เรือดำน้ำยูเครนซาปอริฌเฌีย

ซาปอริฌเฌีย (ยู-01) (ยูเครน: Запоріжжя) เป็นเรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าโครงการ 641 (ชั้นฟอกซ์ทรอต) และเป็นเรือดำน้ำเพียงลำเดียวของกองทัพเรือยูเครน[2] กระทั่งถูกเข้ายึดในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2014 โดยกองกำลังรัสเซียในช่วงการผนวกคาบสมุทรไครเมียของรัสเซีย ค.ศ. 2014 มันเคยชูหมายเลขธงชายบี-435 ของกองทัพเรือโซเวียต ซาปอริฌเฌียลำนี้ได้รับการออกแบบที่สำนักออกแบบรูบิน (เซนต์ปีเตอส์เบิร์ก)

ซาปอริฌเฌีย (ยู-01)
ประวัติ
/ สหภาพโซเวียต / สหพันธรัฐรัสเซีย
ชื่อบี-435
อู่เรืออู่เรือแอดมิรัลตีใหม่
ปล่อยเรือ23 มีนาคม ค.ศ. 1970
เดินเรือแรก29 มิถุนายน ค.ศ. 1970
เข้าประจำการค.ศ. 1970
บริการค.ศ. 1970
หยุดให้บริการค.ศ. 1997
ประเทศยูเครน
ชื่อยู-001 ซาปอริฌเฌีย
ตั้งชื่อตามเมืองซาปอริฌเฌีย
บริการค.ศ. 1997
หยุดให้บริการ2014 (ดู 'การถูกเข้ายึด')
เปลี่ยนชื่อใหม่ค.ศ. 1997
ท่าจอดเซวัสโตปอล
ถูกยึดยอมจำนนต่อ/ถูกเข้ายึดโดยกองกำลังรัสเซียในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2014
ความเป็นไปณ เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2015 ยังคงอยู่ในการควบคุมของรัสเซีย[1]
สัญลักษณ์
สหพันธรัฐรัสเซีย
บริการค.ศ. 2014
หยุดให้บริการค.ศ. 2014
ท่าจอดเซวัสโตปอล
ลักษณะเฉพาะ
ชั้น: เรือดำน้ำชั้นฟอกซ์ทรอต
ขนาด (ระวางขับน้ำ):
  • พื้นน้ำ 1,945 ตัน
  • ดำน้ำ 2,471.5 ตัน
ความยาว: 70.1 ม. (230 ฟุต)
ระบบขับเคลื่อน: ดีเซลไฟฟ้า
ความเร็ว:
  • พื้นน้ำ 8.13 kn (15.06 km/h; 9.36 mph) ตัน
  • ดำน้ำ 16.05 kn (29.72 km/h; 18.47 mph) ตัน
พิสัยเชื้อเพลิง:
  • พื้นน้ำ 30,000 nmi (56,000 km) (ที่ 8.13 นอต)
  • ดำน้ำ 15.3 ไมล์ทะเล (28.3 กิโลเมตร) (ที่ 16.05 นอต)
  • พิสัยปฏิบัติการ: ดำน้ำ 575 ชั่วโมง
    ทดสอบความลึก:
    • 250 ม. (820 ฟุต)
    • มากที่สุด 280 ม. (920 ฟุต)
    ลูกเรือ: 78 นาย
    ยุทโธปกรณ์: 10 ท่อยิงตอร์ปิโด 533-มิลลิเมตร (21-นิ้ว), ข้างหน้าหกท่อ และท้ายเรือสี่ท่อ

    มันถูกเข้ายึดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2014 (ในช่วงวิกฤตการณ์ไครเมีย ค.ศ. 2014) ท่ามกลางกัปตันเรือดำน้ำของพวกเขา กำลังพลยูเครนส่วนใหญ่ได้ออกจากเรือ ในขณะที่คนอื่น ๆ เลือกที่จะเริ่มทำงานให้แก่กองเรือทะเลดำของรัสเซียร่วมกับเรือดำน้ำ

    ซาปอริฌเฌียลำนี้มีลูกเรือ 78 นาย บังคับบัญชาโดยนาวาเอก โอเลห์ ออร์ลอฟ เรือดำน้ำนี้ดำเนินการโดยหน่วยสำรอง ซึ่งยังไม่ได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าหลังจาก 'การตกแต่งใหม่' ของมัน ภายหลังจากช่วงวิกฤตการณ์ไครเมียได้เปิดเผยว่าเรือแทบจะไม่หมาะสำหรับออกทะเล และล้าสมัยเกินไปสำหรับการงานทุกประเภท

    ประวัติ แก้

    กระดูกงูของซาปอริฌเฌีย ได้รับการวางใน ค.ศ. 1970 ที่อู่ต่อเรือแอดมิรัลตีใหม่ในเลนินกราด)[2] ใน ค.ศ. 1970 มันได้รับการขึ้นระวางเรือเข้าสู่กองเรือภาคเหรือธงแดงโซเวียต[2] ที่ซึ่งทำการลาดตระเวน 14 ครั้ง รวมถึงได้ไปเยี่ยมท่าเรือในประเทศคิวบา ส่วนใน ค.ศ. 1990 เรือดำน้ำได้รับการโยกย้ายไปยังกองเรือทะเลดำโซเวียต[2] ซึ่งเข้าประจำการที่นั่นจนถึงปี ค.ศ. 1994[2] และใน ค.ศ. 1995 แบตเตอรี่ของเรือดำน้ำได้พังอย่างถาวรและมันก็ถูกทอดทิ้งโดยไม่เปลี่ยนใหม่

    ใน ค.ศ. 1997 ไม่สามารถซ่อมเรือดำน้ำที่ไม่ได้ใช้งานได้ ฝ่ายบริหารของกองทัพเรือรัสเซียได้ส่งมอบให้แก่กองทัพเรือยูเครนในช่วงการแบ่งแยกกองเรือทะเลดำ[2] เช่นเดียวกับเรือรบส่วนใหญ่ของประเทศ มันได้รับการเปลี่ยนชื่อตามเมืองหนึ่งในยูเครน – ซาปอริฌเฌีย[2] ชุมชนของเมืองเริ่มให้การสนับสนุนเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่พักของลูกเรือ แต่ใน ค.ศ. 2003 รัฐบาลยูเครนสามารถซื้อแบตเตอรี่ใหม่ในต่างประเทศ และทำให้การอยู่รอดของซาปอริฌเฌียเป็นจริง อย่างไรก็ตาม มันได้รับการส่งไปซ่อมแซมในเซวัสโตปอลทันที[2]

    ใน ค.ศ. 2005 ซาปอริฌเฌียได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมการฝึกร่วมใน ค.ศ. 2006 ที่ดำเนินการโดยกองทัพเรือยูเครนและกองทัพเรืออิตาลี แต่การเสร็จสิ้นของการซ่อมแซมเรือได้ถูกเลื่อนออกไป โดยซาปอริฌเฌียอยู่ในระหว่างการซ่อมแซมเป็นเวลานานหลายปี และเป็นยูนิตทหารที่ไม่ได้ใช้งานตามที่อนาโตลี ฮรีตเซนโก ผู้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กล่าวในเดือนเมษายน ค.ศ. 2006[3] กระทั่งในเดือนมกราคม ค.ศ. 2007 ฮรีตเซนโก (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) ได้ระบุว่ายูเครนตั้งใจที่จะขายซาปอริฌเฌีย[4]

    ดูเพิ่ม แก้

    หมายเหตุ แก้

    1. Повернення українських кораблів з анексованого Криму зависло. Ukrayinska Pravda (ภาษายูเครน). 17 June 2015. สืบค้นเมื่อ 18 June 2015.
    2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 2.7 В строю:подлодка Запорожье вышла в бухту для выполнения учебных заданий. Korrespondent (ภาษารัสเซีย). 20 March 2012. สืบค้นเมื่อ 18 June 2015.
    3. Украина продаст свою единственную подводную лодку (ภาษารัสเซีย). for-ua.com. 17 April 2006. สืบค้นเมื่อ 18 June 2015.
    4. "Ukraine wants to get rid of its submarine". forUm. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 29, 2007. สืบค้นเมื่อ 2007-01-26.

    แหล่งข้อมูลอื่น แก้