โฉมงามกับเจ้าชายอสูร (ภาพยนตร์ พ.ศ. 2560)

ภาพยนตร์ฉบับคนแสดงของดิสนีย์ กำกับโดยบิล คอนดอน (ค.ศ. 2017)

โฉมงามกับเจ้าชายอสูร (อังกฤษ: Beauty and the Beast) เป็นภาพยนตร์เพลงอเมริกันแนวโรแมนติก แฟนตาซี ผจญภัย ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2017 กำกับโดย บิล คอนดอน เขียนบทโดย สตีเฟน ชาบอสกี และอีแวน สปิลลิโอโทปูลอส อำนวยการสร้างโดยวอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ และแมนด์วิลล์ฟิล์มส์[6] ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงที่สร้างจากภาพยนตร์แอนิเมชันในชื่อเดียวกันของวอลต์ ดิสนีย์ ในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งมีพื้นฐานมาจากเทพนิยายในชื่อเดียวกันของฌานน์-มารี เลอแปรงซ์ เดอ โบมง ในปี ค.ศ. 1740 ภาพยนตร์แสดงนำโดย เอ็มมา วอตสัน และแดน สตีเวนส์ เป็นเบลล์และอสูร ตามลำดับ ร่วมด้วย ลุค อีแวนส์, เควิน ไคลน์, จอช แกด, ยวน แม็คเกรเกอร์, สแตนลีย์ ทุชชี, ออดรา แมคโดนัลด์, กูกู อึมบาทา-รอว์, เอียน แม็กเคลเลน และ เอ็มมา ทอมสัน เป็นบทบาทสมทบ ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของเบลล์ ที่ถูกจับเป็นเชลยอยู่ในปราสาท โดยมีอสูรที่น่ากลัวอาศัยอยู่ซึ่งท้ายที่สุดก็ตกหลุมรักเธอ ที่นั้นทำให้เธอรู้ว่าอสูรเป็นเจ้าชายที่ถูกสาปโดยผู้วิเศษลึกลับร่วมกับคนรับใช้ของเขา เพื่อเป็นการลงโทษสำหรับความเย็นชาในอดีต

โฉมงามกับเจ้าชายอสูร
ใบปิดภาพยนตร์
กำกับบิล คอนดอน
บทภาพยนตร์
สร้างจาก
อำนวยการสร้าง
นักแสดงนำ
กำกับภาพโทเบียส ชลีสส์เลอร์
ตัดต่อเวอร์จิเนีย คัทซ์
ดนตรีประกอบอลัน เมนเคน
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์
โมชันพิกเชอส์
วันฉาย23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 (2017-02-23)(สเปนเซอร์เฮาส์)
17 มีนาคม ค.ศ. 2017 (2017-03-17)(สหรัฐ)
16 มีนาคม ค.ศ. 2017 (2017-03-16)(ไทย)
ความยาว129 นาที[2]
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง160–255 ล้านดอลลาห์สหรัฐ[3][4][5]
ทำเงิน1.266 พันล้านดอลลาห์สหรัฐ[3]

แผนการนำภาพยนตร์แอนิเมชันในปี ค.ศ. 1991 เรื่อง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร กลับมาสร้างใหม่รูปแบบภาพยนตร์คนแสดง ได้รับการยืนยันในเดือนเมษายน ค.ศ. 2014 โดยมีคอนดอนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ นักแสดงหลักส่วนใหญ่เซ็นสัญญาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน ค.ศ. 2015 การถ่ายทำเริ่มเดินกล้องถ่ายจริงที่เชปเพอร์ตอนสตูดิโอส์ (Shepperton Studios) ในมณฑลเซอร์รี ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมในปีนั้น โดยใช้งบประมาณการผลิต 255 ล้านดอลลาห์สหรัฐ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ใช้ทุนสร้างสูงสุดในปัจจุบัน

โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 ที่สเปนเซอร์เฮาส์ในลอนดอน และเข้าฉายในสหรัฐในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2017 ในระบบสองมิติ, ดิสนีย์ดิจิทัลทรี-ดี, เรียลดีทรีดี, ไอแมกซ์ และไอแมกซ์สามมิติ พร้อมด้วยระบบดอลบีซินีมา[7] ภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจากนักวิจารณ์ ซึ่งชื่นชมการแสดง เพลงประกอบ และงานภาพ ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จในด้านรายได้โดยทำรายได้ 1.2 พันล้านดอลลาห์สหรัฐทั่วโลก และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ประจำปี ค.ศ. 2017 และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดจนถึงปัจจุบัน ในบรรดาภาพยนตร์ฉบับคนแสดงของดิสนีย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 จนถึงปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 90 โดยในละครโทรทัศน์ภาคแยกเรื่อง ลิตเติลทาวน์ กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาสำหรับเผยแพร่ทางดิสนีย์+ แต่ถูกระงับการผลิต

เนื้อเรื่อง แก้

ณ ปราสาทแห่งหนึ่ง เจ้าชายผู้เลือดเย็นได้เชื้อเชิญผู้คนมางานรื่นเริง มีผู้วิเศษนางหนึ่งปลอมตัวเป็นหญิงแก่ขอทาน ได้มายังปราสาทเพื่อขอที่พักจากเจ้าชายเลือดเย็น ซึ่งเจ้าชายปฏิเสธอย่างไม่ใยดี นางจึงสาปเขาให้กลายเป็นอสูรที่น่ารังเกียจและสาปคนรับใช้ให้กลายเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงลบความทรงจำเกี่ยวกับพวกเขาออกจากหัวผู้คน นางให้ดอกกุหลาบวิเศษไว้ ทั้งว่าหากเจ้าชายรู้จักรักใครสักคนและคนที่เขารักนั้นรักกลับก่อนกุหลาบกลีบสุดท้ายล่วงโรย เจ้าชายและคนรับใช้จะกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง แต่ถ้าไม่พวกเขาจะเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาล

หลายปีต่อมา ในหมู่บ้านวีย์เนิฟ (Villeneuve) หญิงสาวนามว่า เบลล์ ผู้ที่ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ อาศัยอยู่กับบิดาของเธอนามว่า มอริส ซึ่งเป็นจิตรกรและนักประดิษฐ์ เบลล์ถูกหมายตาโดย แกสตัน อดีตนักรบและนายพรานผู้หล่อเหลาแต่เย่อหยิ่ง ซึ่งเบลล์ปฏิเสธไปทุกครั้ง วันหนึ่ง ในขณะที่มอริสไปตลาดเพื่อขายกล่องดนตรี เขากลับหลงทางทางอยู่ในป่าและถูกสุนัขป่าทำร้าย เขาจึงมาหลบภัยในปราสาทอสูร และได้หยิบดอกกุหลาบในปราสาททำให้อสูรจองจำเพื่อเป็นการลงโทษ ต่อมาเบลล์ได้รู้ว่าบิดาของเธอหายตัวไป เธอได้ตามหาและพบเขาที่ถูกขังอยู่ในห้องขัง เธอจึงเสนอตัวว่าจะยอมถูกขังแทนบิดา ซึ่งอสูรก็ตกลง

ต่อมาเบลล์ได้ผูกมิตรกับเหล่าคนรับใช้ซึ่งรับรองเธอด้วยอาหารมื้อค่ำสุดวิเศษ หลังจากมื้อค่ำเธอได้ไปที่ปีกตะวันตกอันเป็นเขตต้องห้ามและเธอก็ได้ลองแตะต้องดอกกุหลาบวิเศษ เมื่ออสูรมาพบเข้าจึงโกรธและอาละวาดใส่เธอ เบลล์รู้สึกกลัวและรีบหลบหนีออกจากปราสาท ระหว่างทางเธอถูกสุนัขป่าโจมตี อย่างก็ตามอสูรก็ได้มาช่วยเธอไว้จนได้รับบาดเจ็บ เบลล์จึงช่วยปฐมพยาบาลให้เขา ด้วยเหตุนี้เองความสัมพันธ์ของทั้งสองได้พัฒนาขึ้น อสูรนั้นเริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อเบลล์ และเอาของขวัญมาให้เบลล์ดู ซึ่งนั่นก็คือหนังสือวิเศษ เบลล์ผ่านหนังสือวิเศษเข้าไปพบความจริงเกี่ยวกับตัวเธอ ซึ่งเมื่อเบลล์เห็นหน้ากากหมอกาฬโรค เธอก็รู้ทันทีว่า เมื่อเธอยังเป็นทารก บิดาของเธอทิ้งมารดาของเธอไปเพราะมารดาของเธอป่วยเป็นกาฬโรค ขณะเดียวกันเหล่าคนใช้ได้บอกเธอว่าเธอนั้นช่วยถอนคำสาปได้

ขณะเดียวกัน มอริสกับมาที่หมู่บ้านและบอกว่าลูกสาวของเขาถูกจับไปโดยอสูรร้าย แต่ทุกคนต่างเมินเฉย แกสตันจึงเสนอตัวมาช่วยมอริส ต่อมาแกสตันก็เปิดเผยว่าที่เขามาช่วยครั้งนี้เพื่อที่จะแต่งงานกับเบลล์ มอริสปฏิเสธ ทำให้แกสตันโกรธและมัดเขาไว้กับต้นไม้และทิ้งเขาไว้ในป่าเพื่อเป็นอาหารของสุนัขป่า แต่แล้วมอริสก็ได้รับช่วยเหลือโดยนักบวชหญิงชื่อ อกาธา ซึ่งแท้จริงแล้วคือผู้วิเศษแปลงกายมา และได้กลับมาเพื่อบอกชาวบ้านถึงการกระทำอันเลวร้ายของแกสตัน แต่แกสตันก็ใส่ร้ายมอริสว่าเขาเริ่มเสียสติ และยุยงชาวบ้านให้นำมอริสไปรักษาอาการทางจิต

หลังจากเบลล์ได้เต้นรำและพูดคุยกับอสูร เบลล์ก็รู้ว่าบิดาของเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายผ่านกระจกวิเศษ และอ้อนวอนให้อสูรปลดปล่อยเธอไปหาบิดา อสูรทำตามใจเบลล์ แต่ต้องสัญญาว่าจะกลับมา เบลล์ให้คำสัญญา ก่อนไปอสูรมอบกระจกวิเศษให้กับเธอ เบลล์กลับบ้านไปพร้อมกับกระจกวิเศษ ที่หมู่บ้าน เบลล์ได้เข้ามาช่วยแก้ต่างให้มอริสโดยแสดงภาพอสูรจากกระจกให้ชาวบ้านได้เห็น ทำให้แกสตันส่งเธอไปขังอยู่กับบิดาของเธอ แกสตันได้ปลุกระดมพวกชาวบ้านเพื่อออกสังหารอสูร เพราะเชื่อว่าเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่แล้วเบลล์กับมอริสก็หลบหนีออกมาได้ เบลล์จึงรีบกลับไปที่ปราสาทเพื่อช่วยอสูร

ขณะที่เบลล์กำลังมุ่งหน้าไปปราสาทอสูร พวกชาวบ้านพร้อมอาวุธ นำโดยแกสตันก็มาถึงปราสาทและบุกเข้าไปเพื่อตามหาอสูร เหล่าคนรับใช้ได้เข้ามาขัดขวางและต่อสู้กับชาวบ้านผู้บุกรุก ระหว่างการต่อสู้ แกสตันแยกตัวไปบนหอคอยของปราสาทและได้พบอสูร ซึ่งขณะนั้นอสูรกำลังหดหู่ คิดถึงแต่ชะตากรรมของตนเองเมื่อกุหลาบกลีบสุดท้ายใกล้จะร่วงโรย และแล้วแกสตันก็เข้าโจมตีอสูรที่ไม่ทันตั้งตัว แต่เบลล์ได้เข้ามาขวางและบอกให้แกสตันปล่อยอสูร แกสตันไล่เบลล์ไปและท้าสู้กับอสูรตัวต่อตัว อสูรเกือบจะฆ่าแกสตัน แกสตันผู้สู้อสูรไม่ได้ จึงร้องขอชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเบลล์กลับมา อสูรก็ไว้ชีวิตแกสตันไว้ ก่อนจะกลับมาหาเบลล์ ทว่า ขณะที่ทั้งสองสวมกอดกันนั้น แกสตันก็ยกปืนยิงข้างหลังอสูรเข้าอย่างจังจนบาดเจ็บ ไม่นานนัก สะพานก็ถล่มลงและแกสตันนั้นก็พลัดตกลงมาเสียชีวิตในที่สุด

ส่วนอสูรนั้นจบชีวิตลงจากการถูกยิงพร้อมกุหลาบกลีบสุดท้ายที่ร่วงลงมา แต่ เบลล์ได้สารภาพรักกับอสูร ผู้วิเศษปรากฏกายขึ้นและแก้คำสาป ทำให้เจ้าชายและเหล่าคนใช้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ต่อมาเจ้าชายและเบลล์ก็เข้าพิธีอภิเษกสมรสและเต้นรำอย่างมีความสุข

นักแสดง แก้

แถวบน: เอ็มมา วอตสัน, แดน สตีเวนส์, ลุค อีแวนส์, เควิน ไคลน์, จอช แกด และยวน แม็คเกรเกอร์ ผู้รับบท เบลล์, อสูร, แกสตัน, มอริส, เลอฟู และลูเมียร์
แถวล่าง: สแตนลีย์ ทุชชี, ออดรา แมคโดนัลด์, กูกู อึมบาทา-รอว์, แฮตตี มอราฮัน, เอียน แม็กเคลเลน และเอ็มมา ทอมสัน ผู้รับบท แมสโตร คาเดนซ่า, มาดาม เดอ กาโรบ, พลูเมตต์, อกาธา, ค็อกสเวิร์ธ และคุณนายพอตส์
  • เอ็มมา วอตสัน แสดงเป็น เบลล์,[8] หนอนหนังสือสาวผู้งดงามและเต็มไปด้วยความฝันเกี่ยวกับการผจญภัยจากหมู่บ้านวีย์เนิฟ เธอนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอสูรและเริ่มมองเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวเขา[1]
  • แดน สตีเวนส์ แสดงเป็น เจ้าชาย/อสูร,[9] เจ้าชายเลือดเย็นผู้ถูกสาปให้กลายเป็นอสูรซึ่งต้องเรียนรู้ที่จะรักใครสักคนและคนที่เขารักตอบกลับมาถึงจะถอนคำสาปได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ครองรักกับเบลล์[1] สตีเวนส์แสดงเป็นตัวละครนี้ผ่านการจับภาพเคลื่อนไหว (motion-capture)[10]
  • ลุค อีแวนส์ แสดงเป็น แกสตัน,[11] นายพรานและอดีตสมาชิกกองทัพฝรั่งเศสผ่านศึก ผู้หล่อเหลาและมีร่างกายกำยำ แต่มีนิสัยหลงตัวเองและหยิ่งยโส ซึ่งหลงรักเบลล์และหมายมั่นที่จะให้เธอเป็นภรรยา
  • เควิน ไคลน์ แสดงเป็น มอริซ,[12] พ่อของเบลล์ซึ่งเป็นม่าย เขาเป็นจิตรกรและนักประดิษฐ์
  • จอช แกด แสดงเป็น เลอฟู,[13] คู่หูผู้เฮฮาและอดทนอดกลั้นของแกสตันผู้ที่คอยรองรับโทสะอันเร่าร้อนของแกสตันอยู่ตลอดเวลา
  • ยวน แม็คเกรเกอร์ แสดงเป็น ลูเมียร์,[14] คนรับใช้ที่มีเสน่ห์ของเจ้าชาย ผู้ถูกสาปให้เป็นเชิงเทียน
  • สแตนลีย์ ทุชชี แสดงเป็น แมสโตร คาเดนซ่า, นักประพันธ์เพลงในราชสำนักของเจ้าชายและสามีของมาดาม เดอ กาโรบ ซึ่งถูกสาปให้เป็นฮาร์ปซิคอร์ด[15]
  • ออดรา แมคโดนัลด์ แสดงเป็น มาดาม เดอ กาโรบ, นักร้องโอเปร่าและภรรยาของคาเดนซ่า ผู้ถูกสาปให้เป็นตู้เสื้อผ้า[16]
  • กูกู อึมบาทา-รอว์ แสดงเป็น พลูเมตต์, แม่บ้านและคนรักของลูเมียร์ ผู้ถูกสาปให้เป็นที่ปัดฝุ่น[17]
  • แฮตตี โมราฮาน แสดงเป็น ผู้วิเศษ/อกาธา, ผู้วิเศษที่สาปเจ้าชายให้เป็นอสูร ซึ่งภายหลังปลอมตัวเป็นนักบวชในหมู่บ้านวีย์เนิฟ[18] โมราฮานยังเป็นผู้บรรยายของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
    • ริตา เดวีส์ แสดงเป็น หญิงชรา,[1] ร่างที่ผู้วิเศษจำแลงมาเป็นขอทาน
  • นาธาน แม็ก แสดงเป็น ชิพ, ลูกชายของคุณนายพอตส์ ผู้ถูกสาปให้เป็นถ้วยน้ำชา[19]
  • เอียน แม็กเคลเลน แสดงเป็น ค็อกสเวิร์ธ, หัวหน้าคนใช้ที่ห้าวแต่ภักดี ผู้ถูกสาปให้เป็นนาฬิกา[20]
  • เอ็มมา ทอมสัน แสดงเป็น คุณนายพอตส์,[12] หัวหน้าแม่บ้านประจำปราสาท ผู้ถูกสาปให้เป็นกาน้ำชา
  • เอเดรียน ชิลเลอร์ แสดงเป็น มองซิเยอร์ ดาร์ก, ผู้คุมในโรงพยาบาลบ้าผู้ถูกแกสตันว่าจ้างให้นำมอริสไปรักษา
  • เจอราร์ด โฮราน แสดงเป็น มองซิเยอร์ ฌอง พอตส์, ชาวบ้านในหมู่บ้านวีย์เนิฟผู้เป็นสามีของคุณนายพอตส์และพ่อของชิพ
  • เฮยด์ กวินน์ แสดงเป็น โคธิลด์, ชาวบ้านในหมู่บ้านวีย์เนิฟผู้เป็นภรรยาของค็อกสเวิร์ธ
  • เรย์ เฟียรอน แสดงเป็น บาทหลวงโรแบร์ท, บาทหลวงประจำหมู่บ้านผู้ให้เบลล์ยืมหนังสือในโบสถ์
  • โซฟี ไรด์, ราฟาแอล โคเฮน, และ คาร์ล่า เนลล่า แสดงเป็น แฝดหญิงทั้งสามคน, หญิงสาวทั้งสามที่คอยประจบแกสตอง
  • จิมมี จอห์นสัน, ดีน สตรีท, และ อเล็กซิส ลัวซง แสดงเป็น ทอม, ดิค, และ สแตนลี่, ชายสามคนผู้เป็นลูกน้องของแกสตอง
  • โซ เรนเนย์ แสดงเป็น แม่ของเบลล์, ภรรยาของมอริสผู้เสียชีวิตด้วยกาฬโรคและเสียชีวิตเมื่อเบลล์ยังเป็นทารก
  • คลิป โรว์ แสดงเป็น กูแซงนิเย่ร์, เชฟใหญ่ในปราสาทผู้ถูกสาปให้เป็นเตาไฟ
  • โทมัส แพดเดน แสดงเป็น ชาโป, คนรับใช้ของเจ้าชายผู้ถูกสาปให้เป็นที่แขวนเสื้อ
  • เฮนรี การแรตต์ แสดงเป็น พระราชา, พระราชบิดาของเจ้าชายผู้ที่บ่มเพาะให้เจ้าชายมีนิสัยเห็นแก่ตัวและหยิ่งยโสเหมือนเขา
  • แฮเรียต โจนส์ แสดงเป็น พระราชินี, พระราชมารดาของเจ้าชายซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อเจ้าชายยังทรงพระเยาว์

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 "Beauty and the Beast Press Kit" (PDF). Walt Disney Studios. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ April 22, 2017. สืบค้นเมื่อ April 7, 2017.
  2. "Beauty and the Beast (PG)". British Board of Film Classification. February 16, 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 3, 2017. สืบค้นเมื่อ March 7, 2017.
  3. 3.0 3.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ BOM
  4. 2017 Feature Film Study (PDF) (Report). FilmL.A. August 8, 2018. p. 21. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ August 9, 2018. สืบค้นเมื่อ August 11, 2018.
  5. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ ForbesBudget
  6. McClintock, Pamela (May 24, 2016). "'Beauty and the Beast' Teaser Tops 'Star Wars: Force Awakens' in First Day". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ May 25, 2016.
  7. Phillips, Ian; Acuna, Kristin (October 27, 2015). "Disney announced all its movies coming in the next 4 years — here's what you have to look forward to". Tech Insider. สืบค้นเมื่อ November 3, 2015.
  8. Sneider, Jeff (January 26, 2015). "Emma Watson to Star in Disney's 'Beauty and the Beast' (Exclusive)". TheWrap. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 27, 2015. สืบค้นเมื่อ January 27, 2015.
  9. Kit, Borys (March 4, 2015). "Disney's 'Beauty and the Beast' Casting Dan Stevens as the Beast (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 22, 2023. สืบค้นเมื่อ February 27, 2024.
  10. Earnest, Karen (November 11, 2016). "Dan Stevens to Star in 'The Man Who Invented Christmas'". Movies.mxdwn.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 15, 2016. สืบค้นเมื่อ March 2, 2017.
  11. Kroll, Justin (March 4, 2015). "Luke Evans to Play Gaston in Disney's 'Beauty and the Beast' (EXCLUSIVE)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 6, 2015. สืบค้นเมื่อ March 9, 2015.
  12. 12.0 12.1 Ford, Rebecca (March 16, 2015). "Disney's Live-Action 'Beauty and the Beast' Gets Release Date". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 18, 2023. สืบค้นเมื่อ February 27, 2024.
  13. Kit, Borys (March 13, 2015). "Josh Gad Joining Disney's Live-Action 'Beauty and the Beast' (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 26, 2022. สืบค้นเมื่อ February 27, 2024.
  14. Kit, Borys (April 21, 2015). "Ewan McGregor to Play Lumiere in 'Beauty and the Beast' (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 6, 2023. สืบค้นเมื่อ May 19, 2015.
  15. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ TucciCast
  16. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ McDonaldCast
  17. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ RawCast
  18. "Beauty and the Beast Release Date – 2017". Releasedateportal.com. June 30, 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 26, 2017. สืบค้นเมื่อ March 2, 2017.
  19. Gavin, Michael (August 27, 2016). "PHOTO: First look at Dan Stevens Beast (prince form) from Disney's live-action 'Beauty and the Beast' movie!". Inside the Magic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 26, 2016. สืบค้นเมื่อ March 2, 2017.
  20. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ McKellenCast

แหล่งข้อมูลอื่น แก้


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน