อิงฟังตามารีอา ตึเรซาแห่งโปรตุเกส

อิงฟังตามารีอา ตึเรซาแห่งโปรตุเกส (โปรตุเกส: Maria Teresa de Portugal, arquiduquesa da Áustria; อังกฤษ: Princess Maria Theresa of Portugal; เยอรมัน: Prinzessin Maria Theresa von Portugal) ทรงเป็นอิงฟังตาแห่งโปรตุเกสและอาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย หลังจากทรงอภิเษกสมรส และเป็นพระชายาองค์ที่ 3 ในอาร์ชดยุคคาร์ล ลูทวิชแห่งออสเตรียด้วย[1]

อิงฟังตามารีอา ตึเรซา
อาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย
ประสูติ24 สิงหาคม ค.ศ. 1855(1855-08-24)
ปราสาทเลอเวินชไตน์ ไคลน์ฮ็อยบัค
ราชอาณาจักรบาวาเรีย
สิ้นพระชนม์12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944(1944-02-12) (88 ปี)
เวียนนา, ออสเตรียภายใต้การปกครองของนาซี
คู่อภิเษกอาร์ชดยุกคาร์ล ลูทวิช แห่งออสเตรีย (สมรส 1873; เสียชีวิต 1896)
พระราชบุตร
พระนามเต็ม
โปรตุเกส: มารีอา ตึเรซา ดา อีมากูลาดา กงไซเซา ฟือร์นังดา อียูลาลีอา ลียูโปลดีนา อาดึไลดึ อีซาแบล การูลีนา มีกาแอลา ราฟาแอลา กาบรีแยลา ฟรังซิชกา ดึ อัชซิช ดึ เปาลา กงซากา อิงนีช โซฟีอา บาร์ตูลูมียู ดุช อังฌุช
ราชวงศ์บรากังซา (ประสูติ)
ฮาพส์บวร์ค-ลอแรน (เสกสมรส)
พระราชบิดาพระเจ้ามีแกลแห่งโปรตุเกส
พระราชมารดาอาเดิลไฮท์แห่งเลอเวินชไตน์-แวร์ทไฮม์-โรเซินแบร์ค
ลายพระอภิไธย

พระประวัติ

แก้

อิงฟังตามารีอา ตึเรซา ประสูติเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1855 เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้ามีแกลแห่งโปรตุเกส และเจ้าหญิงอาเดิลไฮท์แห่งเลอเวินชไตน์-แวร์ทไฮม์-โรเซินแบร์ค[2] เมื่อขณะยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเจ้ามีแกล พระราชบิดาได้เสด็จสวรรคตกะทันหัน เจ้าหญิงอาเดิลไฮท์จึงทรงพาพระราชบุตรทั้งหมดย้ายไปประทับที่พระตำหนักส่วนพระองค์ที่ราชอาณาจักรบาวาเรีย ตามคำทูลเชิญของอาร์ชดัชเชสโซฟีแห่งออสเตรีย (เจ้าหญิงโซเฟียแห่งบาวาเรีย) ซึ่งเป็นพระสหายสนิท โดยเมื่อทุกพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาถึงบาวาเรีย อาร์ชดัชเชสโซฟีได้เสด็จออกจากประเทศออสเตรีย ไปยังบาวาเรียเพื่อทรงรับเสด็จพระสหายสนิท เมื่ออาร์ชดัชเชสโซฟีได้ทอดพระเนตรเห็น อิงฟังตามารีอา ตึเรซา พระองค์จึงมีพระราชวินิจฉัยกับเจ้าหญิงอาเดิลไฮท์ว่า อิงฟังตาองค์นี้ทรงเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นพระชายาองค์ต่อไปของพระโอรสของพระองค์ ซึ่งก็คืออาร์ชดยุคคาร์ล ลูทวิชแห่งออสเตรีย ด้วยความที่เป็นพระสหายสนิทกัน ทั้ง 2 พระองค์จึงทรงจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างอิงฟังตามารีอา ตึเรซากับอาร์ชดยุคคาร์ล ลูทวิช ในกรุงเวียนนา เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1873 โดยภายหลังอภิเษกสมรส พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาเป็น อาร์ชดัชเชสมาเรีย เทเรซาแห่งออสเตรีย

ทั้ง 2 มีพระธิดา 2 พระองค์ ดังนี้

หลังจากพระสวามีสิ้นพระชนม์

แก้

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1896 อาร์ชดยุคคาร์ล ลูทวิชสิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคไข้ไทฟอยด์ โดยก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงทูลขอพระชายาว่า ดูแลพระบุตรทั้งหมดให้ดี ทำให้ทุกองค์มีความสุขที่สุด ดังนั้น อาร์ชดัชเชสมาเรีย เทเรซาทรงต้องแบกพระภาระดูแลพระโอรส และพระธิดาทุกพระองค์ รวมทั้งพระบุตรที่ประสูติแต่เจ้าหญิงมาเรีย แอนนันซิเอตาแห่งซิซิลีทั้งสอง พระชายาองค์ก่อนด้วย ซึ่งพระองค์ก็ทรงดูแลเป็นอย่างดี แม้กระทั่งเมื่อมีการอภิเษกสมรสของอาร์ชดยุกฟรันทซ์ แฟร์ดีนันท์ และเคาน์เตสโซฟี โชเท็ค ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎมณเฑียรบาลของการอภิเษกสมรสว่า จะต้องอภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์ด้วยกันเท่านั้น พระองค์ก็ทรงยอมให้มีการจัดอภิเษก โดยอาร์ชดัชเชสโซฟี ผู้เป็นพระสหายสนิทก็ทรงร่วมจัดพิธีด้วย[3]

สงครามโลกครั้งที่ 1

แก้

หลังจากการลอบปลงพระชนม์ของอาร์ชดยุกฟรันทซ์ แฟร์ดีนันท์และพระชายาที่เมืองซาราเยโว ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา พระองค์ทรงเป็นหัวหน้ากองพยาบาล ทรงรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งทหารที่บาดเจ็บจากสมรภูมิ เมื่อสงครามสงบ เป็นเหตุให้มีการล้มล้างและโค่นพระราชอำนาจของพระราชวงศ์อิมพีเรียลลง พระองค์ได้โดยเสด็จไปพร้อมกับสมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ล และสมเด็จพระจักรพรรดินีซีตา อพยพไปที่เกาะมาไดร่า ประเทศโปรตุเกส ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์ทรงใช้เป็นที่ประทับอยู่หลายปี ก่อนที่จะเสด็จกลับกรุงเวียนนา

สิ้นพระชนม์

แก้

อาร์ชดัชเชสมาเรีย เทเรซาสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944 สิริพระชนมายุได้ 88 ชันษา พระศพถูกฝังไว้เคียงข้างพระสวามี และรวมกับพระบรมวงศานุวงศืพระองค์อื่นๆที่วิหารฮาพส์บวร์ค

อ้างอิง

แก้
  1. Radziwill, p. 59
  2. Almanach de Gotha (179th ed.). Justus Perthes. 1942. p. 37.
  3. Maria Teresa da Immaculda de Bragança, Infanta de Portugal