ฌออากีม-นโปเลียน มูว์รา (ฝรั่งเศส: Joachim-Napoléon Murat) เป็นแม่ทัพและรัฐบุรุษชาวฝรั่งเศสในช่วงสงครามปฏิวัติฝรั่งเศสและสงครามนโปเลียน เขาได้รับแต่งตั้งเป็นจอมพลแห่งจักรวรรดิ และจอมพลเรือแห่งฝรั่งเศส และได้รับยศขุนนางเป็นเจ้าชายมูว์รา และแกรนด์ดยุกแห่งแบร์กระหว่างปี 1806 ถึง 1808 และได้ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งนาโปลีภายใต้พระนาม โจอักกีโน นาโปเลโอเน (อิตาลี: Gioacchino Napoleone) ระหว่างปี 1808 ถึง 1815[1][2]

ฌออากีม มูว์รา
พระมหากษัตริย์แห่งซิซิลีทั้งสอง และ
พระมหากษัตริย์แห่งนาโปลี
ครองราชย์1 สิงหาคม 1808 – 19 พฤษภาคม 1815
ก่อนหน้าโจเซฟ โบนาปาร์ต
ถัดไปแฟร์ดีนันด์ที่ 1
แกรนด์ดยุกแห่งแบร์ค
ครองราชย์15 มีนาคม 1806 – 1 สิงหาคม 1808
ถัดไปนโปเลียน หลุยส์ โบนาปาร์ต
ประสูติ25 มีนาคม ค.ศ. 1767(1767-03-25)
ลอ, ราชอาณาจักรฝรั่งเศส
ฌออากีม มูว์รา
สวรรคต13 ตุลาคม ค.ศ. 1815(1815-10-13) (48 ปี)
แคว้นคาลาเบรีย
คู่อภิเษกแคโรลีน โบนาปาร์ต
พระนามเต็ม
ฝรั่งเศส: Joachim-Napoléon Murat
อิตาลี: Gioacchino-Napoleone Murat
ราชวงศ์ราชวงศ์มูว์รา
พระราชบิดาปีแยร์ มูว์รา-ยอร์ดี
พระราชมารดาฌ็อง ลูบีแร
ศาสนาโรมันคาทอลิก

ฌออากีม มูว์รา เกิดที่ ลาบัสตีด-ฟอร์ตูนีแยร์ (Labastide-Fortunière) ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เป็นบุตรของนายปีแยร์ มูว์รา-ฌอร์ดี กับนางแคเทอรีน บาดูเรส ฌออากีมเคยเป็นนักบวชไม่นาน ก่อนเข้าบรรจุเป็นพลทหารม้าเมื่อเกิดการปะทุของการปฏิวัติฝรั่งเศส เขาได้ฉายความสามารถอย่างโดดเด่นภายใต้บัญชาของนายพลนโปเลียน โบนาปาร์ตในเหตุการณ์ยิงปืนใหญ่ปราบฝูงชนจลาจลนิยมเจ้าเมื่อเดือนตุลาคม 1795 ต่อมา เขาได้เป็นนายทหารคนสนิทนโปเลียน และบังคับบัญชาทหารม้าในการทัพอิตาลีและอียิปต์

ฌออากีม มูว์รา มีบทบาทสำคัญในเหตุรัฐประหาร 18 บรูว์แมร์ ในปี 1799 ซึ่งทำให้นโปเลียนขึ้นสู่อำนาจ และสมรสกับการอลีน โบนาปาร์ต น้องสาวของนโปเลียน ทำให้เขามีศักดิ์เป็นน้องเขยของนโปเลียน และแล้วเมื่อนโปเลียนประกาศสถาปนาจักรวรรดิฝรั่งเศสในปี 1804 มูว์ราก็ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นจอมพลแห่งจักรวรรดิ และมีส่วนร่วมในยุทธการที่อุล์ม, เอาสเทอร์ลิทซ์, เยนา, ไอเลา ในฐานะแม่ทัพทหารม้าผู้เก่งกาจ ส่งผลให้ในปี 1806 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นแกรนด์ดยุกแห่งแบร์ค และในปี 1808 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์แห่งนาโปลี

ภายหลังนโปเลียนพ่ายแพ้สงคราม จอมพลมูว์ราหลบหนีสู่เกาะคอร์ซิกา และมีความพยายามที่จะหวนคืนสู่ราชบัลลังก์นาโปลี แต่แล้วเขาก็ถูกจับเป็นเชลยสงคราม และถูกประหารชีวิตโดยการยิง

อ้างอิง แก้

  1. Emsley 2014, pp. 59.
  2. Atteridge 1911, Chapter XIII.