รัฐนิยม
รัฐนิยม เป็นชุดคำสั่งจำนวน 12 ฉบับที่รัฐบาลจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ประกาศใช้ระหว่าง พ.ศ. 2482 ถึง 2485 ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรกและเผด็จการทหารในประเทศไทย[1] ชุดคำสั่งเหล่านี้มีเป้าหมายสร้างรูปแบบและวัฒนธรรมไทยให้ "ศิวิไลซ์" ในช่วงที่ประเทศเป็นพันธมิตรกับฝ่ายอักษะ


ฉบับที่ 1 แก้ไข
ในฉบับที่ 1 หัวข้อ ว่าด้วยรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศ, ประชาชน และสัญชาติ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 ระบุ "ความนิยมของประชาชน" ในการเปลี่ยนชื่อประเทศ ประกอบด้วยรายการเดียว คือ: "ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ให้ใช้ว่า "ไทย""[2]
ผลที่ตามมาจากการประกาศนี้คือ องค์กรใดที่มีคำว่า "สยาม" ในนั้น จะต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ ตัวอย่างที่สำคัญคือ Siam Society กลายเป็น Thailand Research Society[3] ธนาคารสยามกัมมาจล กลายเป็น ธนาคารไทยพาณิชย์[4] รวมถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม ก็ประกาศให้บทบัญญัติต่าง ๆ ใช้คำว่า "ไทย" แทน "สยาม" ทั้งหมด ทำให้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น "รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน[เมื่อไร?][ต้องการอ้างอิง] แต่หลังจากแปลก พิบูลสงคราม ถูกถอดถอนใน พ.ศ. 2487 Siam Society ก็ได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อเดิมทั้งในภาษาไทยกับอังกฤษ[ต้องการอ้างอิง] ส่วนธนาคารเปลี่ยนกลับแค่เฉพาะชื่อภาษาอังกฤษ[ต้องการอ้างอิง]
ฉบับที่ 2 แก้ไข
เรื่อง การป้องกันภัยที่จะบังเกิดแก่ชาติ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2482 ประกอบด้วย 5 รายการ ได้แก่:
- "ชนชาติไทยต้องไม่ประกอบกิจการใด ๆ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์และความปลอดภัยของชาติ"
- "ชนชาติไทยต้องไม่เปิดเผยสิ่งซึ่งอาจเป็นผลเสียหายแก่ชาติให้ชนต่างชาติล่วงรู้เลยเป็นอันขาด การกระทำเช่นนั้นเป็นการทรยศต่อชาติ"
- "ชนชาติไทยต้องไม่ทำตนเป็นตัวแทนหรือเป็นปากเสียงของต่างชาติโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติไทย ต้องไม่ออกเสียงหรือแสดงตนเข้าข้างต่างชาติในกรณีที่เป็นปัญหาระหว่างชาติ การกระทำเช่นนั้นเป็นการทรยศต่อชาติ"
- "ชนชาติไทยต้องไม่แอบอ้างซื้อขายที่ดินแทนชนต่างชาติในทางที่เป็นภัยแก่ชาติ การกระทำเช่นนั้นเป็นการทรยศต่อชาติ"
- "เมื่อปรากฏว่ามีผู้หนึ่งผู้ใดทรยศต่อชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยต้องเอาใจใส่รีบระงับเหตุนั้น"[5]
ฉบับที่ 3 แก้ไข
เรื่อง การเรียกชื่อชาวไทย ตีพิมพ์ในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2482 ส่งเสริมฉบับที่ 1 ด้วยการบังคับให้สาธารณะหยุดใช้ชื่อเรียกอย่าง "ชาวไทยภาคเหนือ", "ชาวไทยภาคใต้" หรือ "ชาวไทยมุสลิม":
- "ให้เลิกการเรียกชาวไทยโดยใช้ชื่อที่ไม่ต้องตามชื่อเชื้อชาติและความนิยมของผู้ถูกเรียก"
- "ให้ใช้คำว่า 'ไทย' แก่ชาวไทยทั้งมวลโดยไม่แบ่งแยก"[6]
ฉบับที่ 4 แก้ไข
เรื่อง การเคารพธงชาติ, เพลงชาติ และเพลงสรรเสริญพระบารมี ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2482 ประกอบด้วย 5 รายการ ได้แก่:
- "เมื่อได้เห็นการชักธงชาติขึ้นหรือลงจากเสาประจำสถานที่ราชการตามเวลาปกติ หรือได้ยินเสียงแตรเดี่ยวหรือนกหวีดเป่าคำนับหรือให้อาณัติสัญญาณการชักธงชาติขึ้นหรือลง ให้แสดงความเคารพโดยปฏิบัติตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณีนิยม"
- "เมื่อได้เห็นธงไชยเฉลิมพล ธงเรือรบ ธงประจำกองยุวชนทหาร หรือธงประจำกองลูกเสือ ซึ่งทางการเชิญผ่านมาหรืออยู่กับที่ประจำแถวทหาร หรือหน่วยยุวชน หรือลูกเสือ ให้แสดงความเคารพโดยปฏิบัติตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณีนิยม"
- " เมื่อได้ยินเพลงชาติซึ่งทางราชการบรรเลงในราชการก็ดี ซึ่งบุคคลบรรเลงในงานพิธีอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ให้ผู้ที่ร่วมงานหรือที่อยู่ในวงงานนั้นแสดงความเคารพโดยปฏิบัติตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณีนิยม"
- " เมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีซึ่งทางราชการบรรเลงในราชการก็ดี ซึ่งบุคคลบรรเลงในโรงมหรสพหรือในงานสโมสรใด ๆ ก็ดี ให้ผู้ที่ร่วมงาน หรือที่อยู่ในวงงาน หรือในโรงมหรสพนั้น แสดงความเคารพโดยปฏิบัติตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณีนิยม"
- " เมื่อได้เห็นผู้ใดไม่แสดงความเคารพดั่งกล่าวในข้อ 1–2–3 และ 4 นั้น พึงช่วยกันตักเตือนชี้แจงให้เห็นความสำคัญแห่งการเคารพธงชาติ เพลงชาติ และเพลงสรรเสริญพระบารมี"[7]
ฉบับที่ 5 แก้ไข
เรื่อง ให้ชาวไทยพยายามใช้เครื่องอุปโภคบริโภคที่มีกำเนิดหรือทำขึ้นในประเทศไทย ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2482 ประกอบด้วย 5 รายการ ได้แก่:
- "ชาวไทยพึงพยายามบริโภคแต่อาหารอันปรุงจากสิ่งซึ่งมีกำเนิดหรือทำขึ้นในประเทศไทย"
- "ชาวไทยพึงพยายามใช้เครื่องแต่งกายด้วยวัตถุที่มีกำเนิดหรือทำขึ้นในประเทศไทย"
- "ชาวไทยพึงช่วยกันสนับสนุนงานอาชีพการเกษตร์ พาณิชย์ อุตสาหกรรม และวิชาชีพของชาวไทยด้วยกัน"
- "กิจการสาธารณูปโภคอันใดที่รัฐบาลหรือชาวไทยจัดให้มีขึ้นแล้ว ชาวไทยพึงพยายามใช้และสนับสนุน"
- "ชาวไทยผู้ประกอบการเกษตร พาณิชย์ อุตสาหกรรม งานอาชีพหรือวิชาชีพอันได้รับการสนับสนุนโดยรัฐนิยมฉะบับนี้ ต้องพยายามรักษามาตรฐานปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น และดำเนินกิจการนั้น ๆ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตทุกประการ"[8]
- ดูเพิ่มที่ คำชักชวนขอให้ชาวไทยร่วมใจกันพยายามปฏิบัติตามรัฐนิยมฉะบับที่ 5 ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2482[9]
ฉบับที่ 6 แก้ไข
เรื่อง ทำนองและเนื้อร้องเพลงชาติ ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2482 ประกอบด้วย 2 รายการ:
- "ทำนองเพลงชาติ ให้ใช้ทำนองของพระเจนดุริยางค์ตามแบบที่มีอยู่ณกรมศิลปากร"
- "เนื้อร้องเพลงชาติ ให้ใช้บทเพลงของกองทัพบก"[10] (เพลงชาติเหมือนกันกับปัจจุบัน)
ฉบับที่ 7 แก้ไข
เรื่อง ชักชวนให้ชาวไทยร่วมกันสร้างชาติ ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2483 มีเนื้อหาสำคัญคือ
- "ชาวไทยทุกคนต้องร่วมกันสร้างชาติ โดยทุกคนซึ่งมีกำลังกายดีต้องทำงาน ประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง ผู้ไม่ประกอบอาชีพเป็นหลักฐาน นับว่าเป็นผู้ไม่ช่วยชาติ และไม่สมควรได้รับความนับถือของชาวไทยทั่วไป"[11]
ฉบับที่ 8 แก้ไข
เรื่อง เพลงสรรเสริญพระบารมี ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2483 ย่อเนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและแทนที่คำว่า "สยาม" เป็น "ไทย":[12]
ข้าวรพุทธเจ้า | เอามโนและศิระกราน |
นบพระภูมิบาล | บรมกษัตริย์ไทย |
ขอบรรดาล | ธประสงค์ใด |
จงสิทธิดั่ง | หวังวรหฤทัย |
ดุจถวายชัย | ชโย |
ฉบับที่ 9 แก้ไข
เรื่อง ภาษาและหนังสือไทยกับหน้าที่พลเมืองดี ตีพิมพ์ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 ประกอบด้วย 4 รายการ ได้แก่:
- "ชนชาติไทยจะต้องยกย่อง เคารพ และนับถือภาษาไทย และต้องรู้สึกเป็นเกียรติยศในการพูดหรือใช้ภาษาไทย"
- "ชนชาติไทยจะต้องถือว่า หน้าที่ของพลเมืองไทยที่ดีประการที่หนึ่งนั้น คือ ศึกษาให้รู้หนังสือไทยอันเป็นภาษาของชาติ อย่างน้อยต้องให้อ่านออกเขียนได้ ประการที่สอง ชนชาติไทยจะต้องถือเป็นหน้าที่อันสำคัญในการช่วยเหลือสนับสนุนแนะนำชักจูงให้พลเมืองที่ยังไม่รู้ภาษาไทยหรือยังไม่รู้หนังสือไทยให้ได้รู้ภาษาไทยหรือให้รู้หนังสือไทยจนอ่านออกเขียนได้"
- "ชนชาติไทยจะต้องไม่ถือเอาสถานที่กำเนิด ภูมิลำเนา ที่อยู่ หรือสำเนียงแห่งภาษาพูดที่แปร่งไปตามท้องถิ่น เป็นเครื่องแสดงความแตกแยกกัน ทุกคนต้องถือว่า เมื่อเกิดมาเป็นชนชาติไทย ก็มีเลือดไทยและพูดภาษาไทยอย่างเดียวกัน ไม่มีความแตกต่างกันในการกำเนิดต่างท้องที่หรือพูดภาษาไทยด้วยสำเนียงต่าง ๆ กัน"
- "ชนชาติไทยจะต้องถือเป็นหน้าที่ในการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีแห่งชาติ ช่วยแนะนำชักชวนกันสั่งสอนผู้ที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจหน้าที่พลเมืองดีของชาติให้ได้รู้ได้เข้าใจในหน้าที่พลเมืองดีแห่งชาติไทย"[13]
ฉบับที่ 10 แก้ไข
เรื่อง การแต่งกายของประชาชนชาวไทย ตีพืมพ์เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2484 ประกอบด้วย 2 รายการหลัก ได้แก่:
- "ชนชาติไทยไม่พึงปรากฎตัวในที่ชุมชน หรือสาธารณะสถาน ในเขตต์เทศบาล โดยไม่แต่งกายให้เรียบร้อย เช่น นุ่งแต่กางเกงชั้นใน หรือไม่สวมเสื้อ หรือนุ่งผ้าลอยชาย เป็นต้น"
- "การแต่งกายที่ถือว่าเรียบร้อยสำหรับประชาชนชาวไทย มีดั่งต่อไปนี้:
- "แต่งเครื่องแบบตามสิทธิและโอกาสที่จะแต่งได้
- "แต่งตามแบบสากลนิยมในทำนองที่สุภาพ
- "แต่งตามประเพณีนิยมในทำนองที่สุภาพ"[14]
ฉบับที่ 11 แก้ไข
เรื่อง กิจประจำวันของคนไทย ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2484 ประกอบด้วย 5 รายการ ได้แก่:
- " ชนชาติไทยพึงแบ่งเวลาในหนึ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ปฏิบัติงานที่เป็นอาชีพส่วนหนึ่ง ปฏิบัติกิจส่วนตัวส่วนหนึ่ง และพักผ่อนหลับนอนอีกส่วนหนึ่ง ให้เป็นระเบียบ และมีกำหนดเวลาอันเหมาะสมจนเกิดเป็นนิสสัย"
- " ชนชาติไทยพึงปฏิบัติกิจประจำวันตามปกติ ดั่งต่อไปนี้:
- "บริโภคอาหารให้ตรงตามเวลาไม่เกิน 4 มื้อ
- "นอนประมาณระหว่าง 6 ถึง 8 ชั่วโมง"
- "ชนชาติไทยพึงตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ประกอบกิจการงานของตนโดยไม่ท้อถอยและหลีกเลี่ยง กับควรหยุดเพื่อรับประทานอาหารและพักกลางวันไม่เกิน 1 ชั่วโมง เมื่อพ้นกำหนดเวลาทำงานเวลาเย็น ควรออกกำลังกายโดยเล่นกิฬากลางแจ้งวันหนึ่งอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือประกอบงานอื่น เช่น ทำสวนครัว เลี้ยงสัตว์ หรือปลูกต้นไม้ เป็นต้น เมื่อชำระล้างร่างกายแล้ว รับประทานอาหาร"
- "ชนชาติไทยพึงใช้เวลาว่างเวลากลางคืนทำการงานอันจำเป็นที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จ หรือสนทนาปราศรัยกับบุคคลในครอบครัว มิตรสหาย ศึกษาหาความรู้โดยการฟังข่าวทางวิทยุกระจายเสียง อ่านหนังสือ หรือในการมหรสพ หรือศิลปกรรม แล้วแต่โอกาส"
- " ชนชาติไทยพึงใช้เวลาในวันหยุดงาน ให้เป็นประโยชน์แก่ร่างกายและจิตต์ใจ เช่น ประกอบกิจในทางสาสนา ฟังเทศน์ ทำบุญ ศึกษาหาความรู้ ท่องเที่ยว เล่นกิฬา หรือพักผ่อน เป็นต้น"[15]
ฉบับที่ 12 แก้ไข
เรื่อง การช่วยเหลือคุ้มครองเด็ก คนชรา หรือคนทุพพลภาพ เป็นรัฐนิยมฉบับสุดท้ายที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2485 ประกอบด้วย 2 รายการ ได้แก่:
- "ในที่สาธารณสถานหรือในถนนหลวง ให้บุคคลทำการช่วยเหลือคุ้มครองโดยลักษณะที่จะยังความปลอดภัยให้แก่เด็ก คนชรา หรือคนทุพพลภาพ ในการสัญจรไปมา หรือในการหลบหลีกภยันตราย"
- "ผู้ใดสามารถกระทำการช่วยเหลือคุ้มครองดังกล่าวในข้อ 1 ถือว่า ผู้นั้นเป็นผู้มีวัฒนธรรม ควรได้รับความนับถือของชาวไทย"[16]
ข้อบังคับทางวัฒนธรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 21 แก้ไข
ค่านิยม 12 ประการ แก้ไข
ใน พ.ศ. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รัฐบาลทหารที่มีอำนาจหลังรัฐประหาร ได้เปิดนโยบาย '"ค่านิยม 12 ประการ"' ซึ่งเป็นการรณรงค์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคู่มือทางศีลธรรมสำหรับเยาวชนไทย ระลึกถึงข้อบังคับทางวัฒนธรรมไทยในสมัยก่อน ค่านิยม 12 ประการ ได้แก่:[17][18][19]
- "มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
- "ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม"
- "กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์"
- "ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม"
- "รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม"
- "มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน"
- "เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง"
- "มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่"
- "มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
- "รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี"
- "มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา"
- "คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง"
นักวิชาการบางส่วนวิจารณ์นโยบายนี้เป็น "เพียงการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐ"[20] นักเรียนต้องท่องจำค่านิยมหลักทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพิธีเชิงธงหรือในชั้นเรียน[21]
ดูเพิ่ม แก้ไข
อ้างอิง แก้ไข
- ↑ Numnonda, Thamsook (September 1978). "Pibulsongkram's Thai Nation-Building Programme during the Japanese Military Presence, 1941-1945". Journal of Southeast Asian Studies. 9 (2): 234–247. doi:10.1017/S0022463400009760. JSTOR 20062726.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 56, Page 810. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 24 June B.E. 2482 (1939). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ "Memory of the World Register: The Minute Books of the Council of the Siam Society" (PDF). UNESCO. p. 6.
- ↑ "The Siam Commercial Bank Company Limited". Thai Bank Museum. สืบค้นเมื่อ 5 มิถุนายน 2019.[ลิงก์เสีย]
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 56, Page 1010. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 10 July B.E. 2482 (1939). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 56, Page 1281. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 7 August B.E. 2482 (1939). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 56, Page 2653. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 9 September B.E. 2482 (1939). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 56, Page 2359. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน November 6, B.E. 2482 (1939). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 56, Page 3434. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 19 February B.E. 2482 (1940). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 56, Page 2653. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 10 December B.E. 2482 (1939). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 56, Page 3641. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 25 March B.E. 2482 (1940). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 57, Page 78. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 30 April B.E. 2483 (1940). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 57, Page 151. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 24 June B.E. 2483 (1940). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 58, Page 113. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 21 January B.E. 2484 (1941). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 58, Page 1132. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 9 September B.E. 2484 (1941). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ The Royal Gazette, Vol. 59, Page 331. เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 3 February B.E. 2485 (1942). Retrieved 4 June 2010.
- ↑ Limited, Bangkok Post Public Company. "12 Thai values stickers unveiled". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "The 12 Core Values of Thailand – Montfort College, Chiang Mai, Thailand" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-12-06. สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "ค่านิยม 12 ประการ". www.thairath.co.th. 2015-01-23.
- ↑ Phataranawik, Phatarawadee (27 May 2018). "SPECIAL REPORT: How the junta misused culture to boost 'Thai-ism'". The Nation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 December 2021. สืบค้นเมื่อ 28 May 2018.
- ↑ "Students to recite '12 core values' of the nation daily". nationthailand (ภาษาอังกฤษ). 2014-09-17. สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.