เซาท์เวสต์แอร์ไลน์

สายการบินสัญชาติอเมริกัน สายการบินราคาประหยัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ (อังกฤษ: Southwest Airlines) เป็นสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติอเมริกัน ที่ตั้งอยู่ในเมืองแดลลาส รัฐเท็กซัส ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องค่าโดยสารราคาถูก สายการบินเริ่มดำเนินการในปี ค.ศ. 1971[3] เซาท์เวสต์ให้บริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางหลายร้อยแห่งในสหรัฐอเมริกา, ทะเลแคริบเบียนและเม็กซิโก[4]

เซาท์เวสต์แอร์ไลน์
IATA ICAO รหัสเรียก
SW SWA SOUTHWEST
ก่อตั้ง15 มีนาคม ค.ศ. 1967 (57 ปี)
เริ่มดำเนินงาน18 มิถุนายน ค.ศ. 1971 (53 ปี)
AOC #SWAA304A
ฐานการบิน
สะสมไมล์เรพิดรีวาร์ด
ขนาดฝูงบิน815[1]
จุดหมาย121
การซื้อขาย
สำนักงานใหญ่สหรัฐ ดัลลาส, รัฐเท็กซัส, สหรัฐ
ผู้ก่อตั้ง
รายได้เพิ่มขึ้น 23.814 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2022)[2]
รายได้จากการดำเนินงาน
ลดลง 1.017 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2022)[2]
รายได้สุทธิ
ลดลง 539 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2022)[2]
สินทรัพย์ลดลง 35.369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2022)[2]
ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 10.687 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2022)[2]
พนักงาน
79,564 คน (2023)[2]
เว็บไซต์www.southwest.com

ในวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ ได้เข้าซื้อแอร์ทรานแอร์เวย์ก่อนยกเลิกการดำเนินงานทั้งหมดของแอร์ทราน[5][6] หลายปีที่ผ่านมา เซาท์เวสต์เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาโดยพิจารณาจากจำนวนผู้โดยสาร และเป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐในแง่ของจำนวนผู้โดยสาร[7][8]

เซาท์เวสต์แอร์ไลน์มีพนักงานประมาณ 60,000 คนและให้บริการเที่ยวบินประมาณ 4,000 รอบต่อวันในช่วงฤดูท่องเที่ยว[9][10]

ประวัติ

แก้

เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1966 โดยเฮอร์เบิร์ต เคลเลเฮอร์ และโรลลิน คิง[11][12] และในปี ค.ศ. 1967 สายการบินเซาท์เวสต์ถูกรวมเป็น บริษัท Air Southwest Co. พร้อมกับสายการบินอื่นอีกสามสาย เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งคดีความต่าง ๆ ได้รับการแก้ไขในปี ค.ศ. 1970-1971

ในช่วงทศวรรษที่ 80 - 90 เซาท์เวสต์ได้เริ่มให้บริการเที่ยวบินไปยังเมืองต่าง ๆ เพิ่มเติม ทั้งภายในเท็กซัส ,รัฐใกล้เคียง และทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา[13] เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ ทำกำไรเป็นเวลา 47 ปี ติดต่อกันตั้งแต่ ค.ศ. 1973 ถึง ค.ศ. 2019[14]

จุดหมายปลายทาง

แก้

ณ เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2021 เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ได้กำหนดเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางกว่า 121 แห่งใน 42 รัฐของสหรัฐอเมริกา, ปวยร์โตริโก, เม็กซิโก, อเมริกากลาง, และแคริบเบียน[4]

 
จุดหมายปลายทางของเซาท์เวสต์แอร์ไลน์ ในปี ค.ศ. 2011

ฝูงบิน

แก้

ฝูงบินปัจจุบัน

แก้
 
โบอิง 737 แมกซ์ 8 ของเซาท์เวสต์แอร์ไลน์

ณ เดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2023 เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ให้บริการเครื่องบินดังต่อไปนี้:[15][16][17]

ฝูงบินของเซาท์เวสต์แอร์ไลน์
เครื่องบิน ประจำการ คำสั่งซื้อ ผู้โดยสาร หมายเหตุ
โบอิง 737-700 388 143 ลูกค้าเปิดตัวและผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดของรุ่น[18]
เครื่อบินที่เก่ากว่าจะทดแทนด้วยโบอิง 737 แมกซ์[19]
โบอิง 737-800 207 175 ผู้ให้บริการที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสาม[20]
โบอิง 737 แมกซ์ 7 302[21] 150[22] เริ่มส่งมอบในปี 2024[23]
ทดแทนโบอิง 737-700 ที่เก่ากว่า[24]
โบอิง 737 แมกซ์ 8 220 258[21] 175 ผู้ให้บริการโบอิง 737 แมกซ์รายใหญที่สุด[25]
ทดแทนโบอิง 737-700 ที่เก่ากว่า[26]
รวม 815 560

เซาท์เวสต์แอร์ไลน์มีอายุฝูงบินเฉลี่ย 11.5 ปี

ฝูงบินในอดีต

แก้
 
โบอิง 727 ของเซาท์เวสต์แอร์ไลน์

เซาท์เวสต์แอร์ไลน์เคยให้บริการเครื่องบินดังต่อไปนี้:

ฝูงบินของเซาท์เวสต์แอร์ไลน์ในอดีต
เครื่องบิน ทั้งหมด เริ่มให้บริการ ปลดประจำการ อากาศยานทดแทน
โบอิง 727-200 6 1979 1985 โบอิง 737-300
โบอิง 737-200 54 1971 2005 โบอิง 737-700
โบอิง 737-300 195 1984 2017 โบอิง 737-700
โบอิง 737-800
โบอิง 737 แมกซ์ 8
โบอิง 737-500 25 1990 2016

อุบัติเหตุและอุบัติการณ์

แก้
 
เครื่องยนต์ซ้ายที่เสียหายของเที่ยวบินที่ 1380

เซาท์เวสต์แอร์ไลน์มีอุบัติเหตุ 9 ครั้ง รวมถึงการสูญเสียอากาศยาน 2 ครั้ง สายการบินนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบสายการบินที่ปลอดภัยที่สุดในโลกในปี ค.ศ. 2012[27]

  • เที่ยวบินที่ 1455 ในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2000 เที่ยวบินที่ 1455 เกิดการไถลออกนอกทางวิ่ง ณ ท่าอากาศยานฮอลลีวู๊ด-เบอร์แบ็งค์ในแคลิฟอร์เนีย ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 44 ราย จากผลการตรวจสอบพบว่า สาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดจากความผิดพลาดของนักบินและผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศ
  • เที่ยวบินที่ 1248 ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2005 เที่ยบินที่ 1248 ออกเดินทางจากบัลติมอร์ไปยังชิคาโก โบอิง 737-700 ได้ไถลออกนอกรันเวย์ที่ท่าอากาศยานมิดเวย์ ส่งผลห้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต สาเหตุเกิดจากสภาพอากาศที่เลวร้ายจากพายุหิมะและความผิดพลาดของนักบิน[28][29][30]
  • เที่ยวบินที่ 1380 ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2018 เที่ยวบินที่ 1380 ออกเดินทางไปยังแดลลาส-เลฟฟิลด์ โดยขณะบินอยู่เหนือเพนซิลเวเนีย เครื่องยนต์ของด้านซ้ายระเบิด ทำให้เครื่องบินต้องลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานนานาชาติฟิลาเดลเฟีย จากการระเบิด ส่งผลให้ผู้โดยสารหนึ่งถูกดึงออกไปภายนอกลำตัวเครื่องบินจากหน้าต่างที่เสียหาย และสุดท้ายแล้ว ผู้โดยสารท่านนี้ก็เสียชีวิตในที่สุด นับเป็นอุบัติเหตุครั้งแรกของสายการบินที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนเที่ยวบิน[31]

อ้างอิง

แก้
  1. "Southwest Airlines Fleet Details and History". Planespotters.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-29. สืบค้นเมื่อ 19 October 2021.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 "Southwest Airlines 2022 Annual Report" (PDF). southwest.com. Southwest Airlines Co. สืบค้นเมื่อ April 21, 2022.
  3. https://www.southwestaircommunity.com/t5/Southwest-Stories/40-Years-in-40-Days-Class-of-1971/ba-p/37924
  4. 4.0 4.1 "Southwest Airlines - Route Map". www.southwest.com.
  5. "Southwest Airlines Closes Acquisition of AirTran Holdings, Inc". www.southwestairlinesinvestorrelations.com (ภาษาอังกฤษ).
  6. "AirTran Acquisition". www.southwestairlinesinvestorrelations.com (ภาษาอังกฤษ).
  7. Wallace, Gregory (2013-12-08). "American Airlines, US Airways to form largest air carrier Monday". CNNMoney.
  8. "Low-cost carrier", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-02-10, สืบค้นเมื่อ 2022-02-13
  9. "Southwest Corporate Fact Sheet". Southwest Airlines Newsroom (ภาษาอังกฤษ).
  10. "Southwest Reports Record Third Quarter Net Income And Earnings Per Share". Southwest Airlines Newsroom (ภาษาอังกฤษ).
  11. "Southwest Airlines - A Brief History". web.archive.org. 2010-08-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-18. สืบค้นเมื่อ 2022-01-12.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  12. "Southwest Airlines Newsroom". web.archive.org. 2018-06-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-12. สืบค้นเมื่อ 2022-02-13.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  13. "Southwest Airlines Co. | American corporation | Britannica". www.britannica.com (ภาษาอังกฤษ).
  14. "Southwest Airlines posts first annual loss in 48 years, warns revenues will need to double to break even". Dallas News (ภาษาอังกฤษ). 2021-01-28.
  15. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-29. สืบค้นเมื่อ 2022-01-12.
  16. http://investors.southwest.com/financials/quarterly-results/2020
  17. https://www.swamedia.com/releases/southwest-airlines-adds-100-firm-orders-for-the-boeing-737-max-7?lang=en-US
  18. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Boeing17dec1997
  19. "Southwest Moves For More Boeing 737-700 Retirements After MAX Order". Simple Flying. 29 March 2021.
  20. "Which Airlines Operated The Most Boeing 737s?". Simpleflying. 19 January 2021. สืบค้นเมื่อ 1 December 2022.
  21. 21.0 21.1 "Southwest Airlines Reports Third Quarter 2023 Results". Southwest Airlines Newsroom (Press release) (ภาษาอังกฤษ). October 26, 2023. สืบค้นเมื่อ October 26, 2023.
  22. Josephs, Leslie (2021-03-29). "Southwest Airlines agrees to buy 100 of Boeing's smallest 737 Max model". CNBC (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-12-04.
  23. Savyata Mishra (28 July 2023). "Southwest Airlines converts some Boeing 737 MAX 7 orders to MAX 8 amid delays". Reuters (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-07-29. สืบค้นเมื่อ 29 July 2023.
  24. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ SFretirements
  25. "580 Active Aircraft: Which Airlines Fly The Most Boeing 737 MAX?". Simpleflying. 3 January 2022. สืบค้นเมื่อ 1 December 2022.
  26. "Southwest accelerates 737-700 retirements". 30 April 2018.
  27. "In depth: World's Safest Airlines". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 7, 2012. สืบค้นเมื่อ July 15, 2012.
  28. "StackPath". www.aviationpros.com.
  29. "Chicago Tribune: Chicago news, sports, weather, entertainment". chicagotribune.com.
  30. "NTSB: Pilot erred in runway crash that killed boy - CNN.com". edition.cnn.com.
  31. "Left Engine Failure and Subsequent Depressurization, Southwest Airlines Flight 1380, Boeing 737-7H4, N772SW, Philadelphia, Pennsylvania, April 17, 2018" (PDF). National Transportation Safety Board. November 19, 2019. NTSB/AAR-19/03. Retrieved December 12, 2019.