เอด้า วอง (ญี่ปุ่น: Ada Wongโรมาจิエイダ・ウォンทับศัพท์: Eida Won) เป็นตัวละครสมมุติจากแฟรนไชส์สยองขวัญ เรซิเดนต์อีวิล (ไบโอฮาซาร์ด ในญี่ปุ่น) เธอเป็นตัวเอกปฏิลักษณ์ที่ลึกลับและคลุมเครือ ทำงานให้กับปฏิปักษ์ในเรื่องแต่ก็ช่วยเหลือตัวเอก ลีออน เอส. เคนเนดี ปรากฏตัวครั้งแรกเป็นตัวละครสนับสนุนในเกมเรซิเดนต์อีวิล 2 ในปี พ.ศ. 2542 ต่อมาปรากฏเป็นตัวละครที่ผู้เล่นเล่นได้หรือในบทบาทช่วยเหลือในเกมเรซิเดนต์อีวิล 4, เรซิเดนต์อีวิล: ดิอัมเบรลลาโครนิเคิลส์, เรซิเดนต์อีวิล:ดาร์กไซด์โครนิเคิลส์, เรซิเดนต์อีวิล: โอเปอเรชันแรคคูนซิตี และเรซิเดนต์อีวิล 6 รวมถึงในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องเรซิเดนต์อีวิล: แดมเนชัน สำหรับภาพยนตร์ฉบับคนแสดงเรื่องแรก เอด้าปรากฏในเรื่องเรซิเดนต์อีวิล: เรทริบิวชัน

เอดา วอง
ตัวละครใน เรซิเดนต์อีวิล
เอดา วอง จากเรซิเดนต์อีวิล
ปรากฏครั้งแรกเรซิเดนต์อีวิล 2
แสดงโดยหลี่ ปิงปิง (ผีชีวะ 5 สงครามไวรัสล้างนรก)
จับการเคลื่อนไหวMayuko Maruoka (RE4)[1]
Jolene Anderson (Damnation)
Michelle Lee (RE6)
เสียงอังกฤษSally Cahill (RE2, RE4, The Darkside Chronicles)
Megan Hollingshead (The Umbrella Chronicles)
Courtenay Taylor (Operation Raccoon City, Damnation, RE6)
ข้อมูลตัวละครในเกม
สัญชาติChinese-American

ประวัติตามท้องเรื่อง

แก้

ไม่มีใครรู้แน่ชัดนักเกี่ยวกับที่มาหรือแรงจูงใจของเอด้า วอง ทราบกันแต่เพียงว่าเธอทำงานเป็นสายลับให้กับองค์กรคู่แข่งของบริษัทอัมเบรลล่า ซึ่งมักเรียกเป็นองค์กร โดยมีวัตถุประสงค์ในการหาอาวุธชีวภาพทุกประเภทตลอดจนชิ้นงานต่างๆ เธอยังได้ฝึกฝนวิชาสังหาร ซึ่งมีความเชี่ยวชาญวิชาการต่อสู้กับเทคนิคการใช้อาวุธหลายแบบ มีความเป็นไปได้ว่าเอด้าได้เข้าร่วมองค์กรด้วยเหตุผลส่วนตัวมากกว่าเพื่อประโยชน์ขององค์กร แต่เธอก็ยังไม่เปิดเผยวัตถุประสงค์ให้พวกเขาได้รับทราบ

เอด้า วอง มีตัวตนอยู่ในเกมตั้งแต่ภาคแรก โดยปรากฏเพียงชื่อและนามสกุลในเอกสารข้อมูลฉบับหนึ่งในเกม ระบุไว้ว่าเป็นแฟนสาวของหนึ่งในนักวิจัยที่ชื่อจอห์น โดยเอกสารแผ่นนั้นบอกใบ้เพียงว่าจอห์นไม่อาจมีชีวิตรอดจากเหตุการณ์เชื้อไวรัสระบาดไปได้ และได้ใช้ชื่อของแฟนสาวเป็นรหัสสำหรับปลดล็อกห้องวิจัย

เอด้าปรากฏโฉมจริงๆครั้งแรกในเกมภาคสอง ในบทบาทของตัวละครสมทบให้กับลีออน สก็อตต์ เคนเนดี้ ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในลานจอดรถของสถานีตำรวจ ซึ่งเอด้าบอกลีออนว่าเธอเดินทางมาตามหาแฟนหนุ่มที่เสียชีวิต ทั้งคู่ช่วยเหลือกันและกันระหว่างเอาตัวรอดจากสถานการณ์ในเมือง จนเกิดตกหลุมรักกันขึ้นมา แต่แล้วในภายหลังเอด้าก็เปิดเผยว่าตนเป็นสายลับจากบริษัทไม่เปิดเผยชื่อแห่งหนึ่งที่แฝงตัวเข้ามาชิงตัวอย่าง G-Virus ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และเธอตีสนิทกับลีออนเพียงเพื่อเป็นทางผ่านเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของเกม เอด้าเสียท่าถูกยิงตกลงจากระเบียงห้องวิจัย ซึ่งลีออนคว้ามือไว้ได้และสัญญาจะพาหนีไปจากเมืองนี้ แต่เอด้าไม่อยากเป็นตัวถ่วงลีออนอีกต่อไป เธอจึงสารภาพว่า สุดท้ายแล้วเธอก็รักลีออนจริงๆ ก่อนจะปล่อยมือตกลงไปด้านล่าง และหายสาบสูญไปนับแต่นั้น

เอด้าปรากฏตัวอีกครั้งในเกมภาค 4 ในฐานะสปายที่ทำงานให้กับอัลเบิร์ต เวสเกอร์ เพื่อมาแย่งชิงตัวอย่างปรสิตลาส พลากัส ในครั้งนี้เธอจึงมีบทบาทเป็นคู่แข่งของลีออน ซึ่งเธอก็ได้ช่วยเขาไว้หลายครั้งระหว่างภารกิจ และในตอนท้ายเธอก็ชิงตัวอย่างปรสิตไปได้สำเร็จ แลกกับการให้กุญแจเจ็ตสกีสำหรับลีออนหนีออกมาจากเกาะที่กำลังจะระเบิด

ในเกม Resident Evil : The Umbrella Chronicle ได้บรรจุเนื้อหาส่วนหนึ่งในเกมภาค 2 ไว้ เป็นเรื่องราวที่เปิดเผยว่าเอด้ารอดชีวิตจากการถูกยิงตกจากห้องวิจัยมาได้อย่างไร โดยเกมเปิดฉากขึ้นที่เอด้าที่กำลังบาดเจ็บสาหัส แต่ต้องเอาชีวิตรอดจากฝูงซอมบี้ในเมืองมาให้ได้ ซึ่งความแข็งแกร่งของเอด้าในครั้งนี้อยู่ในสายตาของอัลเบิร์ต เวสเกอร์โดยตลอด ทำให้เขาสนใจชวนเธอมาทำงานด้วยกันในฐานะสปาย และมอบปืนยิงสลิงสารพัดประโยชน์ไว้ให้ ทำให้เอด้ารอดชีวิตจากเมืองแรคคูนซิตี้มาได้

ในเกมส์ Resident evil 6 ซึ่งอยู่ในช่วงปี 2013 กล่าวถึงการล้างแค้นของ Carla ภรรยาของSimmon ทำให้ประเทศจีนตกอยู่ใต้อำนาจของ C-virus ในเนื้อเรื่องของ Ada นั้นจะเป็นเนื้อเรื่องที่เฉลยเนื้อเรื่องอื่นโดยกระจ่างทั้งการทดลองของ Simmon การระบาดของ C-virus แม้แต่ Antibody โดยเลือดของ Jake ลูกชาย เวสเกอร์ ในเกมส์ภาคนี้เธอไม่มีคู่หูในการเล่นแต่มักจะเกี่ยวโยงเข้ากับตัวละครอื่นๆเสมอทั้งการช่วย Leon และ Helena การช่วย Sherry และ Jake จาก B.O.W เธอต้องต่อสู้กับ Simmon ที่กลายร่างจาก C-virus ซึ่ง Simmon เข้าใจว่าเธอคือ Carla ที่หักหลังตน และต้องสู้กับ Carla ซึ่งเป็นตัวทดลองของ Simmon ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนเธอทุกประการฉากจบเธอทำลายข้อมูลร่างทดลองแล๊บและทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับ Simmon และ Carla และแล้วเอด้าก็เดินจากมา ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังในกองเพลิง

การตอบรับ

แก้

อ้างอิง

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้