มู่หลาน (ภาพยนตร์ พ.ศ. 2563)

มู่หลาน (อังกฤษ: Mulan) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวดรามา โลดโผน จินตนิมิต ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2020 อำนวยการสร้างโดยวอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ กำกับโดย นิกิ คาโร เขียนบทโดย ริก จัฟฟา, อแมนดา ซิลเวอร์, รอเรน ไฮเนก และเอลิซาเบธ มาร์ติน เป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ภาพเคลื่อนไหวชื่อเดียวกันของดิสนีย์ เมื่อปี ค.ศ. 1998 ซึ่งมีพื้นฐานมาจากตำนานจีนเรื่อง ลำนำมู่หลาน นำแสดงโดย อีเฟย์ หลิว เป็นตัวละครหลัก ร่วมด้วยดอนนี เยน, จื่อ มา, เจสัน สกอตต์ ลี, โยซอน อัน, รอน หยวน, กง ลี่ และเจ็ท ลี

มู่หลาน
ใบปิดประชาสัมพันธ์
กำกับนิกิ คาโร
บทภาพยนตร์
สร้างจาก
อำนวยการสร้าง
  • คริส เบนเดอร์
  • เจค เวเนอร์
  • เจสัน ที. รีด
นักแสดงนำ
กำกับภาพแมนดี วอล์คเกอร์
ตัดต่อเดวิด คูลสัน
ดนตรีประกอบแฮร์รี เกร็กสัน-วิลเลียมส์[1]
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิกเชอส์
วันฉาย9 มีนาคม ค.ศ. 2020 (2020-03-09)(Dolby Theatre)
กันยายน 4, 2020 (United States)
ความยาว115 นาที[2]
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง$200 million[3]
ทำเงิน$69.9 million[4][5]

เดิม มู่หลาน มีกำหนดออกฉายวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ก่อนจะถูกเลื่อนวันฉายออกไป 3 ครั้ง ต่อมาวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ดิสนีย์ประกาศเลื่อนวันฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาที่กำลังดำเนินอยู่[6] แต่ท้ายที่สุดดิสนีย์ประกาศฉาย มู่หลาน ในสหรัฐผ่านทางสื่อส่งผ่านสัญญาณต่อเนื่องดิสนีย์+ ในวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2563[7] ขณะที่ในประเทศไทยเข้าฉายในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2563 ในโรงภาพยนตร์[8]

เนื้อเรื่อง

ประเทศจีนสมัยศักดินา มีสตรีนาม ฮฺวา มู่หลาน (花木蘭) มีอุปนิสัยกล้าบ้าบิ่น ซึ่งขัดต่อใจของบิดามารดาที่หวังว่า วันหนึ่ง บุตรสาวจะได้สามีดี ๆ และบีบให้บุตรสาวเข้าพบแม่สื่อเพื่ออบรมการเป็นแม่ศรีเรือน แต่มู่หลานก่อความวุ่นวายในขณะรินน้ำชาให้แม่สื่อ จึงถูกด่าทอว่า เป็นความอดสูของวงศ์ตระกูล

ขณะเดียวกัน บอรี ข่าน (布利可汗) ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากแม่มดเซียนเหนียง (仙娘) นำกำลังเมืองข่านโหรวหราน (柔然) รุกรานเข้ามาทางภาคเหนือ สมเด็จพระจักรพรรดิจึงทรงเรียกเกณฑ์ทหารไปรับศึก รับสั่งให้ทุกครอบครัวต้องส่งบุรุษอย่างน้อยหนึ่งคนเข้ากองทัพ เจ้าหน้าที่มาถึงหมู่บ้านของมู่หลานเพื่อเกณฑ์ชาย ฮฺวา โจว (花周) บิดาของมู่หลาน ซึ่งสูงวัยและสุขภาพย่ำแย่แล้ว จำต้องเข้ารับใช้บ้านเมืองเนื่องจากหาบุตรชายมิได้ มู่หลานเห็นว่า บิดาไปก็เป็นแต่ไปตาย จึงลักเกราะ ม้า และอาวุธของบิดาหลบหนีไปเข้ากองทัพแทนบิดา และได้เข้ารับการฝึกทหารของแม่ทัพถัง (董將軍) โดยปลอมตนเป็นชาย และใช้ชื่อว่า ฮฺวา จวิน (花军)

เมื่อกองทัพโหรวหรานรุกหน้ามาเรื่อย ๆ แม่ทัพถังจำต้องยุติการฝึกและส่งกองกำลังออกไปรับหน้า ขณะออกศึก มู่หลานเผชิญหน้ากับแม่มดเซียนเหนียงผู้ทราบว่า แท้จริงแล้ว มู่หลานเป็นหญิง และพยายามสังหารมู่หลาน แต่แพ้ไม่สำเร็จ จึงหนีไป ส่วนมู่หลานได้กระทำให้หิมะถล่มเพื่อหยุดยั้งกองทัพโหรวหราน แล้วขี่ม้ากลับค่ายไปช่วยนายทหารนาม เฉิน หงฮุย (陳洪輝) ทั้งสองได้ผูกมิตรภาพกัน แต่เนื่องจากทุกคนทราบแล้วว่า มู่หลานเป็นหญิง มู่หลานจึงได้รับคำสั่งให้กลับบ้านไปเสีย

ระหว่างทาง มู่หลานพบแม่มดเซียนเหนียงอีก แม่มดเผยว่า ที่ช่วยเมืองโหรวหราน เพราะฝังใจที่ถูกผู้คนจีนรังเกียจที่เป็นแม่มด และซึ้งใจที่บอรี ข่านปฏิบัติกับตนอย่างเท่าเทียม ทั้งว่า การโจมตีที่ผ่านมาเป็นแต่แผนเบนความสนใจ เพราะแผนที่แท้จริงของบอรี ข่าน คือ บุกเข้าเมืองหลวงไปปลงพระชนม์พระจักรพรรดิแก้แค้นที่ประหารบิดาเขาแต่ครั้งก่อน มู่หลานจึงกลับไปแจ้งแก่กองทัพ แม้การกลับไปอาจมีโทษถึงชีวิตก็ตาม อย่างไรก็ดี แม่ทัพถังเชื่อถือมู่หลาน และยอมให้นางร่วมภารกิจช่วยเหลือจักรพรรดิ

ที่พระราชวัง บอรี ข่านนำกำลังมาถึงและท้าให้จักรพรรดิมารบกันตัวต่อตัว ขณะที่ทหารองครักษ์ถูกกองทัพโหรวหรานกำจัดสิ้นแล้ว และบอรี ข่านพร้อมพวกก็เตรียมเผาจักรพรรดิทั้งเป็น เมื่อกองกำลังของมู่หลานมาถึง ก็เบนความสนใจของชาวเมืองโหรวหรานด้วยกลวิธีต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้มู่หลานบุกเข้าไปถวายอารักขา ทว่า บอรี ข่านใช้เกาทัณฑ์ยิงมู่หลาน แต่แม่มดเซียนเหนียงเกิดสงสาร จึงแปลงตนเป็นเหยี่ยวไปรับลูกศรแทนจนถึงแก่ความตาย มู่หลานได้รบกับบอรี ข่าน ซึ่งทำลายกระบี่ประจำตระกูลของมู่หลาน แล้วมู่หลานก็ล่อลวงให้บอรี ข่านตกลงสู่เบื้องล่างแล้วใช้ลูกศรจบชีวิตเขาได้สำเร็จ และไปปลดปล่อยจักรพรรดิจากพันธนาการ พระองค์ทรงเสนอให้นางเข้าเป็นราชองครักษ์ แต่นางทูลปฏิเสธและขอกลับคืนไปบ้านเดิม

เมื่อมู่หลานถึงบ้านแล้ว สมเด็จพระจักรพรรดิทรงให้แม่ทัพถังนำกระบี่เล่มใหม่มาประทานแก่มู่หลาน ส่วนแม่ทัพก็เสนอเป็นการส่วนตัวให้มู่หลานเข้าเป็นทหารองครักษ์

นักแสดง

  • หลิว อี้เฟย์ แสดงเป็น ฮฺวา มู่หลาน (花木蘭): บุตรสาวคนโตของฮฺวา หู ฝ่าฝืนประเพณีและกฎหมายโดยปลอมเป็นชายไปเป็นทหารแทนบิดาที่ป่วย โดยใช้ชื่อว่า "ฮฺวา จวิน" (เสียงพากย์ไทยโดย พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์)
  • ดอนนี เยน แสดงเป็น แม่ทัพถัง (董將軍): แม่ทัพใหญ่จีน พี่เลี้ยงและครูฝึกของมู่หลาน เป็นหัวหน้าทหารหลวง
  • เจสัน สกอตต์ ลี แสดงเป็น บอรี ข่าน (布利可汗): ข่านและผู้นำนักรบชาวโหรวหราน ร่วมมือกับแม่มดเซียนเหนียงเพื่อแก้แค้นแทนบิดา
  • โยซอน อัน แสดงเป็น เฉิน หงฮุย (陳洪輝): ชายหนุ่มมาดมั่นเด็ดเดี่ยว ถูกเกณฑ์เข้ากองทหารของแม่ทัพถัง เป็นคู่ปรับมู่หลาน ต่อมาเป็นเพื่อนร่วมรบและร่วมรัก
  • กง ลี่ แสดงเป็น เซียนเหนียง (仙娘): แม่มดที่มีฤทธิ์และมุ่งร้าย สามารถแปลงกายเป็นเหยี่ยวได้ ร่วมมือกับบอรี ข่าน
  • เจ็ท ลี แสดงเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิ: ผู้ปกครองประเทศจีนโดยชอบธรรม รับสั่งให้เกณฑ์บุรุษครอบครัวละหนึ่งคนไปรบกองทัพโหรวหราน
  • รอน หยวน แสดงเป็น เจียง (姜副官): รองหัวหน้าทหารหลวงผู้จงรักภักดี
  • หมา จื้อ แสดงเป็น ฮวา โจว (花周): บิดาของมู่หลาน อดีตขุนศึกเลื่องชื่อ แม้ป่วยก็ถูกเรียกกลับเข้าประจำการ
  • จ้าว เจียหลิง แสดงเป็น ฮวา หลี่ (花李): มารดาของมู่หลาน
  • ซานา ถาง แสดงเป็น ฮวา ซิ่ว (花秀): น้องสาวของมู่หลาน
  • จิมมี วอง แสดงเป็น หลิง: นายทหารในหน่วยของแม่ทัพถัง
  • Doua Moua แสดงเป็น เฉิน โป: นายทหารอ้วนในหน่วยของแม่ทัพถัง
  • เฉิน ถาง เป็น เหย่า: นายทหารผู้ห้าวหาญในหน่วยของแม่ทัพถัง
  • Utkarsh Ambudkar แสดงเป็น สแคทช์: นักต้มตุ๋น และสหายของรามทิช
  • Chum Ehelepola แสดงเป็น รามทิช: นักต้มตุ๋น และสหายของสแคทช์
  • เนลสัน ลี แสดงเป็น อัครมหาเสนาบดี: หัวหน้าเสนาบดีและองคมนตรีของจักรวรรดิจีน
  • เจิ้ง เพ่ย์เพ่ย์ แสดงเป็น แม่สื่อ: สตรีเข้มงวดน่าเกรงขาม ทำหน้าที่จัดการสมรสและประเมินความเป็นไปได้ของการเป็นเจ้าสาว โดยเฉพาะสำหรับมู่หลาน
  • อาร์กา ดาส แสดงเป็น นายทหารหมวกแดง: ถูกเซียนเหนียงใช้วิชาสะกดจิตเพื่อที่นางและบอรี ข่านจะบุกรุกเข้าพระราชวัง

ความขัดแย้ง

การคว่ำบาตร

 
หลิว อี้เฟย์ ได้บทนำเป็นมู่หลาน

เริ่มมีการเรียกร้องให้คว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องนี้ หลังจากที่หลิว อี้เฟย์ ผู้แสดงเป็นมู่หลาน แชร์โพสต์จากหนังสือพิมพ์ พีเพิลส์เดลี (People's Daily) ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นรูปฟู่ กั๋วหาว (付國豪) นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ โกลบ็อลไทมส์ (Global Times) ของพรรคคอมมิวนิสต์ ถูกผู้ชุมนุมในการประท้วงต่อต้านรัฐบาล รุมทำร้าย และหลิว อี้เฟย์ ลงข้อความประกอบว่า ภาพดังกล่าวเป็นความอัปยศของฮ่องกง และตนสนับสนุนตำรวจฮ่องกง ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในระดับสากลว่า หลิว อี้เฟย์ สนับสนุนให้ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม มีการใช้แฮชแท็ก #BoycottMulan (คว่ำบาตรมู่หลาน) เพื่อต่อต้านภาพยนตร์เรื่องนี้ และแฮชแท็กดังกล่าวก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว[9][10][11]

สืบเนื่องจากเรื่องดังกล่าว หลิว อี้เฟย์ จึงไม่เข้าร่วมงาน ดี23 เอ็กซ์โป 2019 ซึ่งเปิดให้สาธารณชนได้ชมตัวอย่างภาพยตร์เรื่องนี้[12]

การถอดบทนายกองหลี่

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เจสัน ที. รีด (Jason T. Reed) ผู้อำนวยการผลิตภาพยนตร์นี้ แถลงว่า ได้ถอดบทของนายกองหลี่ (李少尉) ซึ่งเป็นคนรักของมู่หลานในฉบับแอนิเมชัน ออกจากฉบับภาพยนตร์ โดยกล่าวว่า การมีทหารอยู่ในภาพยนตร์ทำให้เป็นที่ลำบากใจอย่างยิ่ง[13] ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในกลุ่มหลากหลายทางเพศซึ่งมองว่า ความรักระหว่างนายกองหลี่ กับมู่หลานที่ปลอมตัวเป็นชาย เป็นความรักแบบไบเซ็กชวล[14][15]

เจสัน ที. รีด กล่าวว่า เบื้องต้นประหลาดใจที่ได้เสียงตอบรับดังกล่าว แต่ก็ยอมรับว่า ตัวละครนายกองหลี่นี้เป็น "ตัวแทนของกลุ่มหลากหลายทางเพศ" ไปแล้ว[16] ทั้งชี้แจงว่า ได้นำตัวละครใหม่สองตัวมาใส่แทนนายกองหลี่ คือ แม่ทัพต่ง กับเฉิน หงฮุย[14][16]

การไม่ใช้คนเอเชียกำกับ

ดิสนีย์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่ใช้คนผิวขาวเป็นผู้กำกับภาพยนตร์นี้ แทนที่จะใช้ชาวเอเชีย เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว นิกี คาโร (Niki Caro) ผู้รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ แถลงในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ว่า แม้ภาพยนตร์นี้จะเป็นเรื่องจีนและดำเนินเรื่องในวัฒนธรรมกับประวัติศาสตร์จีน แต่ก็มีวัฒนธรรมอื่นเจือปนอยู่ด้วย ซึ่งก็คือวัฒนธรรมของดิสนีย์ ใครก็ตามที่มากำกับต้องคุมได้ทั้งสองวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเหตุให้ตนได้รับตำแหน่งผู้กำกับ[17]

การถ่ายทำในซินเจียง

ภาพยนตร์ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่ถ่ายทำในซินเจียงอันเป็นที่ตั้งค่ายกักกันชาวเติร์ก และท้ายภาพยนตร์ ดิสนีย์ยังขึ้นข้อความขอบคุณหน่วยงานราชการจีนหลายแห่ง รวมถึงคณะกรรมการท้องถิ่นหลายคณะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กับสำนักความมั่นคงสาธารณะ (public security bureau) ซึ่งควบคุมค่ายกักกันดังกล่าว[18][19]

จอช ฮอว์ลีย์ (Josh Hawley) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ มีหนังสือเรียกให้บ็อบ ชาเพก (Bob Chapek) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดิสนีย์ ชี้แจงว่า รัฐบาลจีนเกี่ยวข้องอย่างไรในภาพยนตร์นี้[20] และมูลนิธิสิทธิมนุษยชน (Human Rights Foundation) มีหนังสือถึงบ็อบ ชาเพก ให้ดิสนีย์แถลงประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้ชัดเจน และพิจารณาบริจาครายได้ของภาพยนตร์เพื่อการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในซินเจียง[20]

รอยเตอส์รายงานว่า หลังจากที่ภาพยนตร์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในระดับสากลโดยมีประเด็นเชื่อมโยงกับซินเจียง รัฐบาลจีนได้ห้ามสื่อมวลชนในประเทศเสนอข่าวเกี่ยวกับภาพยนตร์นี้[21]

อ้างอิง

  1. "Harry-Gregson-Williams to Score Disney's 'Mulan' Live-Action Movie". Film Music Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 24, 2018. สืบค้นเมื่อ August 24, 2018.
  2. "Mulan (12A)". British Board of Film Classification. March 12, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 29, 2020. สืบค้นเมื่อ June 26, 2020.
  3. Pallotta, Frank (February 14, 2020). "Disney's 'Mulan' was supposed to be a big hit in China. The coronavirus could threaten that". CNN Business. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 14, 2020. สืบค้นเมื่อ February 22, 2020.
  4. "Mulan (2020)". Box Office Mojo. IMDb. สืบค้นเมื่อ February 15, 2021.
  5. "Mulan (2020)". The Numbers. Nash Information Services, LLC. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 21, 2020. สืบค้นเมื่อ February 15, 2021.
  6. ธนากร สุนทร (July 24, 2020). "A Quiet Place 2 เลื่อนไปฉายปี 2021, Mulan เลื่อนไปไม่มีกำหนด, ส่วนภาคต่อ Avatar และไตรภาคใหม่ Star Wars เปลี่ยนวันฉายใหม่เช่นกัน". The Standard. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
  7. Cholsiripong, Thongchai (August 5, 2020). "เลื่อนต่อไปไม่ไหวแล้ว Disney เตรียมปล่อยหนัง Mulan เวอร์ชันคนแสดง ผ่านสตรีมมิ่ง Disney+ แบบชนโรง". Brand Inside. สืบค้นเมื่อ August 5, 2020.
  8. เก้า มีนานนท์ (August 5, 2020). "ระวัง…สิ้นสุดทางเลื่อน Mulan เตรียมเข้าฉายในไทย 3 กันยายนนี้". The Standard. สืบค้นเมื่อ August 5, 2020.
  9. Ramzy, Austin (August 14, 2019). "Soul Searching Among Hong Kong Protesters After Chaos at Airport". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 18, 2019. สืบค้นเมื่อ August 16, 2019.
  10. Yeung, Jessie (August 16, 2019). "Hong Kong protesters call for 'Mulan' boycott after star went public in support of police". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 18, 2019. สืบค้นเมื่อ August 16, 2019.
  11. "Liu Yifei: Mulan boycott urged after star backs HK police". BBC. August 16, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 18, 2019. สืบค้นเมื่อ August 16, 2019.
  12. Nissen, Dano (August 24, 2019). "'Mulan' Star Crystal Yifei Liu Skips D23 Amid International Controversy". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 23, 2019. สืบค้นเมื่อ October 26, 2019.
  13. Szany, Wendy Lee (February 27, 2020). "'Mulan': Why Captain Li Shang Isn't in the Live-Action Remake". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 29, 2020. สืบค้นเมื่อ March 2, 2020.
  14. 14.0 14.1 Maleh, Linda (February 28, 2020). "Disney Blames #MeToo For Li Shang's Absence From 'Mulan' In New Controversy". Forbes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 29, 2020. สืบค้นเมื่อ March 2, 2020.
  15. "Mulan: Disney drop character following #MeToo movement". BBC News. March 2, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2020. สืบค้นเมื่อ March 2, 2020.
  16. 16.0 16.1 Rearick, Lauren (February 28, 2020). "Mulan" Love Interest Li Shang Was Reportedly Split Into Two Characters Because of MeToo". Teen Vogue. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 3, 2020. สืบค้นเมื่อ March 2, 2020.
  17. Ford, Rebecca (February 26, 2020). "Inside Disney's Bold $200M Gamble on 'Mulan': "The Stakes Couldn't Be Higher"". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 26, 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-09-09.
  18. Kuo, Lily (September 7, 2020). "Disney remake of Mulan criticised for filming in Xinjiang". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 7, 2020. สืบค้นเมื่อ September 7, 2020.
  19. "Disney criticised for filming Mulan in China's Xinjiang province". BBC News. September 7, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 8, 2020. สืบค้นเมื่อ September 7, 2020.
  20. 20.0 20.1 Bond, Paul (11 September 2020). "As Mulan Opens in China, Disney is Under Fire From All Sides in America". Newsweek (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 11 September 2020.
  21. "Exclusive: China bars media coverage of Disney's "Mulan" after Xinjiang backlash - sources". Reuters. September 10, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ September 10, 2020.

แหล่งข้อมูลอื่น