จักรวรรดิดุรรานี

จักรวรรดิดุรรานีหรือที่รู้จักกันในชื่อ อาณาจักรอัฟกัน เป็นอาณาจักรที่ก่อตั้งขึ้นโดย อาหมัด ชาห์ ดุรรานี ในปี 1747 ซึ่งเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์อัฟกานิสถานและเอเชียกลาง

จักรวรรดิดุรรานี

د درانیانو ټولواکمني (ปาทาน)
امپراتوری درانیان (เปอร์เซีย)
June 1747–1863
ธงชาติจักรวรรดิดุรรานี
ธงชาติ
เมืองหลวง
ภาษาทั่วไป
  • Pashto (กวีนิพนธ์ซึ่งเริ่มแรกใช้ในระบบราชการ)[a][4][5]
  • Persian (ศาลฎีกา ภาษาเจ้าหน้าที่ศาล งานบันทึกประวัติศาสตร์ การทูต)[5][6][7]
ศาสนา
Sunni Islam
การปกครองราชาธิปไตยโดยเลือกตั้ง
Shah 
• 1747–1772
Ahmad Shah Durrani
• 1772
Humayun Mirza
  (Disputed with Timur Shah)
• 1772–1793
Timur Shah Durrani
• 1793–1801
Zaman Shah Durrani
• 1801–1803
Mahmud Shah Durrani
• 1803–1809
Shujah Shah Durrani
• 1809–1818
  (Disputed in 1810)
Mahmud Shah Durrani
• 1810–1810 (Disputed)
Abbas Mirza Durrani
• 1818–1819
Ali Shah Durrani
• 1819–1823
Ayub Shah Durrani
• 1839–1842
Shujah Shah Durrani
ยุคประวัติศาสตร์สมัยใหม่ตอนต้น
• Dynasty established by Ahmad Shah Durrani
June 1747
• สิ้นสุด
1863
ประชากร
• 
14 million[8]
ก่อนหน้า
ถัดไป
อิหร่านแอฟซอริด
จักรวรรดิโมกุล
จักรวรรดิมราฐา
Bukhara Khanate
เอมิเรตอัฟกานิสถาน
จักรวรรดิซิกข์

การสถาปนา

แก้

อาหมัด ชาห์ ดุรรานี เกิดในปี 1722 ในเผ่า อับดาลี หนึ่งในเผ่าพาทานที่ทรงอำนาจ หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์โฮตัก เขาได้เข้าร่วมกองทัพของ นาเดอร์ ชาห์ แห่งจักรวรรดิเปอร์เซีย หลังจากการลอบสังหาร นาเดอร์ ชาห์ ในปี 1747 อาหมัดได้รับการสนับสนุนจากชนเผ่าพาทานต่างๆ และถูกเลือกให้เป็นผู้นำ เขาจึงได้สถาปนาจักรวรรดิดุรรานีขึ้น

จักรวรรดิดุรรานีนำกองทัพเข้าพิชิตดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ปัญจาบ และแคชเมียร์ ซึ่งเป็นดินแดนที่สำคัญในการขยายอำนาจของจักรวรรดิในปี 1761 อาหมัด ชาห์ ดุรรานี ได้รบกับกองทัพมาราธาในยุทธการที่ Panipat ครั้งที่สาม และชนะสงครามซึ่งทำให้จักรวรรดิดุรรานีขยายอำนาจในภูมิภาคอินเดียตะวันตก

การปกครอง

แก้

นโยบายการปกครองจักรวรรดิใช้นโยบายการปกครองที่ยืดหยุ่นและมีความอดทนต่อกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาต่างๆ เพื่อรักษาความสงบสุขและเสถียรภาพในอาณาจักรและสร้างระบบการปกครองและการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้จักรวรรดิสามารถรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ศาสนาและวัฒนธรรมจักรวรรดิดุรรานีมีการสนับสนุนและปกป้องศาสนาอิสลาม แต่ยังคงเคารพและให้เสรีภาพแก่กลุ่มศาสนาอื่น ด้านวัฒนธรรมได้สนับสนุนการพัฒนาและการเผยแพร่วัฒนธรรมและศิลปะในจักรวรรดิ ทำให้อาณาจักรมีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม

การเสื่อมอำนาจและล่มสลาย

แก้

หลังจากการเสียชีวิตของ อาหมัด ชาห์ ดุรรานี ในปี 1772 จักรวรรดิเริ่มเสื่อมถอย ลูกหลานของเขาไม่สามารถรักษาความเข้มแข็งและความเป็นเอกภาพของจักรวรรดิได้ ดินแดนหลายแห่งถูกสูญเสียให้กับศัตรูภายนอกและการกบฏภายในต่อมาบุตรชายคือ เตมือร์ชาห์ ดุรรานี ขึ้นครองราชย์ในปี 1772 แต่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการรักษาอาณาจักร ความไม่สงบและการกบฏภายในเพิ่มมากขึ้น ทำให้จักรวรรดิต้องแบ่งแยกดินแดนและสูญเสียความเป็นเอกภาพ

หลังการเสียชีวิตของ เตมือร์ชาห์ ในปี 1793 จักรวรรดิได้เผชิญกับสงครามภายในและการแย่งชิงอำนาจระหว่างทายาทบัลลังค์ ในขณะเดียวกัน จักรวรรดิได้ถูกโจมตีจากศัตรูภายนอก เช่น จักรวรรดิซิกห์ และจักรวรรดิอังกฤษ ในต้นศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิ ดุรรานี ได้ล่มสลายอย่างเป็นทางการ ดินแดนที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิได้ถูกแบ่งแยกและกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิและประเทศเพื่อนบ้าน

อ้างอิง

แก้
  1. Hanifi, Shah Mahmoud (2011). Connecting Histories in Afghanistan: Market Relations and State Formation on a Colonial Frontier. Stanford University Press. p. 185. ISBN 9780804777773. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 August 2021. สืบค้นเมื่อ 2012-08-04. Timur Shah transferred the Durrani capital from Qandahar in 1775–76. Kabul and Peshawar then shared time as the dual Durrani capital cities, the former during the summer and the latter during the winter season.
  2. Singh, Sarina (2008). Pakistan and the Karakoram Highway. Lonely Planet. p. 191. ISBN 9781741045420. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 November 2016. สืบค้นเมื่อ 2012-08-10. Like the Kushans, the Afghan kings favoured Peshawar as a winter residence, and were aggrieved when the upstart Sikh kingdom snatched it in 1818 and levelled its buildings.
  3. L. Lee, Jonathan (1996). The Ancient Supremacy: Bukhara, Afghanistan and the Battle for Balkh, 1731–1901 (illustrated ed.). BRILL. p. 116. ISBN 9004103996. สืบค้นเมื่อ March 8, 2013. [The Sadozai kingdom] continued to exist in Herat until the city finally fell to Dost Muhammad Khan in 1862.
  4. 4.0 4.1 Schimmel 1975, p. 12.
  5. 5.0 5.1 Green, Nile (2019). "The Rise of New Imperial and National Languages (ca. 1800 – ca. 1930)". ใน Green, Nile (บ.ก.). The Persianate World: The Frontiers of a Eurasian Lingua Franca. University of California Press. p. 42. ISBN 978-0520972100. Despite Ahmad Shah Durrani's flirtations with founding a Pashto-based bureaucracy, when the capital moved from Qandahar to Kabul in 1772, Durrani and post-Durrani Afghanistan retained Persian as its chancery and chief court language.
  6. Archambault, H. (2023, April 19). Afghan Circulations in the Persianate World, c. 1000–1800. Oxford Research Encyclopedia of Asian History. Retrieved 16 Oct. 2023, from https://oxfordre.com/asianhistory/view/10.1093/acrefore/9780190277727.001.0001/acrefore-9780190277727-e-700
  7. Hanifi, S. (2022, August 15). Deciphering the History of Modern Afghanistan. Oxford Research Encyclopedia of Asian History. Retrieved 16 Oct. 2023, from https://oxfordre-com.wikipedialibrary.idm.oclc.org/asianhistory/view/10.1093/acrefore/9780190277727.001.0001/acrefore-9780190277727-e-321.
  8. Noelle, Christine (1997). State and Tribe in Nineteenth Century Afghanistan The Reign of Amir Dost Muhammad Khan (1826–1863). Psychology Press. p. 15. ISBN 9781138982871.


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน