หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ)
พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ, ชื่อเดิม กิมเหลียง วัฒนปฤดา อักษรจีน: 金良 แต่มิได้มีเชื้อจีนแต่ประการใด[1]) เป็นราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์[2] นักคิด นักพูด นักเขียนคนสำคัญของไทย บุตรนายอิน และนางคล้าย เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2441 ที่จังหวัดอุทัยธานี บิดามารดามีอาชีพค้าขาย อายุ 8 ขวบเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดขวิด ตำบลสะแกกรัง เมื่อจบประถมศึกษา บิดาได้นำไปฝากให้บวชสามเณรอยู่กับพระมหาชุ้ย วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
วิจิตร วิจิตรวาทการ | |
---|---|
![]() | |
รักษาการแทนผู้ประศาสน์การ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
ดำรงตำแหน่ง กันยายน พ.ศ. 2493 – 5 เมษายน พ.ศ. 2494 | |
ก่อนหน้า | ศ.ดร.เดือน บุนนาค |
ถัดไป | พล.ท.สวัสดิ์ ส.สวัสดิ์เกียรติ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 11 สิงหาคม พ.ศ. 2441 จังหวัดอุทัยธานี |
เสียชีวิต | 31 มีนาคม พ.ศ. 2505 (63 ปี) |
คู่สมรส | คุณหญิง ประภาพรรณ วิจิตรวาทการ |
บุตร | น.พ. วิบูล วิจิตรวาทการ |
ลายมือชื่อ | ![]() |
การเข้าเป็นทหาร | |
สังกัด | กองทัพบกไทย |
ยศ | ![]() |
เมื่อท่านอายุ 13 ปี ในปี พ.ศ. 2453 ท่านได้ศึกษานักธรรมและบาลีจนจบนักธรรมเอกและเปรียญ 5 ประโยค โดยสอบได้เปรียญ 5 ประโยคเมื่ออายุ 19 ปีใน พ.ศ. 2459 สอบได้เป็นที่ 1ในประเทศได้รับประกาศนียบัตรหมายเลข 1 จากพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 6 และได้รับความไว้วางใจจากพระศรีวิสุทธิวงศ์ (เฮง เขมจารี) ให้เป็นครูสอนภาษาบาลีอีกด้วย
ท่านเป็นคนใฝ่รู้อย่างยิ่ง นอกจากเรียนนักธรรมและบาลีแล้วยังแอบเรียนภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ที่ต้องแอบเรียนเพราะเขาไม่ให้เรียนวิชาอื่น แต่ด้วยความอยากรู้ท่านจึงแอบเรียนจนมีความรู้ในภาษาทั้ง 2 ดี ได้แปลพงศาวดารเยอรมันเป็นไทยโดยใช้นามปากกาว่า "แสงธรรม"
เมื่ออายุ 20 ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นภิกษุ อยู่ในภิกขุภาวะได้เพียงเดือนเดียวก็ลาสิกขาออกมารับราชการที่กองการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ทำงานอยู่เป็นเวลา 2 ปี 3 เดือน ท่านก็ได้มีโอกาสไปรับตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ ประจำสถานอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส รับราชการที่สถานทูตแห่งนั้นได้ 6 ปีเต็ม แล้วได้ย้ายไปประจำการในสถานอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (ในขณะนั้นสยามยังไม่มีสำนักงานตัวแทนทางการทูตระดับสถานเอกอัครราชทูตประจำอยู่ในยุโรป มีเพียงสถานอัครราชทูตเท่านั้น อีกทั้งเมื่อครั้งยังรับราชการอยู่ที่กรุงปารีส ถือว่าร่วมสมัยกับที่คณะราษฎรได้ก่อตัวขึ้นมา แต่ท่านมิได้ถูกเชิญเข้าร่วมด้วย ในภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ท่านจึงก่อตั้ง "คณะชาติ" ขึ้นมาเพื่อหมายจะเปรียบกับคณะราษฎร แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงยุติบทบาทไป[3]) หลังจากนั้นได้กลับมาทำงานที่ประเทศไทยอีก
ในชีวิตราชการ ท่านได้ดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่ง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ อธิบดีกรมศิลปากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ ที่น่าสังเกตคือ ท่านได้เป็น "ปลัดบัญชาการสำนักนายกรัฐมนตรี"[4] (เทียบเท่าปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในปัจจุบันนี้) เป็นคนแรก และคนเดียวในประวัติศาสตร์ไทย ก่อนหน้าที่ท่านจะได้รับตำแหน่งนี้และหลังจากที่ท่านพ้นตำแหน่งไปแล้ว ไม่มีตำแหน่งปลัดบัญชาการในสำนักนายกรัฐมนตรี มีแต่เพียงตำแหน่งที่เทียบเท่ากันในชื่ออื่น อีกทั้งยังเป็นการรับตำแหน่งในสมัยที่มี จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจอมพลสฤษดิ์ดำรงตำแหน่งนายกฯได้มาจากการที่กระทำการรัฐประหาร จอมพล ป. พิบูลสงคราม ทั้งที่ท่านมีภาพลักษณ์ว่าเป็นผู้ที่สนิทสนมและรับใช้จอมพล ป. มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ได้ลาออกจากบรรดาศักดิ์พร้อมคณะรัฐมนตรีชุดที่ 9 โดยใช้ราชทินนามเป็นนามสกุลได้ว่า วิจิตร วิจิตรวาทการ เมื่อ พ.ศ. 2484[5]
หลังสงครามโลกครั้งที่สองสงบ ท่านถูกจับกุมและถูกไต่สวนในข้อหาอาชญากรรมสงครามอยู่ระยะหนึ่ง ร่วมกับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่ภายหลัง ศาลไทยตัดสินว่ากฎหมาย (ในกรณีนี้คือ พระราชบัญญัติอาชญากรรมสงคราม ซึ่งยกร่างขึ้นหลังจากสงครามสงบแล้ว) ย่อมไม่มีผลย้อนหลัง ท่านจึงได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ
ผลงานแก้ไข
หลวงวิจิตรวาทการ เป็นผู้แต่งหนังสือ
- ประวัติศาสตร์สากล ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 5 เล่ม โดยใช้นามปากกาว่า "วิเทศกรณีย์"
ท่านยังเป็นผู้ประพันธ์คำร้องและทำนองเพลงปลุกใจให้รักชาติประกอบเรื่องในละครประวัติศาสตร์ เช่น เพลงตื่นเถิดชาวไทย เพลงต้นตระกูลไทย เพลงรักเมืองไทย เพลงเลือดสุพรรณ เพลงแหลมทอง และเพลงกราวถลางเป็นต้น[6] นอกจากนั้นท่านยังแต่งบทละครอิงประวัติศาสตร์ และเพลงประกอบละครเหล่านั้น ไว้หลายเรื่องและหลายเพลง ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการปลุกเร้าความรู้สึกชาตินิยมในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี[7] [8]
รายชื่อละครประวัติศาสตร์
- นเรศวรประกาศอิสรภาพ (พ.ศ. 2477)
- เลือดสุพรรณ (พ.ศ. 2479)
- พระเจ้ากรุงธน (พ.ศ. 2480)
- ศึกถลาง (พ.ศ. 2480)[9]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข
- พ.ศ. 2502 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[10]
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.)
- เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))
- เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 (ว.ป.ร.2)
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
- สายชล สัตยานุรักษ์. (2545). ความเปลี่ยนแปลงในการสร้าง “ชาติไทย” และ “ความเป็นไทย” โดยหลวงวิจิตรวาทการ. กรุงเทพฯ: มติชน.
- Barmé, Scot. (1993). Luang Wichit Wathakan and the Creation of Thai Identity. Singapore: Institute of Southeast Asia Studies.
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ หลวงวิจิตรวาทการ
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์
- ↑ 2475 ตอน สองฝั่งประชาธิปไตย, สารคดี ทางทีพีบีเอส: 26 กรกฎาคม 2555
- ↑ แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการการเมืองในสำนักนายกรัฐมนตรี
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกราบถวายบังคมลาออกจากบรรดาศักดิ์
- ↑ สุเนตร ชุตินธรานนท์,พม่ารบไทย,สำนักพิมพ์มติชน,กันยายน 2556,หน้า 56.
- ↑ ประวัติหลวงวิจิตรวาทการ (1) /คีตา พญาไท
- ↑ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ
- ↑ พม่ารบไทย,หน้า 56.
- ↑ แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์