หน่วยสืบราชการลับ

(เปลี่ยนทางจาก หน่วยงานข่าวกรอง)

หน่วยสืบราชการลับ (อังกฤษ: intelligence agency) หรือ หน่วยข่าวกรอง เป็นหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบการในเรื่องการแสวงหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของราชการซึ่งเป็นความลับ ทั้งการรวบรวม วิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าวเพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นไปเพื่อความมั่นคงของชาติ การทหาร และวัตถุประสงค์ในนโยบายการต่างประเทศ[1]

ตึกเอสไอเอส สำนักงานใหญ่ของหน่วยข่าวกรองลับ (MI6) แห่งสหราชอาณาจักร

สำหรับวิธีการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองนั้นมีทั้งแบบเปิดเผยและแบบทางลับ ซึ่งรวมไปถึงการจารกรรม การสกัดกั้นเพื่อดักฟังการสื่อสาร การเข้ารหัสลับ การแบ่งปันข้อมูลกับหน่วยข่าวกรองอื่น ๆ รวมไปถึงการรวบรวมจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ กระบวนการดังกล่าวที่กล่าวมาเรียกว่าการวิเคราะห์ข่าวกรองหรือการประเมินข่าวกรอง

หน่วยสืบราชการลับสามารถรวบรวมข่าวกรองเพื่อให้รัฐบาลของตนนำไปใช้งานบริหารราชการแผ่นดินต่าง ๆ อาทิ

  • การแจ้งเตือนล่วงหน้าถึงเหตุการณ์วิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้น
  • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการวิกฤตระดับชาติ และระดับนานาชาติ โดยช่วยประเมินถึงเจตนารมย์ของฝ่ายตรงข้ามในสถานการณ์ปัจจุบัน และแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • ให้ข้อมูลการวางแผนป้องกันประเทศและการปฏิบัติการทางทหาร (ข่าวกรองทางทหาร)
  • ปกป้องข้อมูลความลับของชาติที่ละเอียดอ่อน ทั้งจากภายในประเทศ และหน่วยข่าวกรองของชาติอื่น
  • สร้างอิทธิพลแอบแฝงต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ของชาติ หรือสร้างอำนาจต่อรองด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ
  • ป้องกันและต่อต้านความพยายามในการปฏิบัติการของหน่วยข่าวกรองชาติอื่น (การต่อต้านข่าวกรอง)

นอกจากนี้ ข่าวกรองนั้นมีความแตกต่างกัน ระหว่างข่าวกรองด้านความปลอดภัย จะเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นภายในประเทศ อาทิ การก่อการร้าย การจารกรรม และ ข่าวกรองด้านการต่างประเทศ จะเกี่ยวข้องกับการรวบรวมข่าวกรองในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ

หน่วยสืบราชการลับบางแห่งมีความเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร การค้าอาวุธ การรัฐประหาร และการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ (การโฆษณาชวนเชื่อ) รวมไปถึงการปฏิบัติการลับ เพื่อสนับสนุนผลประโยชน์ของหน่วยงานตนเอง หรือของรัฐบาล

รูปภาพ แก้

ดูเพิ่ม แก้

รายชื่อ แก้

อ้างอิง แก้

  1. Szoldra, Paul (May 11, 2013). "These 17 Agencies Make Up The Most Sophisticated Spy Network In The World". Business Insider.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้