พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ไต้หวัน)
พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (อังกฤษ: Democrat Progressive Party ย่อ: DPP จีนตัวเต็ม: 民主進步黨; จีนตัวย่อ: 民主进步党) เป็นพรรคการเมืองเสรีนิยมของสาธารณรัฐจีน ซึ่งยังคงดำรงอยู่ในไต้หวัน พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าถือว่าเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่มีบทบาททางการเมือง ที่ไม่ใช่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเหมือนพรรคก๊กมินตั๋ง จากการเลือกตั้ง พ.ศ. 2559 พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าได้รับเสียงข้างมากในสภาส่งผลให้ไช่ อิงเหวิน กลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวัน [5] ทั้ง 2 พรรคมีนโยบายต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของเอกราชของไต้หวัน
พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า 民主進步黨 Mínzhǔ Jìnbù Dǎng | |
---|---|
ชื่อย่อ | 民進黨 |
ประธาน | Cho Jung-tai |
เลขาธิการ | Luo Wen-jia |
ก่อตั้ง | 28 กันยายน 1986 |
ที่ทำการ | ไทเป, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) |
สถาบันนโยบาย | New Frontier Foundation |
สมาชิกภาพ (ปี 2014) | 335,643 |
อุดมการณ์ | |
จุดยืน | Centre[3] to centre-left[4] |
กลุ่มระดับชาติ | พันธมิตรฟั่นลวี่ (แนวร่วมสีเขียว) |
กลุ่มระดับสากล | Liberal International |
สี | เขียว |
Legislative Yuan | 51 / 113
|
Municipal Mayoralties | 2 / 6
|
City Mayoralties and County Magistracies | 3 / 16
|
Local Councillors | 267 / 910
|
Township Chiefs | 35 / 204
|
เว็บไซต์ | |
dpp.org.tw | |
ธงประจำพรรค | |
การเมืองไต้หวัน รายชื่อพรรคการเมือง การเลือกตั้ง |
ประวัติ
แก้ในอดีต บทบาททางการเมืองของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) มักจะถูกครอบงำโดยพรรคก๊กมินตั๋ง เนื่องจากพรรคก๊กมินตั๋งมีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการศึกษาในเกาะไต้หวัน ทำให้ชนะการเลือกตั้งแทบทุกครั้ง พรรคฝ่ายค้านในไต้หวันแทบไม่มีบทบาทใดๆ จนถึงการเลือกตั้งในปี 2529 ประเด็นในเรื่องของอัตลักษณ์ไต้หวันและทวงความเป็นธรรมในเหตุการณ์ 228 ทำให้พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ที่มีนโยบายเสรีนิยมชูการแยกตัวเป็นอิสระได้มีการสนับสนุนอย่างเป็นวงกว้าง กลายเป็นฝ่ายค้านที่มีบทบาททางการเมืองสามารถแย่งชิงอำนาจกับพรรคก๊กมินตั๋งได้ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวันในปี 2000 ผู้สมัครของพรรคเฉิน ฉุ่ยเปี่ยนได้คะแนนเสียงข้างมากเอาชนะพรรคก๊กมินตั๋งกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากฝ่ายค้าน [6] ในยุคของประธานาธิบดีเฉิน ไต้หวันดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกาและดำเนินการจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา และดำเนินนโยบายที่สนับสนุนเอกราชของไต้หวัน เช่น สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติโดยใช้ชื่อ "ประเทศไต้หวัน" หลีกเลี่ยงใช้คำว่า "สาธารณรัฐจีน"ตามแบบพรรคก๊กมินตั๋ง [7]
ผลการเลือกตั้ง
แก้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี
แก้การเลือกตั้ง | ผู้สมัคร | คู่สมัคร | คะแนนเสียงทั้งหมด | สัดส่วนคะแนนเสียง | ผลการเลือกตั้ง |
---|---|---|---|---|---|
2539 | เผิง มิงก์-มิน | แฟรงก์ เชย์ | 2,274,586 | 21.13% | พ่ายแพ้ |
2543 | เฉิน ฉุ่ยเปี่ยน | แอนเน็ต ลู | 4,977,737 | 39.30% | ได้รับเลือกตั้ง |
2547 | 6,446,900 | 50.11% | ได้รับเลือกตั้ง | ||
2551 | แฟรงก์ เชย์ | ซู เจิง-ชาง | 5,445,239 | 41.55% | พ่ายแพ้ |
2555 | ไช่ อิงเหวิน | ซู เจีย-เฉวียน | 6,093,578 | 45.63% | พ่ายแพ้ |
2559 | เฉิน เชียง-เจ็น ( นักการเมืองอิสระ) |
6,894,744 | 56.12% | ได้รับเลือกตั้ง | |
2563 | ไล่ ชิงเต๋อ | 8,170,231 | 57.13% | ได้รับเลือกตั้ง | |
2567 | ไล่ ชิงเต๋อ | เซียว เหม่ย์ฉิน | 5,585,097 | 40.05% | ได้รับเลือกตั้ง |
การเลือกตั้งสภานิติบัญญัติสาธารณรัฐจีน
แก้การเลือกตั้ง | จำนวนที่นั่ง | คะแนนเสียงทั้งหมด | สัดส่วนคะแนนเสียง | ที่นั่งเปลี่ยน | ผู้นำเลือกตั้ง | สถานภาพพรรค |
---|---|---|---|---|---|---|
2532 | 21 / 130
|
หวง ซิ่น-เจี้ย | เสียงส่วนน้อย | |||
2535 | 51 / 161
|
2,944,195 | 31.0% | 30 ที่นั่ง | ซู ชิน-เหลียง | เสียงส่วนน้อย |
2538 | 54 / 164
|
3,132,156 | 33.2% | 3 ที่นั่ง | ชิห์ มิงก์-เทห์ | เสียงส่วนน้อย |
2541 | 70 / 225
|
2,966,834 | 29.6% | 16 ที่นั่ง | หลิน ยี่-สวง | เสียงส่วนน้อย |
2544 | 87 / 225
|
3,447,740 | 36.6% | 21 ที่นั่ง | เฉิน ฉุ่ยเปี่ยน | เสียงส่วนน้อย |
2547 | 89 / 225
|
3,471,429 | 37.9% | 2 ที่นั่ง | เสียงส่วนน้อย | |
2551 | 27 / 113
|
3,775,352 | 38.2% | 62 ที่นั่ง | เสียงส่วนน้อย | |
2555 | 40 / 113
|
4,556,526 | 34.6% | 13 ที่นั่ง | ไช่ อิงเหวิน | เสียงส่วนน้อย |
2559 | 68 / 113
|
5,370,953 | 44.1% | 28 ที่นั่ง | เสียงส่วนมาก | |
2563 | 61 / 113
|
4,811,241 | 33.98% | 7 ที่นั่ง | โช จุง-ไท | เสียงส่วนมาก |
2567 | 51 / 113
|
10 ที่นั่ง | เสียงส่วนน้อย |
อ้างอิง
แก้- ↑ van der Horst, Linda (6 January 2016). "The Rise of Taiwan's 'Third Force'". The Diplomat. สืบค้นเมื่อ 9 February 2018.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 Casey, Michael (12 June 2016). "Time to Start Worrying about Taiwan". The National Interest. สืบค้นเมื่อ 9 February 2018.
- ↑ Fell, D. & Wu, C. East Asia (2006) 23: 3. https://doi.org/10.1007/s12140-006-0001-6
- ↑ "Hurry up: Taiwan's president has upset both business and workers". The Economist. 26 May 2018. สืบค้นเมื่อ 25 June 2018.
- ↑ http://www.tnamcot.com/content/382123
- ↑ http://myfirstbrain.com/student_view.aspx?id=89916
- ↑ http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9500000110932[ลิงก์เสีย]