ลัทธิข้อยกเว้นไทย

ลัทธิข้อยกเว้นไทย (อังกฤษ: Thai exceptionalism) เป็นความเชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศพิเศษที่มีวัฒนธรรมไม่เหมือนผู้ใด ซึ่งเป็นทัศนคติที่พบในหมู่อภิชนชาวไทยเป็นพิเศษ ความคิดหนึ่งเดียวที่ถือกันนั้น เช่น ประเทศไทยเป็นประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เดียวที่ไม่เคยเป็นอาณานิคม มีระบบราชาธิปไตยที่ประณีต สละสลวยและน่าเคารพเทิดทูน พึ่งพาการนำอาหารเข้าต่ำ เป็นต้น[1] ข้ออ้างความเป็นพิเศษอื่นนั้น ได้แก่ ระบบการตั้งชื่อที่ซับซ้อน และภาษาไทย ตลอดจนข้อสันนิษฐานว่าเกิดความรุนแรงขึ้นน้อยแม้มีรัฐประหารหลายครั้งและการสังหารหมู่ยาวเหยียด อย่างไรก็ดี บางคนก็ยอมรับว่าความเป็นไทยไม่ได้ดีเสียหมด มีชัย วีระไวทยะ นักการเมือง เคยกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นชาติคนทำผิดกฎหมาย[2]

อนึ่งการชนชาติไทย มีการให้ความหมายของคำว่า ไท คือผู้ที่อิสระไม่เป็นทาสไทย แต่ในหลักศิลาจารึก หลักที่หนึ่ง มี คำว่า ไพร่ฟ้าข้าไทย ซึ่งมีความหมายว่า ข้าทาสบริวารของเจ้าขุนมูลนาย

ซึ่งส่งผลให้ความเป็นไท คือการมีระบบเจ้าขุนมูลนาย โดยสิ่งที่เป็นนิยามคือ ระบบราชการของประเทศไทย.

สาเหตุในบริบทประวัติศาสตร์ แก้

ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งเดียวที่ไม่เป็นอาณานิคม
ประเทศไทยเป็นชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชาติเดียวที่สามารถขัดขืนลัทธิอาณานิคมได้ ต่อมาจึงมีการบอกเล่าเป็นนิทานวีรบุรุษของราชวงศ์จักรี และใช้เพื่อเป็นเหตุผลว่าวัฒนธรรมไทยไม่มีอิทธิพลตะวันตก
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวขนาดใหญ่
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และรัฐบาลอ้างว่าเป็นข้อพิสูจน์ถึงวัฒนธรรมไทยอันสวยงามและไม่เหมือนผู้ใด รัฐบาลระบุในแบบเรียนว่าวัฒนธรรมไทยเป็นสาเหตุของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวขนาดใหญ่

ข้อวิจารณ์ แก้

นักวิชาการตะวันตกบางส่วนถือประเด็นกับญัตติลัทธิข้อยกเว้นไทย บ้างถือว่าหัวสูง (elitist) และรู้สึกว่ามันก่อให้เกิดความไม่ลงรอยระหว่างชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ดี สำคัญต้องเข้าใจว่าคำ "ลัทธิข้อยกเว้น" ในบริบทนี้ไม่ได้หมายความว่าเหนือกว่า แต่หมายถึงความไม่เหมือนผู้ใด และความรู้สึกว่าประเทศไทยมีลักษณะเฉพาะซึ่งไม่พบในภูมิภาคอื่นมากกว่า

ลัทธิแยกอยู่โดดเดี่ยว

นักวิจารณ์ญัตติลัทธิข้อยกเว้นไทยอ้างความโอหังชาตินิยมว่าเป็นอุปสรรคต่อบูรณาการอาเซียน ตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อความมั่งคั่งและเสถียรภาพโดยการทำให้โครงสร้างทางสังคมของไทยที่ไม่เท่าเทียมว่าชอบด้วยเหตุผล[3] ในปี 2561 รัฐบาลไทยสร้างการรณรงค์ "อำนาจอ่อน" ชื่อ ไทยนิยม เพื่อส่งเสริมญัตติลัทธิข้อยกเว้นไทย นักวิชาการไทยบางส่วนเรียกว่าเป็น "แค่โฆษณาชวนเชื่อของรัฐ"[4]

ในบางโอกาส ผู้ถือลัทธิข้อยกเว้นไทยใช้เพื่ออ้างเหตุผลขัดขวางเจ้าหน้าที่ต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เจตนาขัดขวางผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งชาวต่างชาติ โดยอ้างว่า "คนไทยภูมิใจที่จัดการเลือกตั้งโดยปลอดอิทธิพลต่างประเทศ"[5]

สิทธันตนิยมทางการเมือง

มีหลายเหตุการณ์ที่ชาวเน็ตชาตินิยมชาวไทยแสดงลัทธิข้อยกเว้นไทยเพื่อตอบโต้ข้อวิจารณ์จากชาวต่างประเทศ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นคดีความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ บางทีมีการใช้ลัทธิข้อยกเว้นไทยเพื่อปัดข้อวิจารณ์ต่อลัทธิอำนาจนิยม ดังเช่น ในสุนทรพจน์ของพลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ว่า

"ระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยของตัวเอง ท่านลองถามตัวเองว่าเมื่อท่านไปอยู่ประเทศอื่น ไปศึกษาไปเรียน หรือไปเที่ยวประเทศอื่น ทำไมท่านจะต้องปรับตัวให้เข้ากับประเทศอื่นตามระบอบประชาธิปไตยของประเทศนั้น [...] เราอยู่กันแบบไทย ๆ นี่คือวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ขอให้รักกันจะไปร่ำไปเรียนที่ไหนมา ไปเอาตำราประเทศไหน ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ เอาของเขามาแล้วมาดูด้วยว่าควรจะมาดัดแปลง แต่ไม่ใช่พยายามจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข อย่าไปเอาความซ้ายจัดที่ไปเรียนมาแล้วมาดัดจริต ประเทศอื่นเขาไม่มีที่จะมีแบบนี้ นี่คือเมืองสยาม เมืองแห่งรอยยิ้ม เมืองที่เรามีระบอบประชาธิปไตยของเราแบบนี้ สิ่งที่ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ต้องการคือมีคนไทยรักกัน หันหน้าเข้าหากัน"

ความคล้ายกับชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น

นักวิชาการส่วนใหญ่เสนอว่าในความเป็นจริงแล้ววัฒนธรรมไทยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างชาติ โดยยกประวัติศาสตร์ว่าประเทศไทยวิวัฒนามาจากอาณาจักรอินเดียอย่างจักรวรรดิขแมร์และอาณาจักรอยุธยา จึงมีความคล้ายหลายประการระหว่างวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มวยไทยกับประดัลเสรี หรือสงกรานต์กับตะจาน[ต้องการอ้างอิง]

ดูเพิ่ม แก้

อ้างอิง แก้

  1. Fry, Gerald W; Nieminen, Gayla S; Smith, Harold E (2013). Historical Dictionary of Thailand. Scarecrow Press. pp. 405–406. ISBN 081087525X. สืบค้นเมื่อ 2018-05-28.
  2. Fry, Gerald W (2014-05-19). "Thai exceptionalism - a myth or Reality?". The Nation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (Opinion)เมื่อ 2019-07-03. สืบค้นเมื่อ 21 January 2017.
  3. Stent, Jim (2014-05-23). "Deja vu in Thailand, but what comes next?". Nikkei Asian Review. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-15. สืบค้นเมื่อ 21 January 2017.
  4. Phataranawik, Phatarawadee (27 May 2018). "SPECIAL REPORT: How the junta misused culture to boost 'Thai-ism'". The Nation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-05-26. สืบค้นเมื่อ 28 May 2018.
  5. Manager Online, (Thai) (15 December 2018). "Don blocked foriegn election observers because Thai is prestigious". Manager Online. สืบค้นเมื่อ 15 December 2018.