ตูแซ็ง ลูแวร์ตูร์

วีรบุรุษแห่งชาติเฮติ

ฟร็องซัว-ดอมีนีก ตูแซ็ง ลูแวร์ตูร์ (ฝรั่งเศส: François-Dominique Toussaint Louverture, 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1743 – 7 เมษายน ค.ศ. 1803) หรือ ตูแซ็ง ลูแวร์ตูร์ (Toussaint L'Ouverture) หรือ ตูแซ็ง เบรดา (Toussaint Bréda) เป็นนายพลชาวเฮติ เขาเป็นผู้นำคนสำคัญในการต่อสู้กับฝรั่งเศสในการปฏิวัติเฮติ ลูแวร์ตูร์เป็นผู้นำทางทหารและการเมืองผู้ปราดเปรื่องที่เปลี่ยนกลุ่มกบฏทาสให้กลายเป็นขบวนการปฏิวัติจนเฮติได้รับเอกราช ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับการยกย่องเป็น "บิดาแห่งเฮติ"[2]

ตูแซ็ง ลูแวร์ตูร์
ภาพวาดลูแวร์ตูร์ในปี ค.ศ. 1813
หลังจากเขาเสียชีวิต
ผู้สำเร็จราชการแซ็ง-ดอแม็งก์
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 1797 – 1801
แต่งตั้งโดยเอเตียน เมย์นอด
ก่อนหน้าประเดิมตำแหน่ง
ถัดไปตำแหน่งถูกยกเลิก
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด20 พฤษภาคม ค.ศ. 1743(1743-05-20)
กัป-ฟร็องซัว, แซ็ง-ดอแม็งก์
เสียชีวิต7 เมษายน ค.ศ. 1803(1803-04-07) (59 ปี)
ฟอร์เดอจู, สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 1
คู่สมรสเซซีล
ซูว์ซาน ซีมอน บาติสต์ ลูแวร์ตูร์
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้
  • สเปน
  • ฝรั่งเศส
  • เฮติ
สังกัด
ประจำการค.ศ. 1791–1803
ยศพลเอก
ผ่านศึกการปฏิวัติเฮติ

ลูแวร์ตูร์เกิดในแซ็ง-ดอแม็งก์ อาณานิคมของฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะฮิสปันโยลา เขาเป็นทาสชาวคาทอลิกที่เคร่งศาสนาผู้กลายเป็นเสรีชนระหว่างค.ศ. 1772–1776 ก่อนเกิดการปฏิวัติเฮติ[3][4] ลูแวร์ตูร์ถือตนเป็นชาวฝรั่งเศสเมื่อได้รับอิสรภาพ[5] หลังจากนั้นเขาทำงานเป็นชาวไร่ นายทาส คนขับรถม้า คนขับล่อและเจ้าของโรงสีให้แก่พื้นที่เพาะปลูกหลายแห่ง ลูแวร์ตูร์มีอายุเกือบ 50 ปีเมื่อเกิดการปฏิวัติ เขาเริ่มต้นเป็นนายทหารของฌอร์ฌ เบียซู ผู้นำช่วงต้นของสงครามเพื่อเอกราชของแซ็ง-ดอแม็งก์ในปี ค.ศ. 1791[6] เดิมลูแวร์ตูร์เป็นพันธมิตรกับฝ่ายสเปนในเขตผู้ว่าการซานโตโดมิงโก (Captaincy General of Santo Domingo) ซึ่งเป็นอาณานิคมใกล้เคียง[7] แต่ภายหลังเขาหันมาสวามิภักดิ์ต่อฝรั่งเศสเมื่อรัฐบาลสาธารณรัฐใหม่ประกาศการเลิกทาส จากนั้นลูแวร์ตูร์ใช้อิทธิพลทางการเมืองและทหารจนค่อย ๆ มีอำนาจเหนือคู่แข่งคนอื่น ๆ[5]

ตลอดเวลาที่อยู่ในอำนาจ ลูแวร์ตูร์พยายามรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของแซ็ง-ดอแม็งก์ เขาฟื้นฟูเศรษฐกิจแบบนิคมเกษตรกรรมโดยใช้แรงงานรับจ้าง เจรจาความตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักรและสหรัฐเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงปรับปรุงกองทัพให้มีประสิทธิภาพ[8] ลูแวร์ตูร์ไม่ได้ตัดความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1800 หลังเอาชนะคู่แข่งในขบวนการปฏิวัติ เขาประกาศใช้รัฐธรรมนูญปกครองตนเองโดยมีตนเป็นผู้ว่าการตลอดชีพในปี ค.ศ. 1801 ซึ่งขัดประสงค์ของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1[9]

ในปี ค.ศ. 1802 ลูแวร์ตูร์ได้รับเชิญจากฌ็อง บาติสต์ บรูเนต์ พลตรีของกองทัพปฏิวัติฝรั่งเศสให้ไปร่วมประชุม แต่เขาถูกจับตัวแล้วถูกส่งไปคุมขังที่ป้อมฟอร์เดอจูในจังหวัดดูทางตะวันออกของฝรั่งเศส ก่อนจะเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1803 แม้ลูแวร์ตูร์จะเสียชีวิตก่อนการปฏิวัติเฮติจะมาถึงจุดสำคัญ แต่ผลงานของเขาได้ปูทางไปสู่ชัยชนะของฝ่ายเฮติในท้ายที่สุด เมื่อฝรั่งเศสซึ่งสูญเสียอย่างหนักจากการสู้รบและไข้เหลืองตัดสินใจยอมจำนนและถอนทัพจากแซ็ง-ดอแม็งก์ในปลายปีเดียวกัน[10] หลังจากนั้นฌ็อง-ฌัก เดซาลีน นายทหารของลูแวร์ตูร์ประกาศเอกราชในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1804 เกิดเป็นจักรวรรดิเฮติที่หนึ่ง

อ้างอิง แก้

  1. Fombrun, Odette Roy, บ.ก. (2009). "History of The Haitian Flag of Independence" (PDF). The Flag Heritage Foundation Monograph And Translation Series Publication No. 3. p. 13. สืบค้นเมื่อ 24 December 2015.
  2. Lamrani, Salim (2021-04-30). "Toussaint Louverture, In the Name of Dignity. A Look at the Trajectory of the Precursor of Independence of Haiti". Études caribéennes (ภาษาอังกฤษ) (48). doi:10.4000/etudescaribeennes.22675. ISSN 1779-0980. S2CID 245041866.
  3. de Cauna, Jacques. 2004. Toussaint L'Ouverture et l'indépendance d'Haïti: Témoignages pour une commémoration. Paris: Ed. Karthala.
  4. "Toussaint Louverture". Britannica. สืบค้นเมื่อ August 5, 2023.
  5. 5.0 5.1 Girard, Philippe (2016). Toussaint Louverture: A Revolutionary Life (ภาษาอังกฤษ). Basic Books. ISBN 978-0465094134.
  6. Vulliamy, Ed, บ.ก. (28 August 2010). "The 10 best revolutionaries". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 15 December 2015.
  7. Bell, Madison Smartt (2008) [2007]. Toussaint L'Ouverture: A Biography. New York: Vintage Books. ISBN 978-1400079353.
  8. Cauna, pp. 7–8
  9. Popkin, Jeremy D. (2012). A Concise History of the Haitian Revolution. John Wiley & Sons. p. 114. ISBN 978-1405198219.
  10. "The Slave Rebellion of 1791". สืบค้นเมื่อ 27 November 2006.