เพียริโน "เพอร์รี" โคโม (อังกฤษ: Pierino "Perry" Como) นักร้องชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลี และเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ มีผลงานอยู่ในวงการเพลง และการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ของสหรัฐเป็นเวลานานกว่า 50 ปี เป็นที่รู้จักด้วยฉายา "มิสเตอร์ ซี" (Mr. C)

Perry Como
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด18 พฤษภาคม ค.ศ. 1912
Pierino Como
เสียชีวิต12 พฤษภาคม ค.ศ. 2001 (88 ปี)
จูปิเตอร์อินเลตโคโลนี รัฐฟลอริดา
คู่สมรสโรเซล เบนลีน (1933 - 1998)
อาชีพนักร้อง
ปีที่แสดง1933 - 1994
สังกัดDecca, RCA Victor

โคโมเกิดที่เมืองแคนนอนสเบิร์ก ใกล้พิตสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย เป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวน 13 คนของเปโตร โคโม และลูเชีย ทราวากลินี ชาวอิตาเลียนที่อพยพมาจากเมืองพาลีนา แคว้นอาบรุซโซ ทางตะวันออกของอิตาลี บิดาของเขาเป็นนักร้อง และสนับสนุนให้ลูกๆ ได้รับการฝึกฝนการร้องเพลง

ช่วงวัยรุ่น โคโมเป็นนักทรอมโบนและออร์แกน เล่นให้กับโบสต์และวงดุริยางค์ของเมือง และเปิดกิจการร้านตัดผม เขาแต่งงานเมื่ออายุ 20 ปี กับโรเซล เบนลีน คู่รักที่รู้จักกันตั้งแต่อายุ 17 ปี และใช้ชีวิตคู่กันตลอดมาจนกระทั่งเธอเสียชึวิตด้วยวัย 84 ปี เมื่อ ค.ศ. 1998 มีบุตรด้วยกันสามคน

โคโมเริ่มเข้าสู่วงการร้องเพลงอาชีพเมื่อปี ค.ศ. 1933 หลังแต่งงานไม่นานได้ร้องเพลงบันทึกเสียงครั้งแรกกับวงออร์เคสตราของเท็ด วีมส์ เมื่อ ค.ศ. 1936 สังกัดเดคคาเรเคิดส์ [1] ต่อมาเท็ด วีมส์ ยุบวงในปี ค.ศ. 1942 โคโมจึงไปเป็นนักร้องให้กับซีบีเอสอยู่หลายปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด เขาคิดที่จะเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อกลับไปเป็นช่างตัดผมตามเดิม แค่ได้รับการชักชวนจากผู้จัดรายการของเอ็นบีซี ให้แสดงในรายการ Chesterfield Supper Club ซึ่งทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียง

ผลงานบันทึกเสียงเพลงที่แรกที่สร้างชื่อให้โคโม ได้แก่เพลงป็อปบัลลาด "Till the End of Time" จากทำนองเพลง Polonaise, Op. 53 ของโชแปง โคโมประสบความสำเร็จในอาชีพอย่างรวดเร็ว มีซิงเกิลติดอันดับหนึ่งของนิตยสารบิลบอร์ดถึง 14 เพลง ได้แก่ "Till The End Of Time" (1945); "Prisoner of Love" (1945); "Surrender" (1946); "Chi-Baba, Chi-Baba" (1947); "A - You're Adorable" (1949); "Some Enchanted Evening" (1949); "Hoop-De-Doo" (1950); "If" (1951); "Don't Let The Stars Get In Your Eyes" (1952); "No Other Love" (1953); "Wanted" (1953); "Hot Diggity (Dog Ziggity Boom)" (1956); "Round And Round" (1957); และ "Catch a Falling Star" (1957)

โคโมบันทึกเสียงกับอาร์ซีเอวิคเตอร์เป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี 1952 ถึง 1987 และได้รับรางวัลแกรมมีเป็นครั้งแรก จากเพลง "Catch a Falling Star" ในปี ค.ศ. 1958 และได้รับรางวัล Grammy Lifetime Achievement Award ในปี 2002

ตั้งแต่ปี 1948 โคโมได้เป็นพิธีกร และร้องเพลงในรายการโทรทัศน์ของเอ็นบีซี สัปดาห์ละ 15 นาที ต่อมาได้ย้ายไปจัดกับซีบีเอสในปี 1950 ชื่อรายการ "เดอะเพอร์รี โคโมโชว์" สัปดาห์ละ 3 วัน หลังรายการข่าวของซีบีเอส พร้อมกับถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุ เป็นเวลาหลายปี และยังเป็นพิธีกรในรายการพิเศษช่วงวันหยุด จนถึงปี 1987

เมื่อเดือนมกราคม 1994 เพอร์รี โคโม ได้จัดการแสดงคอนเสิร์ตรอบพิเศษที่ดับลิน ไอร์แลนด์ ชื่อ Como's Irish Christmas เพื่ออำลาวงการ และได้ใช้ชีวิตอย่างสงบจนกระทั่งเสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนของภาวะสมองเสื่อม (อัลไซเมอร์) เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2001 ที่บ้านพักในฟลอริดา [2]

อ้างอิง

แก้
  1. "'40s Sounds Return to Radio" (PDF). Oakland Tribune. 1972-10-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-02-09. สืบค้นเมื่อ 2009-04-03. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  2. "Perry Como Dies at Florida Home". Perrycomo.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-24. สืบค้นเมื่อ 2009-04-07.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้