร์ทธีในเดือนกรกฎาคม 2005
เกิด (1956-07-25) 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1956 (68 ปี)
เชสเชอร์ อังกฤษ
มีชื่อเสียงจากประติมากรรม, ภาพถ่าย
ขบวนการEnvironmental art, ภูมิศิลป์
คู่สมรสJudith Gregson (หย่าร้าง)
คู่รักTina Fiske
บุตร4

ประวัติ

แก้

โกลด์สเวิร์ทธีผู้เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1956 ที่เชสเชอร์[2]ในสหราชอาณาจักรเป็นบุตรของอัลลิน โกลด์สเวิร์ทธี (ค.ศ. 1929–ค.ศ. 2001) อดีตศาสตราจารย์ทางสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ ที่ มหาวิทยาลัยลีดส์ โกลด์สเวิร์ทธีเติบโตขึ้นทางด้านฮาร์โรเกทของลีดส์ในเวสต์ยอรค์เชอร์ ตั้งแต่อายุได้ 13 ปีโกลด์สเวิร์ทธีก็ทำงานในฟาร์ม และมีความเห็นว่าคุณสมบัติของงานประจำที่ซ้ำๆ กันของงานที่เกี่ยวกับการทำฟาร์มก็คล้ายคลึงกันกับกระบวนการสร้างงานประติมากรรม ดังที่กล่าวไว้ว่า “งานส่วนใหญ่ของผมก็คือการขุดเก็บมันฝรั่ง ที่คุณต้องจับจุดให้เข้ากับจังหวะ (rhythm) ของงาน”[3]

โกลด์สเวิร์ทธีศึกษาวิจิตรศิลป์ที่วิทยาลัยศิลปะที่แบรดฟอร์ดระหว่างปี ค.ศ. 1974 ถึงปี ค.ศ. 1975) และที่เพรสตันโพลีเทคนิค ค.ศ. 1975 ถึงปี ค.ศ. 1978[2] จนได้รับปริญญาตรีสาขาศิลปะ[4]

หลังจากจบมหาวิทยาลัยแล้วโกลด์สเวิร์ทธีก็ย้ายไปอยู่ที่ยอร์คเชอร์, แลงคาสเชอร์ และต่อมาคัมเบรีย ในปี ค.ศ. 1985 โกลด์สเวิร์ทธีก็ย้ายไปอยู่ที่แลงโฮล์มที่ ดัมฟรีส์และกาลโลเวย์ในดัมฟรีส์เชอร์ในสกอตแลนด์ และปีต่อมาที่เพนพอนท์ กล่าวกันว่าการย้ายไปทางเหนือขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมีสาเหตมาจาก “วิถีชีวิตที่ไม่อยู่ในความควบคุมของ[โกลด์สเวิร์ทธี]” แต่ก็เป็นเหตุผลบางส่วนที่ประกอบกับความต้องการที่จะไปทำงานในบริเวณที่เหมาะกับ “สถานะทางเศรษฐกิจ”[5]

ในปี ค.ศ. 1993 โกลด์สเวิร์ทธีก็ได้รับปริญญาเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยแบรดฟอร์ด ในปัจจุบันโกลด์สเวิร์ทธีเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์[6]

ในปี ค.ศ. 2001 ทอมัส รีเดิลส์ไฮเมอร์กำกับภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิต, ปรัชญาการสร้างงานศิลปะ และ งานศิลปะโดยโกลด์สเวิร์ทธี ชื่อ “Rivers and Tides[7]

ลักษณะงานศิลปะ

แก้

วัสดุที่โกลด์สเวิร์ทธีใช้ในการสร้างงานศิลปะก็รวมทั้ง ดอกไม้สีสด, ใบไม้, แท่งน้ำค้างแข็งย้อย (icicle), โคลน, ดอกสน (pinecone), หิมะ, หิน, กิ่งไม้ และ หนาม โกลด์สเวิร์ทธีกล่าวว่า

ผมคิดว่าการสร้างงานด้วยดอกไม้และใบไม้และกลีบดอกไม้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมก็ต้องทำ: ผมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ผมใช้ คือผมจะต้องทำงานกับสิ่งที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติ

[8] โกลด์สเวิร์ทธีถือกันว่าเป็นศิลปินผู้ริเริ่มศิลปะการวางหินเชิงสมมาตร (Rock balancing) สมัยใหม่ สำหรับงานศิลปะชั่วเวลาโกลด์สเวิร์ทธีมักจะใช้มือเปล่า, ฟัน หรือหาเครื่องมือง่ายๆ ในการช่วยเตรียมและจัดรูปแบบของงาน แต่ถ้าเป็นงานถาวรเช่น “หลังคา”, “แม่น้ำหิน” หรือ “กองหิน” (Cairn) หรือ “ทางอาบแสงจันทร์” และ “หินชอล์ค” โกลด์สเวิร์ทธีก็อาจจะใช้เครื่องมือไฟฟ้า การสร้างงาน “หลังคา” โกลด์สเวิร์ทธีทำร่วมกับผู้ช่วยและผู้วางกำแพงหินเปลือย (dry-stone waller) เพื่อทำให้สิ่งที่สร้างขึ้นสามารถยืนหยัดต่อสภาวะอากาศและเวลาได้ยืนนาน

ภาพถ่ายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างงานศิลปะของโกลด์สเวิร์ทธี เพราะธรรมชาติของที่สร้างมักจะเป็นงานประเภทที่ “แปรรูป” (transient state) ที่เป็นงานชั่วเวลาที่แปรเปลี่ยนไปทุกขณะที่ทำ เช่นการสร้างงานประติมากรรมด้วยแท่งน้ำค้างแข็งย้อยที่เมื่อสร้างแล้วก็อยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะสลายไป หรือการสร้างกองหินรูปดอกสนตามชายหาดก่อนน้ำขึ้น เมื่อน้ำขึ้นก็จะทลายกองหินที่ทำไว้ ตามความเห็นของโกลด์สเวิร์ทธี “งานแต่ละชิ้นจะเติบโต, คงอยู่, สูญสลายไป – ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร ที่การใช้การถ่ายภาพที่บันทึกให้เห็นถึงจุดที่อิ่มตัวที่มีชีวิตที่สุดของงาน งานตรงจุดสูงสุดเต็มไปด้วยพลังที่ผมหวังว่าจะสามารถแสดงออกได้จากการจับภาพเอาไว้ ส่วนกระบวนการหักพังสูญสลายนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย”[9]

โกลด์สเวิร์ทธีสร้างงานศิลปะเฉพาะที่ชื่อ “Drawn Stone”[10]ที่ได้รับจ้างในสร้างในบริเวณลานหน้าพิพิธภัณฑ์เดอยังในซานฟรานซิสโกในปี ค.ศ. 2005 ซึ่งเป็นงานที่สะท้อนถึงภาวะแผ่นดินไหวและผลที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบริเวณซานฟรานซิสโก งานที่ติดตั้งรวมรอยแยกใหญ่บนทางเดินทีแตกออกเป็นรอยแยกเล็ก และ หินปูนที่แตกกระจัดกระจายที่ใช้เป็นที่นั่งได้ รอยแยกเล็กสร้างโดยการใช้ค้อนทุบซึ่งทำให้รอบแตกเป็นรอยประเภทที่ทำนายไม่ได้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด[11]

รางวัลและอิสริยาภรณ์

แก้
  • ค.ศ. 1979 – North West Arts Award
  • ค.ศ. 1980 – Yorkshire Arts Award
  • ค.ศ. 1981 – Northern Arts Award
  • ค.ศ. 1982 – Northern Arts Award
  • ค.ศ. 1986 – Northern Arts Bursary
  • ค.ศ. 1987 – Scottish Arts Council Award
  • ค.ศ. 1989 – Northern Electricity Arts Award[4]
  • ค.ศ. 2000 – Appointed officer of the Order of the British Empire (OBE)[3]

งานที่ได้รับการตีพิมพ์

แก้
  • Andy Goldsworthy (1985). Rain, Sun, Snow, Hail, Mist, Calm: Photoworks by Andy Goldsworthy. Leeds: Henry Moore Centre for the Study of Sculpture. ISBN 0-901981-24-9.
  • Andy Goldsworthy (1988). Parkland. [Yorkshire]: Yorkshire Sculpture Park. ISBN 1-871480-00-0.
  • Andy Goldsworthy (1989). Touching North. London: Fabian Carlsson. ISBN 0-948274-06-9.
  • Andy Goldsworthy (1989). Leaves. London: Common Ground. ISBN 1-870364-07-4.
  • Andy Goldsworth (1990). Andy Goldsworthy. London: Viking. ISBN 0-670-83213-8. Republished as Andy Goldsworthy (1990). Andy Goldsworthy : A Collaboration with Nature. New York, N.Y.: H. N. Abrams. ISBN 0-8109-3351-9.
  • Andy Goldsworthy (1992). Ice and Snow Drawings : 1990–1992. Edinburgh: FruitMarket Gallery. ISBN 0-947912-06-1.
  • Goldsworthy, Andy; Friedman, Terry (1993). Hand to Earth : Andy Goldsworthy Sculpture, 1976–1990. New York, N.Y.: H. N. Abrams. ISBN 0-8109-3420-5.
  • Andy Goldsworthy (1994). Stone. London: Viking. ISBN 0-670-85478-6.
  • Goldsworthy, Andy; Chettle, Steve; Nesbitt, Paul; Humphries, Andrew (1996). Sheepfolds. London: Michael Hue-Williams Fine Art Ltd.
  • Andy Goldsworthy (1996). Wood. Introduction by Terry Friedman. London: Viking. ISBN 0-670-87137-0.
  • Goldsworthy, Andy; Craig, David (1999). Arch. London: Thames & Hudson. ISBN 0-500-01933-9.
  • Andy Goldsworthy. Chronology by Terry Friedman (2000). Time. London: Thames & Hudson. ISBN 0-500-51026-1.
  • Goldsworthy, Andy; Thompson, Jerry L.; Storm King Art Center (2000). Wall at Storm King. London: Thames & Hudson. ISBN 0-500-01991-6.
  • Andy Goldsworthy. Introduction by Judith Collins (2001). Midsummer Snowballs. London: Thames & Hudson. ISBN 0-500-51065-2.
  • Andy Goldsworthy (2002). Andy Goldsworthy : Refuges D'Art. Lyon; Digne, France: Editions Artha; Musée départemental de Digne. ISBN 2-84845-001-0.
  • Andy Goldsworthy (2004). Passage. London: Thames & Hudson. ISBN 0-500-51191-8.
  • Andy Goldsworthy (2007). Enclosure. London: Thames & Hudson. ISBN 978-0-500-09336-8.
  • Goldsworthy, Andy (2015). Andy Goldsworthy: Ephemeral Works: 2004–2014. New York: Harry N. Abrams. ISBN 978-1419717796.

งานแสดงศิลปะและงานติดตั้ง

แก้
ภาพ ปีสร้าง ชื่องาน ที่ตั้ง
  ค.ศ. 1996–ค.ศ. 2003 Sheepfolds คัมเบรีย, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
22 พฤษภาคม –
15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000
แอนดี โกลด์สเวิร์ทธีที่ศูนย์ศิลปะสตอร์มคิง[12]

(ก่อตั้ง Storm King Wall)

ศูนย์ศิลปะสตอร์มคิง

Mountainville, คอร์นวอลล์, นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา

สิงหาคม ค.ศ. 2001 Stone River[13] ศูนย์ศิลปะแคนเทอร์, มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

สแตนฟอร์ด, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา

สิงหาคม ค.ศ. 2001 Neuberger Cairn
กองหินนิวเบอร์เกอร์
พิพิธภัณฑ์ศิลปะนิวเบอร์เกอร์, สเตทยูนิเวอร์ซิตี้ออฟนิวยอร์กแห่งเพอร์เชส, นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา
  ค.ศ. 2002 Arch at Goodwood[14]
มูลนิธิประติมากรรมคาส

เวสต์ซัสเซ็กซ์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร

ค.ศ. 2002 Chalk Stones Trail เซาธ์ดาวน์ใกล้เวสต์ดีน, เวสต์ซัสเซ็กซ์
4 พฤษภาคม –
31 ตุลาคม ค.ศ. 2004
Andy Goldsworthy on the Roof[15]

(ติดตั้ง Stone Houses)

Iris and B. Gerald Cantor Roof Garden, พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน

นครนิวยอร์ก, นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา

ค.ศ. 2005 Andy Goldsworthy: Early Works[16] , อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
ค.ศ. 2005 Drawn Stone[17] M. H. de Young Memorial Museum

ซานฟรานซิสโก, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา

22 มกราคม –
15 พฤษภาคม 2005
The Andy Goldsworthy Project[18]

(including the installation Roof)[19]

หอศิลป์แห่งชาติ

วอชิงตัน ดี.ซี., สหรัฐอเมริกา

ค.ศ. 2006 Red sandstone wall at the Doerr-Hosier Center[20] สถาบันแอสเพ็น

แอสเพ็น, โคโลราโด, สหรัฐอเมริกา

  31 มีนาคม ค.ศ. 2007 –
6 มกราคม ค.ศ. 2008
Andy Goldsworthy[21] อุทยานประติมากรรมแห่งยอร์คเชอร์

เวคฟิลด์, เวสต์ยอร์คเชอร์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร

ตุลาคม ค.ศ. 2008 Spire[22] Presidio of San Francisco

ซานฟรานซิสโก, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา

มิถุนายน ค.ศ. 2009 Provence art trail[23] โปรวองซ์

ฝรั่งเศส

  ไม่ทราบปี ไม่ทราบชื่อ Royal Botanic Garden Edinburgh

คำกล่าว

แก้

ผมพบว่างานใหม่ๆ ที่พบทำเป็นงานที่น่ากังวล เหมือนกัที่ผมพบว่าธรรมชาติโดยทั่วไปแล้วก็เป็นสิ่งที่น่ากังวล ภูมิทัศน์ที่มักจะคิดว่าสงบ และ สวยงาม ที่เป็นฉากหลังที่เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในวันเสาร์อาทิตย์ก่อนที่จะต้องกลับเข้าไปสู้รบปรบมือกับชีวิตในเมือง แต่ผู้ที่ทำงานกับดินก็จะทราบว่ามิใช่เช่นนั้น ธรรมชาติสามารถเป็นสิ่งที่ทารุณได้ – เอาไม่อยู่ และ ทารุณ และในขณะเดียวกันก็มีความสวยงาม คุณไม่สามารถที่จะก้าวเดินไปไหนมากได้เกินกว่าห้านาทีก่อนที่จะพบกับสิ่งที่เน่าเปื่อยหรือตายไปแล้ว

— แอนดี โกลด์สเวิร์ทธี[8]

ความงามของศิลปะข้อหนึ่งคือความสามารถในการสะท้องชีวิตทั้งชีวิตของศิลปิน สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ใน 30 ปีที่ผ่านมาเริ่มหวนกลับมาบอกว่าผมได้ทำอะไรไปบ้าง และผมก็หวังว่ากระบวนการนี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าผมจะตาย

— แอนดี โกลด์สเวิร์ทธี[8]

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. มะลิฉัตร เอื้ออานันท์. “พจนานุกรมศัพท์ศิลปะ” สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พ.ศ. 2545
  2. 2.0 2.1 Stonard, John Paul (10 December 2000). "Goldsworthy, Andy". Grove Art Online เก็บถาวร 2008-08-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved on 15 May 2007.
  3. 3.0 3.1 Adams, Tim (2007-03-11). "Natural talent". The Observer.
  4. 4.0 4.1 "Andy Goldsworthy (British, 1956)". artnet. สืบค้นเมื่อ 2008-01-31.
  5. "Andy Goldsworthy". Cass Sculpture Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-03-12. สืบค้นเมื่อ 2008-01-31.
  6. Rivers and Tides ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส  . Retrieved on 31 January 2008.
  7. 8.0 8.1 8.2 Sooke, Alastair (2007-03-24). "He's got the whole world in his hands". The Daily Telegraph. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-02-04. สืบค้นเมื่อ 2021-08-11.
  8. "Andy Goldsworthy: Art of nature". ninemsn. 2006-02-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-16. สืบค้นเมื่อ 2007-06-18.
  9. "Andy Goldsworthy: Drawn Stone, 2005". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-14. สืบค้นเมื่อ 2010-01-20.
  10. Sarah Douglas (24 October 2005), In Their Words: James Turrell and Andy Goldsworthy, ARTINFO, สืบค้นเมื่อ 2008-04-16{{citation}}: CS1 maint: date and year (ลิงก์)
  11. "Andy Goldsworthy at Storm King Art Center". Storm King Art Center. 2005-11-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2000-09-29. สืบค้นเมื่อ 2007-06-24.
  12. "Andy Goldsworthy sculpture, Stone River, enters Stanford University's outdoor art collection". Cantor Arts Center, Stanford University. 2001-09-04. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-21. สืบค้นเมื่อ 2008-02-10.
  13. "Andy Goldsworthy: Arch at Goodwood, 2002". Cass Sculpture Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-02-04. สืบค้นเมื่อ 2008-01-30.
  14. "Andy Goldsworthy on the Roof". Metropolitan Museum of Art. 2004. สืบค้นเมื่อ 2007-06-24.
  15. "Andy Goldsworthy : Early Works : Leaves, Twigs, Enormous Snowballs and Icicles... Andy Goldworthy's Sculptures are Inherently Surprising and Beautiful". bbc.co.uk. 2005-05-04. "Andy Goldsworthy : Nature and Art Combine when the Early Works of the Internationally Renowned Artist Andy Goldsworthy come to Fairfields Art Centre in Basingstoke". bbc.co.uk. 2005-09-20.
  16. ""Drawn Stone" on the website of Galerie Lelong, New York City, New York". สืบค้นเมื่อ 2007-06-24.
  17. "The Andy Goldsworthy Project : 22 January – 15 May 2005". National Gallery of Art. 2005. สืบค้นเมื่อ 2007-06-24.
  18. "Andy Goldsworthy : Roof". National Gallery of Art. สืบค้นเมื่อ 2007-06-24.
  19. Oksenhorn, Stewart (2006-09-23). "A Wall of Integration, Not Division". Aspen Times Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-30. สืบค้นเมื่อ 2010-01-20.
  20. Calton, Gary (photographer) (2007-03-11). "Andy Goldsworthy at the Yorkshire Sculpture Park". The Observer. "Andy Goldsworthy". Yorkshire Sculpture Park. สืบค้นเมื่อ 2007-06-24.
  21. ""Spire" by Andy Goldsworthy". The Presidio Trust. 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-12. สืบค้นเมื่อ 22 July 2009.
  22. ""Provence art trail" by Andy Goldsworthy". 2009. สืบค้นเมื่อ 31 August 2009.

ข้อมูลเพิ่มเติม

แก้

บทความ:

หนังสือ:

  • Malpas, William (1995). Andy Goldsworthy: Touching Nature. Kidderminster: Crescent Moon. ISBN 1-86171-049-6.
  • Malpas, William (1998). The Art of Andy Goldsworthy. Kidderminster: Crescent Moon. ISBN 1-86171-032-1.
  • Malpas, William (2003). Andy Goldsworthy in Close-Up. Maidstone, Kent: Crescent Moon. ISBN 1-86171-050-X.
  • Malpas, William (2008). Andy Goldsworthy: Pocket Guide. Maidstone, Kent: Crescent Moon. ISBN 978-1-86171-241-7.

ภาพยนตร์/สารคดี

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้

  วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ แอนดี โกลด์สเวิร์ทธี

ทั่วไป:

ศิลปะ: