ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หมื่นมวยมีชื่อ (ปล่อง จำนงทอง)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ขาดอ้างอิง}}
{{รอการตรวจสอบ}}
{{กล่องข้อมูล นักมวย
| ชื่อ = หมื่นมวยมีชื่อ
เส้น 25 ⟶ 24:
 
== ประวัติ ==
[[ไฟล์:หมื่นมวยมีชื่่อ.jpg|thumb|หมื่นมวยมีชื่อ]]
[[File:หมื่นมวยมีชื่่อ.jpg|thumb|Add caption here]]นายปล่อง จำนงทอง เป็นคนบ้านหัววัว [[ตำบลเลม็ด]]โดยกำเนิด ลักษณะของท่านเป็นคนสันทัดคน หน้ากว้าง คางเรียว จมูกแหลมงุ้ม ผมหยักศกเล็กน้อย แผงอกใหญ่ แขนใหญ่ ข้อมือเล็ก น่องเล็ก ผิวค่อนไปข้างขาว แต่มีตบะน่าเกรงขาม ไม่ดุแต่คนกลัว ดูรูปร่างแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนที่มีความรวดเร็วและว่องไว เพราะการฝึกหัดศิษย์ท่านมีความรวดเร็วเหนือลักษณะรูปร่างเป็นอันมาก ไม่ว่าลูกศิษย์จะทำอะไรลูกไม้มวยแบบไหน ท่านสามารถที่จะปิดป้องได้จนหมดสิ้น
 
นายปล่อง จำนงทอง ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าจากสมเด็จพระปิยะมหาราช [[รัชกาลที่ 5]] ให้เป็น '''หมื่นมวยมีชื่อ ''' เพราะได้เป็นผู้พิชิตมายมวยฝีมือดี ลูกศิษย์พระเหมสมาหาร เจ้าเมืองโคราช โดยทำการต่อสู้ กันในงานเมรุกรมขุนมรุพงษ์ศิริพัฒน์ ณ ท้องทุ่งสุเมรุด้านใกล้ๆกับป้อมเผด็จดัสกร ก็โปรดเกล้าฯ ให้นักมวยฝีไม้ลายมือดีชกชนะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ (ข้าราชการชั้นประทวน) “ หมื่นมวยมีชื่อ” (ปลอง จำนงทอง) เป็นนักมวยจากไชยา และ “[[หมื่นมือแม่นหมัด]]” แห่งบ้านทะเลชุบศร จังหวัดลพบุรี กับอีกผู้หนึ่งได้เป็น [[หมื่นชงัดเชิงชก]] (แดง ไทยประเสริฐ) แห่งเมืองโคราช หรือนครราชสีมา ข้าราชการชั้นประทวนทั้งสามท่านนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯไม่ต้องเสียส่วยสาอากร แม้กระทั่งทำความผิดก็ให้กรมการบ้านเมืองพิจารณาลดหย่อนผ่อนโทษ ตามสมควร นับเป็นความภูมิใจของคนทั้งเมืองไชยาและลูกหลานของตระกูล “จำนงทอง” ที่นายปลอง จำนงทอง ได้เป็นตัวแทนของคนไชยาและได้นำเกียรติประวัติอันสูงส่งมาสู่เมืองไชยา
 
กล่าวกันว่าท่านเป็นคนหนังเหนียว ครั้งชกมวยหน้าพระที่นั่งและได้ตำแหน่งหมื่นกลับมานั้น ท่านถูกชกถูกบริเวณใต้ตาซ้าย มีอาการเขียวคล้ำอย่างมากแต่ไม่แตก จากความเป็นคนสู้คน กรรมการและพรรคพวกบอกให้ยอมแพ้ แต่ท่านคิดว่าถ้าแพ้ขอตายหน้าพระที่นั่ง จนการต่อสู้จบลงด้วยชัยชนะ และจากการต่อสู้ครั้งนี้เอง ที่ทำให้ท่านเป็นรอยเขียวช้ำจนตลอดชีวิต แม้ตอนที่เสียชีวิตรอยเขียวช้ำนั้นจะจางหายไปบ้างแล้วก็ตามนอกจาการต่อสู้ในครั้งนั้นแล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งคือ ตอนที่ท่านนำนักมวยไปชกในงานรับเสด็จรัชกาลที่ 6 ที่บนควนท่าข้าม อำเภอพุนพิน ตอนขากลับท่านได้รับอุบัติเหตุคือ เรือใบถูกลมพัดจัด เสาใบหักลงตีศีรษะของท่านเป็นรอยบุ๋มทุกคนในเรือคิดว่าท่านศีรษะต้องแตก แต่เมื่อท่านเปิดมือที่กุมหัวให้ดู ทุกคนก็เห็นว่าไม่มีเลือดไหลออกมาเลย นอกจากจะเห็นศีรษะของท่านเป็นรอยบุ๋มลง และจากอุบัติเหตุครั้งนี้เองที่ทำให้ท่านกลายเป็นคนที่หูค่อนข้างตึงไปเล็กน้อย
 
== การฝึกมวย ==
[[ไฟล์:K4ท่ามวยไชยา.jpg|thumb|การประลองกับมวยจีน]]
 
[[File:K4ท่ามวยไชยา.jpg|thumb|Add caption here]]การฝึกมวยให้กับศิษย์ของท่าน ส่วนใหญ่ท่านจะคอยนั่งดูและจะแนะนำให้นอกจากจะไม่พอใจเท่านั้นท่านจึงจะลงมาสวมนวมซ้อมให้เอง แต่ไม่ค่อยมีใครกล้าซ้อมกับท่าน เพราะการซ้อมกับท่านต้องทำจริงโดยท่านจะเป็นผู้แสดงวิธีแก้ลูกไม้มวยแต่ละอย่างให้พร้อมทั้งการจู่โจมเข้าทำ เนื่องจากท่านเป็นคนที่มีความรวดเร็วในการเข้าออกในการต่อสู้ รวมทั้งเข้ามวยได้ทั้งซ้ายและขวา ลูกศิษย์ของท่านต้องเข้ามวยได้ทั้งสองข้าง ถ้าใครเข้ามวยเพียงด้านเดียวแล้ว ส่วนใหญ่จะได้รับการฝึกเป็นพิเศษ จนบางครั้งต้องเป็นอันตรายก็มี เช่น นายนุ้ย อักษรชื่น เป็นแผลเป็นที่หน้าแข้งยาว เกือบ 2 นิ้วมาจนทุกวันนี้ นายรับ เมืองคล้ายหน้าแข้งยังบวมปูดอยู่จนทุกวันนี้ ก็เพราะลูก “ฉัด” (การใช้นิ้วเท้าเตะไปที่หน้าแข้ง) จากการฝึกหัดที่อาจจะเจ็บตัวกว่าการที่ชกจริง ทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าลงนวมซ้อมกับท่าน เคยมีครั้งหนึ่งท่านไม่พอใจในการฝึก ถึงมาลงนวม เพื่อซ้อมให้ ปรากฏว่าหลานชายต้องกระโดดน้ำหนีทั้งๆที่ยังสวมนวมอยู่ แต่เมื่อท่านไม่อยู่ ผู้ที่ควบคุมการฝึกซ้อมได้แก่ นางอาบ ลูกสาวคนโต ถึงแม้ลูกๆของท่านจะเป็นผู้หญิงแทบทั้งหมด แต่ท่านยังฝึกมวยให้สำหรับลูกที่สนใจ อย่างเช่นนางอาบและนางปราง เป็นต้น
 
== ชีวิตครอบครัว ==