สนประดิพัทธ์
สนประดิพัทธ์ หรือสนปฏิพัทธ์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Casuarina junghuhniana) เป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่มสูงปลายยอดแหลม ในวงศ์สนทะเล (Casuarinaceae) ที่มีถิ่นกำเนิดในเกาะชวาและหมู่เกาะซุนดาน้อย ประเทศอินโดนีเซีย ชื่อของสนประดิพัทธ์เชื่อว่าตั้งตามชื่อของผู้ที่นำเข้ามาในประเทศไทยคือ “พระยาประดิพัทธ์ภูบาล” และยังใช้เป็นชื่อของหาดหนึ่งในอำเภอหัวหิน ที่อยู่ไม่ไกลไปทางใต้ของเขาตะเกียบ ซึ่งเรียก “หาดสวนสนประดิพัทธ์” ที่มีที่มาจากทิวสนประดิพัทธ์ที่ปลูกตลอดแนวของชายหาดที่เงียบสงบแห่งนี้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ขนาดกลางมีความสูง 15-35 เมตร ขนาดทรงพุ่ม 4-6 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดรูปกรวยแหลม แตกกิ่งก้านจำนวนมาก กิ่งขนาดเล็กทำมุมแหลมกับลำต้น และแตกกิ่งเป็นระเบียบไม่โค้งงอ[1] กิ่งแขนงขนาดเล็กสีเขียว เป็นเส้นกลมห้อยลง มีข้อรอบกิ่งชัดเจนและหักหลุดเป็นข้อๆ เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้มปนเทา เปลือกมักแตกเป็นร่องตามแนวตั้ง ลอกเป็นแผ่นเล็ก ๆ และอาจห้อยตามลำต้น[2]
รากของไม้สนนี้จะมีปมคล้ายกับพืชตระกูลถั่ว และยังเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินเช่นเดียวกับพืชตระกูลถั่ว[3]
ใบเดี่ยว เรียงเวียนเป็นวงกลมที่ข้อกิ่งเป็นช่อ 8-10 ใบ ใบยาวเป็นข้อปล้อง เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-1.0 มม. ปล้องยาว 6-7 มม. ปลายปล้องคล้ายหนามแหลม 9-11 ซึ่ สามารถถอดออกได้เป็นข้อ ๆ ยอดอ่อนหรือปลายกิ่งอ่อนมีสีเหลือง[2] ใบร่วงง่าย
กิ่งก้านขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-1.0 มม. ปล้องยาว 6-7 มม. มีสันโดดเด่น 9-11 กาบใบโหนกมีฟัน 9-11 ซี่สีฟางซีดส่วนปลอด 0.6- 0.8 x 0.2-0.3 มม. ช่อดอกตัวผู้ยาว 15-35 มม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-4 มม. กาบเรียงเป็นวงกว้าง 10-30 ช่อแต่ละช่อมี 9 ช่อมีดอกเดียวในแต่ละกาบ Infructescence subglobose-oblong, 8-12 x 10-14 mm; วาล์ว infructescence แบบจับคู่ 9-12 ขวด 9-11 วาล์วในแต่ละวงสลับกับวาล์วที่อยู่ในวงถัดไป Samaras สีน้ำตาลอมเหลือง
ดอก ขนาดเล็ก แบบแยกเพศและแยกต้น ดอกเพศผู้สีน้ำตาลอ่อนหรือสีเหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดที่ปลายกิ่ง รูปทรงกระบองเรียว ช่อดอกตั้งยาว 1-3 ซม. เกสรเพศผู้ 1 อัน สีน้ำตาล ดอกเพศเมีย สีน้ำตาลอมเทา ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแน่นที่ปลายกิ่งสั้นๆ รูปทรงกระบอก หรือเกือบกลม ไม่มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก แต่มีกลีบประดับขนาดเล็ก 2 กลีบ เส้นผ่านศูนย์กลางช่อดอกประมาณ 0.5 ซม. ออกดอกเดือน ธ.ค.-ก.พ. ในประเทศไทยขยายพันธุ์โดยการปักชำ ตอนกิ่ง หรือหน่อจากรากเนื่องจากมีแต่ต้นเพศผู้[2][4][3][1]
ผล อยู่ในกลีบประดับย่อย เมล็ดกลมเล็ก
สนประดิพัทธ์ (C. junghuhniana) ต่างจากสนทะเล (C. equisetifolia) คือ ทรงพุ่มที่แคบกว่า กิ่งที่เล็กและเป็นระเบียบ ไม่มีปมหรือลำต้นที่โค้งงอ และสนในในวงศ์สนทะเล (Casuarinaceae) นี้ยังต่างจากสนแท้อื่น ๆ (pine) ได้แก่ สนสองใบและสนสามใบ ตรงที่ใบเป็นข้อปล้องสามารถถอดออกได้
อนุกรมวิธานและการตั้งชื่อ
สนประดิพัทธ์ (Casuarina junghuhniana) จัดอยู่ในวงศ์สนทะเล (Casuarinaceae) มีชื่อสามัญอื่นคือ Mountain Ru, Red-tipped Ru, Horsetail Tree, Ru Ronan (และบางครั้งอาจเรียก Iron Wood ซึ่งเป็นชื่อสามัญอื่นของสนทะเล[3])
ในประเทศไทยชื่อสามัญ "สนประดิพัทธ์" เชื่อว่าตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่พระยาประดิพัทธ์ภูบาล (คอยู่เหล ณ ระนอง) ซึ่งเป็นผู้นำสนตันนี้มาจากสิงคโปร์[4]
ถิ่นกำเนิดและการแพร่กระจาย
มีถิ่นกำเนิดในเกาะชวาและหมู่เกาะซุนดาน้อย ประเทศอินโดนีเซีย
นิเวศวิทยา
ขึ้นในดินทรายใกล้ทะเล (ดินปนทรายหรือดินเค็ม) จนถึงภูเขาสูงถึง 3,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทรายจนถึงดินเหนียว ซึ่งมีความเป็นกรด เป็นด่าง pH 2-8[3] ทนน้ำท่วมขัง[4]
เคมี
สารสำคัญสกัดจากรากสนประดิพัทธ์ (Casuarina junghuhniana) คือสารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ต้านจุลชีพจำพวกแบคทีเรียโรคพืช (phytopathogens) การศึกษาทางโครมาโทกราฟีระบุว่า พบกรดฟีนอลิก และฟลาโวนอยด์ที่มากในส่วนราก อาจเป็นตัวช่วยในการเจริญเติบโตในดินที่ขาดธาตุอาหารอย่างรุนแรง ด้วยการสร้างความต้านทานต่อเชื้อโรคพืช และอาจนำไปใช้เป็นสารป้องกันชีวภาพสำหรับการจัดการโรคพืชในพืชอื่น อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
เปิดผิดรูปหรือมีชื่อที่ใช้ไม่ได้
การใช้ประโยชน์
นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ปลูกเป็นแนวกันลม สามารถตัดแต่งเป็นรูปต่างๆ ได้ ปลูกในสวนหรือพื้นที่ที่ไม่ต้องการดูแลรักษามาก[4]
เป็นไม้โตเร็ว เนื้อไม้แข็งแน่น แต่เนื้อไม้ฉีกและบิดตัวง่ายเมื่ออบหรือตากให้แห้ง จึงใช้ในงานแปรรูป ทำเฟอร์นิเจอร์ ปาร์เก้ได้ค่อนข้างยาก โดยทั่วไปใช้ในงานไม้โครงสร้าง เช่น ใช้ทำเสาโป๊ะ เสากระโดงเรือ ไม้กระดาน ไม้ฝา เนื้อไม้เหมาะแก่การทำฟืน ถ่าน เนื่องจากให้ความร้อนสูงและมีเถ้าต่ำ
- ↑ 1.0 1.1 Normita Thongtham. Casuarina and effects Bangkok Post, 23 กุมภาพันธ์ 2558.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 ไทยเกษตรศาสตร์ สนประดิพัทธ์ 4 ธันวาคม 2557.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 สนประดิพัทธ์ อ้างอิงจาก นันทวัน บุญยะประภัศร, บรรณาธิการ , อรนุช โชคชัยเจริญพร. (2543). สมุนไพรไม้พื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล. สืบค้นเมื่อ 3 มกราคม 2564.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 บ้านและสวน สนประดิพัทธ์ อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง 4 กรกฎาคม 2559.